ยามมองดูหลินสวินเดินมาจากที่ไกลออกไป ทุกคนที่ยืนอยู่รอบกำแพงเมืองล้วนหายใจไม่ออก รู้สึกถึงแรงกดดันอันหนักอึ้ง
ในใจแทบจะเกิดความรู้สึกยำเกรงขึ้นจากสัญชาตญาณ
พยัคฆ์คำรามลั่นร้อยธารา หมื่นอสุราล้วนสยบ
มังกรโผนทะยานเก้าชั้นฟ้า หมื่นวิญญาณต่างนบนอบ
ขณะนี้ความรู้สึกที่หลินสวินมอบให้กับทุกคนก็เหมือนเซียนจากหมู่เมฆที่ลอยละล่องมาเยือนโลก เป็นนายเหนือหัวที่เดินออกมาจากหมู่อริยเทพ!
ต่อให้เป็นเหล่ามกุฎอริยะอย่างพวกเซ่าเฮ่า รั่วอู่ยังรู้สึกถึงแรงกดดันอันไร้รูปร่าง สีหน้าต่างฉายแววประหลาดอย่างห้ามไม่อยู่
หลินสวินที่สร้างวิชาแห่งตนขึ้นมาได้แตกต่างจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิงจริงๆ ทุกการกระทำล้วนน่าเกรงขามยิ่งนัก!
เทวรูปที่ถูกปุถุชนประดิษฐานไว้ในอาราม ผ่านควันธูปและการกราบไหว้บูชามานานปี ก็มีอำนาจบารมีอันทรงภูมิไปด้วย
ส่วนหลินสวินที่แปรสภาพบนเส้นทางมหามรรค กลิ่นอายรอบกายย่อมแปรเปลี่ยนตามไปด้วยโดยปริยาย
ไร้รูปไร้ลักษณ์ แต่กลับตรงสู่ใจคน!
หลินสวินสังเกตได้อย่างฉับไวว่าสีหน้าทุกคนผิดแผกไป ครู่ต่อมาเมื่อเขาครุ่นคิด ลักษณะท่าทางของเขาก็แปรเปลี่ยนอย่างเงียบเชียบไปด้วย
เรียบง่ายและธรรมดา ชำระเปลือกนอกจนสิ้น ประหนึ่งทวยเทพซ่อนฤทธิ์เดช!
แทบจะในชั่วพริบตา กลิ่นอายกดดันไร้รูปที่ทุกคนสัมผัสได้ต่างหายลับไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อมองดูหลินสวินอีกครั้ง อาภรณ์ปลิวไสว เงาร่างสูงโปร่ง มอบความรู้สึกพิสุทธิ์ อ่อนโยน ผ่อนคลายราวกับลมฝนยามวสันต์
พวกเซ่าเฮ่า รั่วอู่เห็นดังนี้ ในใจกลับยิ่งตื่นตะลึง กลิ่นอายไหวเคลื่อนตามจิต เก็บงำปลดปล่อยได้ดั่งใจ จะยิ่งใหญ่เด่นตระหง่านดั่งอริยะ หรือเรียบง่ายไร้ซึ่งความเลิศลอยดั่งปุถุชนก็ทำได้!
ระดับเช่นนี้ทำให้พวกเขาต่างทำได้เพียงมองและทอดถอนใจ
ตอนนี้หลินสวินแข็งแกร่งปานไหนกันแน่
‘วิชา’´ที่เขาสรรค์สร้างขึ้นจะแข็งแกร่งปานใดกัน
ไม่มีใครดูออก
แต่ทุกคนต่างรู้ ในระดับมกุฎอริยะ หลินสวินที่สร้างวิชาแห่งตนได้ เกรงว่าจะเรียกได้ว่าไร้ศัตรูแล้ว
ไร้ศัตรูอย่างแท้จริง!
……
หลินสวินสร้างวิชาได้สำเร็จ ทำให้คนของดินแดนรกร้างโบราณปิติยินดี วันนั้นจึงมีผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไรมาเยี่ยมเยียน
จนกระทั่งกลางดึก เหล่าแขกเหรื่อที่มาเยือนถึงค่อยๆ จากไป
ในลานบ้าน หลินสวิน เจ้าคางคก อาหลู่ และเจ้านกดำกำลังร่ำสุรา แสงตะเกียงใกล้มอดดับ ดึกสงัดสงบเงียบ
“พี่ใหญ่ สมรภูมิเก้าดินแดนนี้กำลังจะจบลงแล้ว ข้ามั่นใจว่าตอนที่พวกเรากลับไป ผู้ฝึกปราณดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นต้องไม่กล้าเชื่อว่าพวกเราชนะแน่”
เจ้าคางคกเอ่ยปากสายตามึนเมา บนพื้นใกล้กันมีไหสุราไม่รู้เท่าไรกองระเกะระกะไร้ระเบียบเต็มไปหมด
อาหลู่ที่อยู่ข้างกันหัวเราะแหะๆ เอ่ยว่า “ข้ายิ่งสงสัยว่าหลังจากกลับไปคราวนี้ ในดินแดนรกร้างโบราณจะยังมีขุมอำนาจไหนกล้าหาเรื่องกับพี่ใหญ่อีกไหม!”
ได้ยินดังนี้ทุกคนต่างหัวเราะร่าอย่างอดไม่ได้
การได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ในสมรภูมิเก้าดินแดนคราวนี้ มีความหมายยิ่งใหญ่เพียงใดย่อมเกินจินตนาการ
ไม่ใช่เพียงเพื่อชำระล้างความอัปยศและหนี้เลือดให้กับผู้กล้าในอดีตนับไม่ถ้วน และไม่ได้เรียบง่ายเพียงแค่ทำลายค่ายทัพทั้งแปดดินแดน
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ชัยชนะอันยิ่งใหญ่คราวนี้สามารถเปลี่ยนแปลงแนวโน้มโดยรวมของดินแดนรกร้างโบราณได้!
อย่างไรเรียกว่าแนวโน้มโดยรวม
เป็นการชะล้างสถานการณ์ที่เสื่อมโทรมตกต่ำ เรียกสุริยันจันทราพลิกฟ้าใหม่!
เป็นการกวาดล้างหมอกทะมึนจากอดีตจวบจนปัจจุบันในคราวเดียว ทำให้ดินแดนรกร้างโบราณครอบครองรากฐานให้ผงาดได้อีกครั้ง!
แต่ก่อนดินแดนรกร้างโบราณถูกแปดดินแดนอื่นกดข่มมาไม่รู้กี่เดือนปี ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณยอมจำนนด้วยเหตุนี้มาไม่รู้กี่ครั้ง
แต่ตอนนี้ ไม่เหมือนเดิมแล้ว!
แม้ว่าพูดกันเรื่องศักยภาพโดยรวมแล้ว ดินแดนรกร้างโบราณยังห่างชั้นจากอีกแปดดินแดนไปไกลเหมือนเดิม แต่ชัยชนะยิ่งใหญ่ครั้งนี้ก็เหมือนหยาดฝนกลางหน้าแล้งอันยาวนาน สามารถทำให้ทุกชีวิตในดินแดนรกร้างโบราณมองเห็นความหวังที่จะผงาดขึ้นใหม่ มีชัยเหนือแปดดินแดนได้อีกครั้งหนึ่ง
นี่ก็คืออิทธิพลที่ชัยชนะยิ่งใหญ่ในสมรภูมิเก้าดินแดนคราวนี้สร้างขึ้น!
และใครก็รู้ดีว่าหากไม่มีหลินสวินลงแรงต้านคลื่นคลั่ง เผด็จการเหนือจักรวาล ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณย่อมไม่อาจได้รับชัยชนะเบ็ดเสร็จในสมรภูมิเก้าดินแดนคราวนี้ไปได้!
ถึงกับพูดได้อย่างไม่เกินเลยว่า หากไม่มีหลินสวิน ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณคงถูกเหยียบย่ำยับเยินไม่รู้กี่ครั้งไปนานแล้ว
พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ว่าเป็นใคร ไม่ว่าเข้าร่วมสมรภูมิเก้าดินแดนหรือไม่ ขอเพียงเป็นผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณ ต่างต้องรับน้ำใจของหลินสวินทั้งนั้น!
ในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อสมรภูมิเก้าดินแดนปิดฉากลง กลับสู่ดินแดนรกร้างโบราณ หากยังมีใครกล้าหาเรื่องหลินสวิน…
เช่นนั้นก็ช่างเป็นการรนหาที่ตายเอง!
ไม่ต้องให้หลินสวินลงมือสักนิด เหล่ามกุฎอริยะอย่างพวกเซ่าเฮ่า รั่วอู่ เซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน หมีเหิงเจินลุกขึ้นมาคว้าอาวุธเข้าช่วยเหลือ
“หึ มกุฎอริยะเท่านั้นเอง พวกเจ้าอย่าไปดูแคลนเหล่าผู้กล้าในดินแดนรกร้างโบราณ ในหมู่ขุมอำนาจใหญ่เก่าแก่พวกนั้น ยังมีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับมหาอริยะและราชันอริยะคุมอำนาจอยู่!”
เจ้านกดำหัวเราะหยัน ท่าทางราววิพากษ์วิจารณ์บ้านเมือง
“ยังมีสนามรบแนวหน้าของดินแดนรกร้างโบราณแห่งนั้น มีผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิอีกไม่รู้เท่าไรกำลังต่อสู้อาบเลือดอยู่ หากคิดว่าแค่ได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ในสมรภูมิเก้าดินแดนกลับไป ก็ไม่ต้องสนกฎเกณฑ์ไม่สนฟ้าดินได้ เช่นนั้นก็ดูเด็กน้อยนัก”
เผียะ!
เจ้าคางคกใช้มือหนึ่งตบเข้าท้ายทอยของเจ้านกดำ เขารำคาญท่าทางดูเบาสรรพสิ่งเช่นนี้ของเจ้านกดำเป็นที่สุด
เจ้าคางคกตำหนิ “เจ้านกบ้านี่จะขวางโลกเกินไปแล้ว กวนประสาทชัดๆ!”
เจ้านกดำโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “ให้ตายสิ ข้าเตือนด้วยความหวังดีนะ เจ้าถึงกับกล้าลงมือเลยหรือ เชื่อไหมว่าข้าจะฆ่าเจ้า”
เจ้าคางคกไม่กลัวสักนิด ถกแขนเสื้อขึ้นแล้วเดินเข้าไปหา “มาๆๆ พวกเราสองคนมาสู้กันหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์