Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1653

ชุดกระโปรงแดงดุจเพลิงผลาญ ผมดำราวน้ำตก

นี่คือยอดหญิงงามที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายแปลกประหลาดคนหนึ่ง ผิวขาวกระจ่างเรียบเนียนเหมือนหยกมันแพะ ดวงตาคู่งามแผ่แสงประกายประหนึ่งภาพฝันลวงตา ชุดกระโปรงแดงพลิ้วไหว ขับเน้นให้เรือนร่างของนางสูงเพรียวทรงสง่า

ความงามของนางไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย ลุกโชนราวกับเปลวไฟ ไม่ว่าใครเห็นก็ย่อมเกิดความรู้สึกตกตะลึงขึ้นในใจ

แต่บุคลิกของนางกลับเงียบขรึมเยียบเย็นเหมือนหน้าผาหิมะน้ำแข็ง พาให้คนรู้สึกว่าหยิ่งทะนงอยู่รางๆ ไม่อาจดูหมิ่นได้ง่ายๆ

แม้แต่หลินสวินที่หลายปีนี้เจอยอดหญิงงามบนโลกมามากก็ยังอดตะลึงไม่ได้

สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงที่สุดคือ ดอกกระบี่พันปีกที่มีความคิดยากคาดเดา ฆ่าคนไม่กะพริบตานี้… ถึงกับเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง!

“ดูเหมือนสหายน้อยจะผิดคาดมาก”

หญิงสาวดอกกระบี่พันปีกชุดแดงกล่าว น้ำเสียงอบอุ่นไพเราะเสนาะหู ทำให้บุคลิกหยิ่งทะนงที่เหมือนหิมะน้ำแข็งของนางเจือกลิ่นอายอบอุ่นดั่งลมวสันต์

“ไม่รู้สึกผิดคาดได้อย่างไร ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเดาความคิดของเจ้าไม่ออก จิตใจของผู้หญิงเหมือนเข็มก้นสมุทรจริงดังว่า”

หลินสวินยิ้มเยาะ

เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าดอกกระบี่แปลกประหลาดที่ถูกเขาจับจ้องระแวดระวัง ถึงขั้นปฏิบัติตัวด้วยอย่างไม่ไว้หน้า จะเป็นหญิงงามคนหนึ่งที่ดูเยียบเย็นสันโดษเช่นนี้

“ภายหน้าสหายน้อยก็จะเข้าใจ ว่าทำไมข้าถึงทำเช่นนี้”

หญิงสาวชุดกระโปรงแดงยิ้มน้อยๆ ริมฝีปากแดงอวบอิ่มโค้งเป็นรอยยิ้มสดใส ฟันขาวกระจ่างเป็นประกาย รอยยิ้มนั้นราวกับจะกระชากจิตวิญญาณของคนไปได้

หลินสวินสำรวมจิต ผินสายตามองห่างออกไปอย่างเนิบช้าแล้วกล่าว “ใกล้จะครบหนึ่งเค่อแล้ว”

นิ้วมือขาวกระจ่างราวกับต้นหอมของหญิงสาวชุดกระโปรงแดงเล่นปอยผมเบาๆ เหมือนกำลังใคร่ครวญบางสิ่ง

ด่านตะวันกว้างใหญ่ แม้จะเป็นฐานทัพหนึ่งของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ แต่ความจริงแล้วสามารถเทียบได้กับโลกแห่งหนึ่ง ดวงดาวมากมายที่โคจรอยู่ใกล้ๆ ล้วนไม่อยู่ในสายตา

เวลาล่วงเลยไปทีละน้อย

ตั้งแต่ก้าวออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย กู่เหลียงฉวี่ที่รอคอยอยู่ตรงนั้นมาตลอด หว่างคิ้วค่อยๆ มีความเยียบเย็นชั้นหนึ่งเข้าปกคลุม

บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นกดดันขึ้นมา

“เจ้าเด็กนี่ถึงกับไร้มารยาทเช่นนี้ สหายยุทธ์ทั้งสองอย่างซิงเฟิงและเนี่ยถูเป็นบุคคลระดับใด ไปเชิญคนรุ่นหลังอย่างเขาพร้อมกันแล้วยังไม่ยอมมาอีกหรือ”

มีคนกล่าวด้วยเสียงเย็นชา

“เป็นไปได้ไหมว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้น”

และมีคนแปลกใจสงสัยไม่หยุด ใครจะลืมเหตุการณ์นองเลือดยามนักพรตชิวถูกสังหารเล่า

แม้ว่าหลินสวินนั่นจะเป็นคนรุ่นหลัง แต่ใครจะกล้าปฏิบัติตัวกับเขาเหมือนคนรุ่นหลังจริงๆ บ้าง

“ยามนี้ใต้เท้ากู่เหลียงฉวี่ก็มาแล้ว เขายังจะกล้ากระทำการชั่วร้ายต่อไปอีกหรือ”

“จากที่ข้าดู เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กนี่ไม่มีความสำนึกผิดคิดกลับตัวแม้แต่น้อย ข้าขอเสนอว่าครั้งนี้ต้องลงโทษเขาให้หนัก!”

เสียงเดือดดาลไม่น้อยดังขึ้นในชั่วขณะเดียว

นี่ทำให้สีหน้าของกู่เหลียงฉวี่เยียบเย็นและเฉยชายิ่งกว่าเดิมแล้ว

ในใจของหลิงเซียวจื่อกลับร้อนรน ครั้งนี้หากหลินสวินล่วงเกินกู่เหลียงฉวี่ ผลที่ตามมานั้น…

เกรงว่าต่อให้ท่านเซิ่นมาแล้วก็คงต้านไม่อยู่กระมัง

“หลิงเซียวจื่อ เจ้าก็เห็นแล้วว่าข้าให้โอกาสไว้หน้าเขาพอแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าหนุ่มนี่ไม่คิดจะไว้หน้าข้า!”

กู่เหลียงฉวี่วาจาแข็งกร้าว ในดวงตาฉายแววน่าพรั่นพรึง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ได้แต่ไปเยือนด้วยตัวเองแล้ว”

เขาพูดพลางก้าวไปข้างหน้า เคลื่อนผ่านห้วงอากาศจากไป

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นเห็นดังนี้ก็คึกคักขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ พากันเร่งตามไป

“รีบไปห้ามไว้เร็วเข้า อย่าให้เกิดการเข่นฆ่าขึ้นอีกเด็ดขาด!”

หลิงเซียวจื่อตื่นตระหนก เขารู้ดีว่าหลินสวินดูเหมือนเป็นคนที่พูดด้วยง่าย ความจริงแล้วมีความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี ไม่มีทางก้มหัวให้กู่เหลียงฉวี่แน่!

“ไป!”

พวกฮูหยินมู่ ซุ่นจี้ก็อยู่เฉยไม่ได้แล้ว พากันออกเคลื่อนไหว

“มาแล้ว”

หน้าตำหนักสำริด หญิงสาวชุดกระโปรงแดงเอ่ยปาก ผมดำพลิ้วไหว ใบหน้างามไม่มีคลื่นความรู้สึกแม้เศษเสี้ยว

น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลง…

ตูม!

ห้วงอากาศที่ห่างออกไปพลันระเบิดกระจายดั่งกระแสน้ำ ร่างกำยำผึ่งผายร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกะทันหันราวกับเทพไท้

เขาสวมชุดผ้าป่าน ผมยาวแผ่สยาย ใบหน้าราบเรียบหนักแน่น นัยน์ตาไพศาลและล้ำลึกดั่งมหาสมุทรที่โหมกระหน่ำ เป็นกู่เหลียงฉวี่นี่เอง

สายตาของเขามองเห็นหลินสวินได้ในพริบตา เผยแววปรามาสออกมาอย่างเข้มข้น ก็แค่มกุฎอริยะแท้คนหนึ่งเท่านั้น สร้างวิชาแห่งตนได้แล้วอย่างไร

สุดท้ายเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่ได้ความเหมือนมดปลวก!

เมื่อสายตาเหลือบเห็นหญิงสาวกระโปรงแดงที่อยู่ข้างกายหลินสวิน นัยน์ตาของกู่เหลียงฉวี่พลันหดรัด สัญชาตญาณบอกเขาว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ควรล่วงเกิน

หลินสวินสื่อจิต บอกท่าทีของตนกับพวกหลิงเซียวจื่อ

พวกหลิงเซียวจื่อต่างลอบทอดถอนใจทันที ทั้งจนปัญญาทั้งร้อนรน เรื่องในวันนี้ลุกลามใหญ่โตแล้ว ผลที่ตามมานั้นต้องร้ายแรงมากแน่นอน

กู่เหลียงฉวี่กล่าวเย็นชาทันใด น้ำเสียงกดอัดทั่วทั้งลาน

“เจ้าหนุ่ม นักพรตชิวประจำการอยู่ที่นี่มาเจ็ดพันสามร้อยสี่สิบสี่ปี สังหารศัตรูต่างดินแดนระดับกึ่งจักรพรรดิไปหกสิบเอ็ดคน ช่วยชีวิตสหายมรรคไปไม่รู้เท่าไร บุคคลเช่นนี้ไม่ได้ตายในมือของศัตรู แต่กลับถูกคนรุ่นหลังอย่างเจ้าฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เจ้ายังคิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ไม่มีความผิดอีกรึ”

คนไม่น้อยต่างเผยความรู้สึกหดหู่ใจ ส่วนใหญ่เป็นพวกเดรัจฉานที่เห็นใจกันเอง

นัยน์ตาของกู่เหลียงฉวี่ฉายแวววาววาบ น้ำเสียงเย็นชาสะกดข่มผู้คนยิ่งกว่าเดิม “ยังมีซิงเฟิงและเนี่ยถูที่อยู่ตรงหน้าเจ้าอีก พูดถึงความทุ่มเทที่มีให้ดินแดนรกร้างโบราณ มีหรือจะเป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังอย่างเจ้าเทียบได้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกเจ้าทำให้บาดเจ็บสาหัส ได้รับความอัปยศอดสู!”

ในที่นั้นเงียบสงัด แม้แต่พวกหลิงเซียวจื่อ ซุ่นจี้ยังไม่อาจโต้แย้ง

ด้วยสิ่งที่กู่เหลียงฉวี่พูดมาเป็นความจริง

กลับเห็นหลินสวินยิ้มหยันกล่าว “คุณงามความดีสูงส่งก็ไม่ต้องกลัวฟ้าดิน กระทำการได้ตามอำเภอใจรึ คุณูปการมากก็ดูหมิ่นและรังแกข้าได้ตามใจหรือ นี่มันหลักการบ้าบออะไรกัน!”

กู่เหลียงฉวี่สีหน้าขรึมลงทันที “ไม่มีพวกเราหลั่งเลือดและหยาดเหงื่ออยู่แนวหน้า คนรุ่นหลังอย่างเจ้าจะเด่นผงาดอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณอย่างปลอดภัยได้รึ ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณก็ช่างเถอะ ยังจะมาเลือดเย็นเห็นแก่ตัว อาละวาดบ้าระห่ำเช่นนี้อีก จะเก็บเจ้าไว้เพื่อประโยชน์อะไร”

หลินสวินยิ้มเยาะ “ก็แค่ประชันผลงานรบไม่ใช่หรือ เช่นนั้นข้าคนแซ่หลินก็ขอบอกพวกเจ้าเลยว่า การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้ ข้าหลินสวินมีคุณต่อค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ กำราบค่ายทัพแปดดินแดน ทำให้ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณของเราพลิกสถานการณ์กลับมาได้ในที่สุด ได้ชัยชนะครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ลบล้างความอัปยศให้กับคนรุ่นก่อน ข้าคนแซ่หลินขอถามสักประโยค พวกเจ้า… มีสิทธิ์อะไรมาเทียบผลงานกับข้า”

ครืน!

วาจาเดียวเบาๆ ในที่นั้นก็แตกตื่นทันที สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยต่างเผยสีหน้าตระหนก คล้ายยากจะเชื่อ

การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้ ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณชนะแล้วหรือ

ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยได้ยินข่าวพวกนี้มาก่อน!

สิ่งที่ทำให้พวกเขาสะเทือนยิ่งกว่าคือ จากคำพูดของหลินสวิน ชัยชนะครั้งใหญ่ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับความทุ่มเทของเขาอย่างไม่อาจแบ่งแยก!

ถึงขั้นทำให้ผู้คนไม่กล้าเชื่อได้ในทันที

ซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ หลิงเซียวจื่อ หลังจากตกตะลึงก็เชื่อตั้งแต่พริบตาแรก ด้วยพวกเขารู้ชัดถึงพลังต่อสู้ในระดับมกุฎอริยะแท้ของหลินสวินว่าแข็งแกร่งระดับใด!

คนอย่างเจ้าหนุ่มนี่ ยามอยู่ในสมรภูมิเก้าดินแดน ต้องเป็นบุคคลแห่งยุคระดับผู้นำในหมู่คนรุ่นเดียวกันแน่!

เมื่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศในที่นั้น นัยน์ตาของกู่เหลียงฉวี่ก็หดรัดทันที ไม่นานก็ยิ้มหยัน “ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณชนะแล้วย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง แต่นี่ก็ไม่ใช่ความดีความชอบของเจ้าคนเดียว เจ้าหนุ่ม จะยกหางตัวเองก็ต้องมีขอบเขต มิฉะนั้นถูกคนเปิดโปงจะไม่เป็นการตบหน้าตัวเองแย่หรือ”

สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยแววตาวาววาบ ต่างอดพยักหน้าไม่ได้

เห็นดังนี้มุมปากของหลินสวินก็เผยแววเหน็บแนมอย่างอดไม่อยู่ สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนี้บางทีอาจมีปราณระดับสูง พลังต่อสู้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่พวกเขากลับไม่รู้ข่าวของการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนอย่างสิ้นเชิง เชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตาว่าตนกำลังคุยโวโอ้อวด…

ใครกันแน่ที่โง่งม

……………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์