เตาหนึ่งลอยขึ้นดุจดั่งสุริยันกลางนภา!
สัทครรลองมหามรรคไหวกระเพื่อมเป็นระลอก ปั่นป่วนจักรวาล กระทบจิตใจทุกคน กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดิน
เตาหลอมนั้นเปรียบดั่งต้นกำเนิดผู้เป็นนายเหนือหมื่นมรรค พื้นผิวประทับด้วยคัมภีร์มหามรรคบทแล้วบทเล่า คัมภีร์ไหลเวียนฉวัดเฉวียน แปรสภาพเป็นวิชาหมัดทรงอานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดิน กลายเป็นปราณกระบี่ร้องคำรามห้อตะบึงนับไม่ถ้วน ผันเปลี่ยนเป็นเจินหลงท่องไปในอากาศ จำแลงเป็น…
ที่เตาเดียว หลอมมรรคและวิชาไว้ภายในทั้งหมด!
“สวรรค์!”
“นี่…”
“นี่มันวิชาเช่นไรกัน”
เสียงร้องตกตะลึงไหวหวั่นไม่รู้เท่าไรดังขึ้นในขณะนี้
อริยะอย่างพวกเซ่าเฮ่า รั่วอู่ เจ้าคางคก อาหลู่ต่างรู้สึกได้ถึงพลานุภาพกดข่มอันน่ากลัว ทำให้ร่างกายพวกเขาตึงเครียดไปหมด กดดันหาใดเทียบ
แต่ไม่ว่าพวกเขาพยายามไปรับรู้นัยเร้นลับของ ‘เตาหลอม’ นั้นอย่างไรก็ไม่ได้ผล กลับเป็นเพราะฝืนไปตอบสนอง ทำให้จิตวิญญาณยังได้รับการจู่โจม แรงกดดันอันหนักหน่วงราวภูผา
และในตอนนี้หลินสวินลุกขึ้นจากพื้น รอบกายอาบชโลมอยู่ท่ามกลางละอองแสงมรรคอันงดงาม เงาร่างสูงโปร่งประหนึ่งทวนยาวแทงทะลุเวิ้งฟ้าเล่มหนึ่ง เผยให้เห็นท่วงท่าเด่นตระหง่านโอหังเหนือโลกหล้า หยิ่งผยองเหนือภูผาธารา
ทุกคนต่างรู้สึกว่าหลินสวินเปลี่ยนไปแล้ว มีความสง่างามอย่างนายเหนือหัวที่แท้จริงเพิ่มขึ้นมา ราวกับยืนอยู่บนยอดมหาบรรพตแห่งระดับอริยะ
ตนเองก็คือยอดเขาสูงสุด!
ไม่อาจสั่นคลอน ไม่อาจก้าวล้ำ ทำให้ผู้ที่มองดูต่างรู้สึกเล็กจ้อยในทันใด
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความรู้สึกของทุกคนเท่านั้น เป็นการตอบสนองโดยสัญชาตญาณหลังจากจิตใจสะท้านสะเทือน
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นเหนือเวิ้งฟ้าถึงกับมีเมฆาเคราะห์สีดำสนิทราวกับน้ำหมึก ขอบเขตเพียงสิบหมู่เท่านั้น แต่กลับบดบังเวิ้งฟ้าเหนือศีรษะหลินสวินไว้จนหมด
สายฟ้าแลบอสนีเคราะห์อันงดงามตระการตา สีสันเจิดจรัสนับไม่ถ้วนไหลท่องปั่นป่วนอยู่ภายในนั้น ประกายที่ฉายวาบอยู่เต็มไปด้วยกลิ่นอายน่าหวาดผวาประหนึ่งจะทำลายโลก
“สำเร็จวิชาจึงเกิดเคราะห์ นี่เป็นเพราะวิชาที่สร้างขึ้นน่าหวาดหวั่นเกินไป จึงละเมิดพลังต้องห้ามใช่ไหม”
ฉับพลันเจ้านกดำตกตื่น ส่งเสียงตกตะลึง
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นก็ต่างใจหล่นวูบ ขนลุกเกรียว กระวนกระวายใจ อสนีเคราะห์นั้นพร่างพราวน่าตื่นตาปานนั้น งดงามจนพาให้ใจสั่น ทั้งน่ากลัวจนทำให้แทบจะสิ้นหวัง!
มีเพียงหลินสวินที่สีหน้าเรียบเฉย ดวงตาดำกระจ่างใส คล้ายคาดเดาเหตุการณ์นี้ได้นานแล้ว
วิ้ง!
พร้อมๆ กับที่ความคิดเขาขยับไหว เตาหลอมใหญ่ดุจห้วงอากาศไพศาลพลันหมุนวน ส่องแสงสว่างจ้าตามไปด้วย
เปรียบดั่งหุบเหวลึกแห่งหนึ่งโคจร เหนี่ยวนำห้วงอากาศให้บิดเบี้ยวฉีกกระจุย ยุบตัวระเบิดออก
พลังเหนี่ยวนำกลืนกินอันไพศาลหาใดเทียบก็ปลดปล่อยออกมาจากในเตาหลอม พุ่งทะลุเมฆขึ้นไป
เปรี้ยง!
เมฆเคราะห์ปั่นป่วน อสนีเคราะห์สายหนึ่งดุจดั่งทวนศึกล้างโลก พุ่งทะลุอากาศลงมายังเตาหลอมนั้น
เสียงครึกโครมสะเทือนหูแทบดับดังขึ้น เตาถูกผ่าจนสั่นโคลง ละอองแสงสาดกระเซ็น แสงมรรคปั่นป่วนแทบแตกออก
นี่ทำให้ทุกคนจิตใจบีบคั้น จะหายใจยังหายใจไม่ออก พลังของอสนีเคราะห์นั้นน่าหวาดหวั่นเกินไป โชคดีที่พุ่งเป้าไปที่ ‘วิชา’ ของหลินสวิน
หากพุ่งเป้ามาที่พวกเขา เช่นนั้นผลลัพธ์ย่อมไม่กล้าจินตนาการได้
ผ่านการโจมตีนี้ ยามเตาหลอมตั้งมั่นอีกครั้ง ก็มีกลิ่นอายไพศาลเข้มข้นหนักแน่นเพิ่มขึ้นมาจากตอนแรก
ดวงตาดำของหลินสวินลุ่มลึก มองการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างนี้ก่อนยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เคราะห์นี้มาได้จังหวะเหมาะ!
สามารถอาศัยพลังอสนีเคราะห์หลอมวิชาของตนขึ้นอีกขั้นได้พอดี!
เปรี้ยง!
อสนีเคราะห์งดงามสดใสเริ่มเทตัวเชี่ยวกราก แน่นขนัดราวกับพายุฝนลมคลั่ง อสนีเคราะห์แต่ละสายต่างมีกลิ่นอายอันตรายทำลายล้างโลกา
เมื่อมาเยือนพร้อมกัน ภาพน่ากลัวเช่นนั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในเมืองอารักษ์มรรคทุกคนต่างรู้สึกเหมือนจะพังทลาย
ปึงๆๆ!
ชั่วพริบตาเดียวเตาหลอมที่ถูกอสนีเคราะห์โจมตีก็เหมือนถูกค้อนเทพนับหมื่นพันทุบ ละอองแสงกระเซ็นกระสาย แสงมรรคม้วนตลบ แล้วฉับพลันก็แตกออก
ในขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าวิชาที่หลินสวินสร้างขึ้นล้มเหลวนี้เอง ก็เห็นว่าไม่นานนักเตาหลอมแตกกระจุยนั้นก็รวมตัวขึ้นมาอีกครั้ง
และใต้เคราะห์สวรรค์นั้น หลินสวินก็ ‘สำแดงวิชา’ เต็มกำลัง!
เตาหลอมก็คือวิชาของเขา ถูกอสนีเคราะห์โจมตีก็เหมือนการเข่นฆ่าและต่อสู้อันโหดร้ายถึงที่สุดครั้งหนึ่ง ทำให้หลินสวินก็ต้องทุ่มพลังทั้งหมดที่มี
ชั่วขณะเดียวก็เห็นอสนีเคราะห์ทรงพลังถาโถมลงมา กระแสสายฟ้าแน่นขนัดโจมตีเตาหลอมนั้นให้แหลกกระจุยอย่างง่ายดาย
ทว่าแต่ละครั้งเตาหลอมจะผสานตัวใหม่ และการผสานตัวแต่ละครั้งก็ทำให้กลิ่นอายของมันผสานตัวทีละนิด หนาแน่นขึ้นทีละน้อย ยิ่งเรียบง่ายไพศาลขึ้น
พวกเซ่าเฮ่ามองดูภาพอันน่าเหลือเชื่อแต่ละภาพนี้จนจิตใจปั่นป่วน ตกตะลึงอ้าปากค้าง
การสร้างวิชาแห่งตนถึงกับดึงดูดอสนีเคราะห์มา เดิมทีเรื่องนี้ก็ดูพิสดารถึงที่สุด ประหนึ่งตำนานที่เป็นไปไม่ได้
แต่ตอนนี้ ภาพหลินสวินสำแดงวิชาและต้านการห้ำหั่นของอสนีเคราะห์แต่ละภาพ ยิ่งสะท้านจิตใจผู้คนอย่างไม่ต้องสงสัย
ใครก็คิดไม่ถึงว่าบนโลกนี้จะยังมีเรื่องน่ากลัวเกินจินตนาการเช่นนี้!
“ให้ตายสิ สุดยอดเลย!”
เจ้านกดำกระพือปีกร้องเสียงดัง ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก หนึ่งวิชากลับดึงดูดพิบัติเคราะห์สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เช่นนั้นอานุภาพของวิชานี้จะน่ากลัวปานไหนกัน
แต่นอกจากเจ้านกดำ คนอื่นต่างตื่นตระหนกเป็นที่สุด เพราะอสนีเคราะห์ยังฟาดผ่าออกมา ราวกับหากไม่ทำลายวิชาของหลินสวินก็จะไม่เลิกรา
ส่วนสถานการณ์ของหลินสวินก็แปรเปลี่ยนเป็นยากลำบากหาใดเทียบ
เขาสีหน้าซีดเผือดลงช้าๆ เห็นได้ชัดว่าเริ่มเหน็ดเหนื่อยในระหว่างที่สำแดงวิชา
‘ต้องทน จะต้องทนไว้ให้ได้นะ’
จ้าวจิ่งเซวียนกำมือแน่นอยู่เงียบๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล
“นายท่านต้องทลายเคราะห์ขึ้นมาได้แน่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์