ดวงตาซุ่นจี้เบิกกว้างจ้องเขม็ง ลมหายใจหอบหนัก จับจ้องแผนภาพเก้าวังไม่พูดไม่จา
การประชันหมากครั้งนี้ เขาวางเดิมพันเป็นสมบัติกึ่งจักรพรรดิชิ้นหนึ่งที่ได้มาจากสนามรบ ที่สำคัญคือมันสมบูรณ์ไร้รอยบุบ หายากอย่างยิ่ง
ถ้าหากแพ้ สมบัติชิ้นนี้ก็จะไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปแล้ว
“เหล่าซุ่น ยอมแพ้ซะเถิด เคยเตือนเจ้าไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง อยากได้ ‘น้ำยาแกนเทพเก้าเร้น’ ของเจ้าเฒ่าหลิงเซียวจื่อนี่ ไม่ใช่จะเอาชนะได้ง่ายๆ”
“น้ำยาแกนเทพเก้าเร้นเป็นถึงสมบัติล้ำค่าชั้นนำในใต้หล้า ถึงจะไม่ได้มีประโยชน์มากเท่าไหร่กับพวกเรากึ่งจักรพรรดิ แต่ถ้าใช้ในระดับมหาอริยะ กลับสามารถเป็นประโยชน์ด้าน ‘หลอมรวมฐานมรรค หล่อหลอมสภาวะจิต’ ทุกๆ หยดล้วนเรียกได้ว่าเป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้”
“เหล่าซุ่น ทุกคนต่างรู้ว่าเจ้าอยากหาของดีให้หลานชายตัวเอง แต่ว่าเรื่องนี้ไม่อาจฝืนดึงดันได้”
พวกกึ่งจักรพรรดิแถวนั้นพากันเอ่ยปากเตือน
“ผู้อาวุโส กระดานนี้ท่านไม่มีหวังชนะแน่ๆ แล้ว”
หลินสวินเองก็อดเอ่ยปากไม่ได้เช่นกัน
ซุ่นจี้เงยหน้า กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “แม่งเอ๊ย เด็กน้อยอย่างเจ้าเห็นข้าขายหน้ายังไม่พอ ยังมาเตือนว่าข้าจะแพ้อีก ไม่สะเทือนศีลธรรมในใจบ้างเรอะ”
หลินสวินตั้งท่าจะพูดอะไร ซุ่นจี้ก็ส่งเสียงทอดถอนใจยาว “เอาเถิดๆๆ ข้ายอมแพ้ก็ได้ ตาเฒ่าอย่างพวกเจ้าไปแบ่งเงินเดิมพันกันได้แล้ว”
กึ่งจักรพรรดิเหล่านั้นส่งเสียงหัวเราะชอบใจ เริ่มแบ่งเงินเดิมพันกับหลิงเซียวจื่อ
แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าที่เดิมพันฝั่งซุ่นจี้พวกนั้น แต่ละคนต่างมองหน้ากัน เศร้าใจไม่หาย
ซุ่นจี้ขมวดคิ้วกล่าว “พวกเจ้าอย่าทำหน้าหมดหวังสิ อีกเดี๋ยวข้าค่อยมาใหม่ รับรองว่าจะจัดการหลิงเซียวจื่อให้ฉี่ราดหางจุกตูด ร่ำไห้ร้องหาบิดามารดาไปเลย!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นต่างพากันกลอกตา ทำท่าประหนึ่งว่า ‘ใครเชื่อคนกระจอกหมากเน่าเช่นเจ้าอีกก็โง่เง่าแล้ว’
สีหน้าซุ่นจี้เองก็กระอักกระอ่วนอย่างเลี่ยงไม่ได้ หลายปีมานี้ ทุกครั้งที่เขาเดินหมากกับหลิงเซียวจื่อก็มักจะแพ้หมดสภาพ อับอายขายขี้หน้ายิ่งอย่างเห็นได้ชัด
เพียงแต่ตอนที่ซุ่นจี้ตั้งท่าจะออกไป จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ไม่ทราบผู้น้อยสามารถเดินหมากกับผู้อาวุโสได้หรือไม่”
เป็นหลินสวิน เขาเดินไปอยู่ฝั่งตรงข้ามหลิงเซียวจื่อแล้วประสานมือเอ่ยถาม
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่แบ่งเดิมพันเสร็จและตั้งท่าเตรียมจากไปอย่างชื่นมื่นเหล่านั้น เวลานี้ล้วนอึ้งงันอย่างเห็นได้ชัด
เจ้าหนูนี่ถึงกับอยากเดินหมากกับหลิงเซียวจื่อหรือ
ในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดินี้ ใครไม่รู้บ้างว่าเจ้าเฒ่าอย่างหลิงเซียวจื่อไม่มีฝีมือด้านอื่น มีเพียงวิถีลายมรรคอย่างเดียว แต่กลับโดดเด่นเหนือใคร สามารถผงาดท่ามกลางเหล่าวีรบุรุษ
“เหล่าซุ่น เจ้าหนูนี่คือคนที่เจ้าพาเข้าเมืองกระมัง ช่างเป็นลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือซะจริงๆ ฮ่าๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่าใจกล้าน่ายกย่องทีเดียว”
มีคนหัวเราะขึ้นมา ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
“ใจกล้าน่ายกย่อง? ข้าดูแล้วเป็นพวกไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำต่างหาก!”
มีคนขมวดคิ้วกล่าว “ปราณระดับอริยะแล้วยังวู่วามขาดสติปานนี้อยู่อีก ต่อไปคงก่อภัยใหญ่ขึ้นเป็นแน่”
“เอาล่ะๆ ใครบ้างไม่เคยผ่านวัยเยาวว์มาก่อน เจ้าเฒ่าอย่างพวกเจ้าอย่าลดตัวลงมาถือสาเอาความคนรุ่นหลังคนหนึ่งเลนย”
มีคนไกล่เกลี่ยสถานการณ์
สรุปแล้วสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้ถึงแม้จะรู้สึกประหลาดและข้องใจ แต่ก็ไม่ได้เผยทีท่ามุ่งร้ายอะไรออกมา
“เหล่าซุ่น รีบพาเจ้าหนูนี่ออกไปเถอะ ต่อไปรอให้บรรลุเป็นกึ่งจักรพรรดิก่อนค่อยมาเดินหมากกับหลิงเซียวจื่อก็ยังไม่สาย”
มีคนกล่าวกลั้วหัวเราะ
ซุ่นจี้เองก็อึ้งไปพักหนึ่งเช่นกัน จากนั้นก็ชี้ไปยังหลินสวินแล้วส่ายหน้ากล่าวขำๆ ว่า “เจ้านี่นะ ก่อความวุ่นวายเพิ่มอะไรตอนนี้ ไปๆๆ รีบออกไปจากที่นี่เร็ว เลี่ยงไม่ให้ถูกเจ้าเฒ่าเหล่านี้หัวเราะเยาะเอา”
กล่าวพลางเขาก็หมายจะคว้าไหล่หลินสวิน
ตั้งแต่ต้นจนจบหลิงเซียวจื่อนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น อมยิ้มบางๆ ดูสบายอกสบายใจ จากสถานะของเขา ยังไม่ถึงขั้นต้องไปถือสาเอาความกับผู้น้อยอย่างหลินสวิน
“ผู้อาวุโส หรือท่านไม่อยากได้น้ำยาแกนเทพเก้าเร้นแล้ว”
แต่ในเวลานี้เอง ประโยคเดียวของหลินสวินก็ทำให้การเคลื่อนไหวของซุ่นจี้ชะงักค้าง เบิกตากว้างกล่าวว่า “เจ้าหนู เจ้าว่าอะไรนะ”
หลินสวินเอ่ยปากพูดโดยไม่หยุดคิด “ข้าบอกว่าข้าอยากลองดูสักครั้ง ช่วยท่านเอาชนะแลกน้ำยาแกนเทพเก้าเร้นมา”
เขาสนใจการประชันหมากเก้าวังเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกดีใจเหมือนได้เห็นเหยื่อ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการต่อสู้ในวิถีลายมรรค เป็นวิถีที่เขาสัมผัสมาตั้งแต่ยังเด็ก ซึมซับเข้าสู่เลือดเนื้อร่างกายนานแล้ว
“ชนะ?”
ซุ่นจี้แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง หากไม่ใช่เพราะหลินสวินมีสีหน้าจริงจัง ดูไม่เหมือนพูดเล่น เขาคงแทบถลกแขนเสื้อพุ่งเข้าไปแล้ว
ล้อเล่นอะไรกัน ขนาดเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงเซียวจื่อ เจ้าหนูน้อยอย่างหลินสวินจะเอาอะไรไปเดินหมากกับหลิงเซียวจื่อได้
กล่าวแบบไม่เกินจริง ทั้งนอกในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิแห่งนี้ คนที่สามารถเดินหมากเอาชนะหลิงเซียวจื่อได้ ตอนนี้ยังไม่เคยปรากฏตัวเลย!
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ แถวนั้นต่างมีสีหน้าแปลกพิกล รู้สึกเหมือนกับซุ่นจี้
หากก่อนหน้านี้ คำประเมินที่พวกเขามีต่อหลินสวินคือไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เช่นนั้นตอนนี้ก็ต้องเป็นพวกไม่รู้รุกรู้ถอย ไม่รู้จักชั่วดี
จากฐานะของทุกคนในลานนี้ ย่อมไม่หาเรื่องเด็กน้อยคนหนึ่ง แต่ถ้าเจ้าหนูน้อยคนนี้ไม่รู้รุกรู้หลีก ก็จะทำให้ผู้คนไม่อภิรมย์ยิ่ง
“เจ้าหนุ่ม เจ้าแน่ใจหรือว่าอยากจะประชันหมาก”
มีคนอดถามไม่ได้
หลินสวินพยักหน้า “แน่นอน”
พวกคนใหญ่คนโตไม่น้อยเห็นเช่นนี้ล้วนอดขมวดคิ้วไม่ได้ เจ้าหนูนี่… ช่างไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาซะจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์