ความรู้สึกตื่นเต้นว้าวุ่นแผ่ขยายไปในค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ
ผ่านไปวันหนึ่งแล้ว ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณทั้งมวลต่างรอคอยอยู่ในเมือง ไม่ล่วงรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก
จ้าวจิ่งเซวียนยืนอยู่บนกำแพงเมือง ผมปลิวไสว เงาร่างสูงโปร่งอรชร
นางก็กำลังรออยู่
แสงอรุณส่องลงบนใบหน้างามกระจ่างของนาง ปรากฏประกายนุ่มนวลและพิสุทธิ์ผุดผ่อง
เมื่อนางเห็นยานขนส่งอวกาศแล่นปราดมาจากฟ้า ค่อยๆ ใหญ่ขึ้นในครรลองสายตา ความพะว้าพะวงในใจจ้าวจิ่งเซวียนก็สงบลงช้าๆ
และในดวงตาอันงดงามของนางก็ฉายประกายตระการตา
กลับมาแล้ว!
ความผ่อนคลาย ตื่นเต้นและปรีดาอันไม่อาจบรรยายได้ผุดขึ้นในจิตใจของจ้าวจิ่งเซวียนราวกระแสน้ำ มุมปากก็คลี่ยิ้มตามไปด้วย
ภาพเช่นนั้นดูงามกระจ่างผิดธรรมดาท่ามกลางแสงอรุณ
“กลับมาแล้ว!”
ในเมืองอารักษ์มรรคมีเสียงร้องตะลึงตื่นเต้นหาใดเทียบเสียงหนึ่งดังขึ้น
ทันใดนั้นทั้งเมืองก็อึกทึกครึกโครมขึ้นมา เงาร่างที่ต่างตั้งหน้าตั้งตาคอยนับไม่ถ้วนพากันชะเง้อคอดู พอเห็นยานขนส่งอวกาศกดชั้นเมฆมาล้วนส่งเสียงไชโยโห่ร้องอย่างห้ามไม่อยู่
บนยานขนส่งอวกาศ เมื่อพวกหลินสวิน เจ้าคางคก อาหลู่ เซ่าเฮ่า รั่วอู่ได้เห็นภาพนี้เข้า ก็มองหน้ายิ้มให้กัน จิตใจก็พลอยเบิกบานไปด้วย
……
วันนี้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณสะท้านสะเทือน ข่าวค่ายทัพแปดดินแดนถูกถล่มราบก็เหมือนพายุ ทำให้ผู้แข็งแกร่งทุกคนของดินแดนรกร้างโบราณสั่นสะท้านโดยสมบูรณ์
“ฮ่าๆๆ ชนะแล้ว การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนคราวนี้ พวกเราดินแดนรกร้างโบราณชนะแล้ว!”
มีคนหัวเราะบ้าคลั่ง กระโดดโลดเต้นไปตามถนน ยินดีปรีดาแทบคลั่ง
“ความแค้นและความอับอายในวันวาน ในที่สุดก็ถูกชะล้างไปเสียที สะใจ สะใจยิ่งนัก เอาเหล้ามา!”
มีคนตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น
“ฮือๆๆ… ศิษย์พี่ชายหญิง ถ้าพวกเจ้าในยมโลกได้รู้คงตายตาหลับได้แล้ว!”
มีคนนั่งลงกับพื้น ร้องไห้หลั่งน้ำตาอย่างขมขื่น
“ตัวคนเดียวพลิกสมรภูมิ กระบี่เดียวเทียบเท่าล้านปรมาจารย์! วีรกรรมนี้ของผู้อาวุโสหลินสวินต้องถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ เป็นที่จารึกของชนรุ่นหลังนับหมื่นรุ่นแน่!”
มีคนทอดถอนใจเสียงสูง
“นี่จึงจะเป็นความสง่างามของผู้นำที่แท้จริง ผู้กล้าแห่งดินแดนหนึ่ง เสาหลักแห่งมหาโลก! ไม่เคยมีในอดีต มีเพียงผู้อาวุโสหลินสวินคนเดียว!”
“ใช้พลังของตนคนเดียวพลิกแพ้เป็นชนะ ถล่มศัตรูแปดดินแดนจนราบคาบ อริยะผู้แกล้วกล้าในอดีตและปัจจุบันมีมากมาย แต่ที่ครองความเป็นหนึ่งมีผู้เดียว!”
เสียงนับไม่ถ้วนดังขึ้นอย่างไม่ขาดสายในเมือง
และคำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับหลินสวินล้วนชื่นชม สรรเสริญ คลั่งไคล้และเคารพอย่างไม่ปิดบัง
ใครก็รู้ว่าตั้งแต่การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนเริ่มขึ้นจนกระทั่งตอนนี้ หากไม่มีหลินสวินก็ย่อมไม่มีชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในวันนี้ของดินแดนรกร้างโบราณ!
ท่านไม่เห็นหรือ บุกสังหารนองเลือดสามหมื่นลี้ กดข่มหนึ่งเมืองไม่มีใครกล้าออกมาต่อต้าน
ท่านไม่เห็นหรือ กักขังทัพเจ็ดดินแดนไว้หน้าเมือง ยิ้มเยาะประหารเหล่าศัตรู!
ท่านไม่เห็นหรือ ในกระบวนค่ายกลใหญ่ทะเลผาดำ สำแดงอานุภาพใครสู้ได้
ท่านไม่เห็นหรือ ศึกมกุฎสมรภูมิเซียนเหิน เหล่าผู้กล้าตายตกดั่งดาวร่วงโรย!
ท่านไม่เห็นหรือ…
ตัวหลินสวินมีวีรกรรมรุ่งโรจน์สะท้านโลกมากมายเกินไป แต่ละเรื่อง หยิบยกมาสักเรื่องก็เป็นปาฏิหาริย์ที่สามารถทำให้คนทั้งโลกตกตะลึง!
……
ค่ำนี้ คฤหาสน์ที่หลินสวินอยู่มีผู้คนร่ำสุราครึกครื้น เสียงหัวเราะชื่นมื่นไม่ขาดสาย
ชีวิตคนเราจะหัวเราะร่าได้สักกี่ครา ดวลสุราทั้งทีต้องเมามาย!
จนกระทั่งก่อนรุ่งสาง เหล่าสหายแขกเหรื่อของหลินสวินจึงค่อยๆ แยกย้ายไป
ลานบ้านว่างเปล่า ซย่าจื้อนั่งหน้าบันไดหินเงียบๆ หมวกม่านคลุมศีรษะที่ปิดบังใบหน้าถูกเลิกออกแล้ว เผยให้เห็นใบหน้างดงามอันเป็นที่ตระการตาชั่วกาล พาให้ฟ้าดินหม่นหมอง
ต่อให้เป็นจ้าวจิ่งเซวียน ยามเห็นภาพนี้อย่างไม่ตั้งใจยังเผยสีหน้าตกตะลึง ในใจสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย
งดงามเกินไปแล้ว!
ความงามเช่นนั้นออกมาจากภายใน เครื่องหน้าประณีตดั่งงานชิ้นเอกอันสมบูรณ์แบบจากสรวงสวรรค์ ส่งผลให้ใครก็หารอยตำหนิไม่พบสักนิดเดียว
นางนั่งเรื่อยเปื่อยอยู่เช่นนั้น ตากระจ่างฟันขาวพิสุทธิ์ เส้นคิ้วดั่งน้ำหมึก ท่าทางสงบนิ่ง ยากจับต้อง เย็นชา สวมชุดดำแขนกว้าง ขับเน้นให้ผิวพรรณของนางเปล่งปลั่งขาวผุดผ่อง
จ้าวจิ่งเซวียนมองดูนาง ในหัวพลันมีประโยคหนึ่งฉายวาบขึ้นมา ที่นี่มีโฉมงาม เดียวดายละโลกา ชมคราแรกเพียงล่มเมือง ดูอีกคราล่มแผ่นดิน
ด้านหลินสวินหัวใจก็พลันเต้นโครมครามอย่างรุนแรง ไม่พบกันสิบกว่าปี ยายหนูนี่โตขึ้นเป็นหญิงงามเหนือโลการ่างเพรียวบางคนหนึ่งเสียแล้ว!
“พวกเจ้าพูดคุยกันเถอะ ข้าไปพักก่อน”
หลังจากได้สติกลับมาจ้าวจิ่งเซวียนก็หันกายจากไป เพียงแต่เมื่อกลับไปที่ห้องของตัวเอง ในใจนางกลับไม่อาจสงบใจได้อยู่บ้าง
ซย่าจื้อในอดีตยังเป็นเพียงเด็กสาวงดงามที่ไม่เหมือนใคร พริ้มเพราเกินคนทั่วไปผู้หนึ่ง ในใจของจ้าวจิ่งเซวียนก็มองนางเหมือนน้องสาวมาโดยตลอด
แต่ก็ในคืนนี้เอง นางกลับได้รับรู้เป็นครั้งแรกว่าซย่าจื้อไม่ใช่ซย่าจื้อคนก่อนนานแล้ว หลายปีผ่านไป นางยิ่งงดงามยิ่งขึ้น
ความงามเช่นนั้น ทำให้จ้าวจิ่งเซวียนยังใจสั่นระรัว ตื่นตะลึงและตกใจ
หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง จ้าวจิ่งเซวียนยังไม่กล้าเชื่อว่าบนโลกนี้จะยังมีผู้ที่สวยสะคราญปานนี้ด้วย ทำให้นางที่เป็นผู้หญิงยังถึงกับรู้สึกละอายรูปโฉมของตัวเองอย่างอดไม่ได้
‘ยังดีที่นางปิดบังรูปโฉมอยู่ตลอด หาไม่แล้ว บนโลกนี้ชายคนไหนก็คงหลงรักเทิดทูนนาง’
จ้าวจิ่งเซวียนนั่งอยู่หน้าเตียง รำพึงรำพันในใจ ตั้งแต่แรกนางยังไม่เคยคิดไปประชันอะไรกับซย่าจื้อมาก่อน
เพราะนางรู้ดีว่าในใจหลินสวิน ซย่าจื้อก็เป็นดั่งน้องสาวคนหนึ่ง อีกทั้งสองคนนี้พึ่งพิงเคียงข้างกันมานานมากแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์