ทันทีที่อูเหิงเจิ้นปรากฏตัว ขวัญกำลังใจของเผ่าอีกาทองต่างเพิ่มขึ้น
พวกเจ้าคางคกกลับสีหน้านิ่งขรึม
คนหนึ่งเป็นมกุฎอริยะแท้ขั้นสมบูรณ์ อีกคนเป็นระดับมหาอริยะขั้นสมบูรณ์ แต่ความแตกต่างในนั้นไม่ได้มีแค่ระดับปราณเพียงอย่างเดียวง่ายๆ แค่นั้น!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้หลินสวินจะมีพลังแห่ง ‘มกุฎ’ แต่สุดท้ายในแง่ของปราณก็อยู่ในสภาพเสียเปรียบอยู่ดี
เรื่องนี้ใครบ้างจะไม่กังวลใจ
‘น้องเก้า เมื่อครู่เจ้าหมอนี่เพิ่งฆ่าเหิงไห่พี่หกของเจ้า…’
อูเหิงเทียนรีบสื่อจิตโดยพลัน เล่าสถานการณ์การต่อสู้ก่อนหน้านี้ให้อูเหิงเจิ้นฟัง
ฟังจบนัยน์ตาอูเหิงเจิ้นพลันมีไอสังหารน่าสยดสยองแผ่พุ่งออกมาทันควัน บนใบหน้าเยียบเย็นเต็มไปด้วยความเฉยชา กล่าวว่า ‘ข้าจะให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต!’
ตูม!
ยังไม่ทันขาดคำเขาก็พุ่งทะยานขึ้นไปทันที เหยียบย่างเหนือเวิ้งฟ้า เรือนกายผุดพลังยิ่งใหญ่ไร้จำกัดออกมา ให้ความรู้สึกไพศาลเต็มสมบูรณ์
เพลิงเทพสีม่วงสายแล้วสายเล่ารายล้อมอยู่รอบตัวเขา ทำให้เขามีอานุภาพน่าเกรงขาม ตระหง่านศักดิ์สิทธิ์ดุจภูเขาเทพก็ไม่ปาน
ชิ้ง!
จากนั้นทวนศึกสีดำเมื่อมเล่มหนึ่งพลันปรากฏกลางฝ่ามือเขา ปลายทวนชี้ไปทางหลินสวินที่อยู่ไกลออกไป กล่าวด้วยสีหน้าไม่สื่ออารมณ์ “ในสายตาข้า ไม่มีความต่างระหว่างแข็งแกร่งกับอ่อนแอ ต่อกรกับพวกแบบนี้ย่อมไม่อาจปรานีแน่นอน”
เสียงดังชิ้งๆ พลังเข่นฆ่าสะเทือนทั่วชั้นฟ้า
พวกเจ้าคางคกอดหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้ มหาอริยะขั้นยอดสัมบูรณ์คนหนึ่ง ทำให้มกุฎอริยะแท้อย่างพวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายกดดันน่าสะพรึงจนหายใจไม่ออก
ลำพงแค่จุดนี้ก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า อูเหิงเจิ้นแข็งแกร่งกว่าอูเหิงไห่นั่นมากโข!
นัยน์ตาดำหลินสวินหดรัดลง
ชั่วขณะนี้ผิวหนังของเขาเจ็บแปลบ ขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่ประดังเข้ามา ตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของอูเหิงเจิ้น
สวบ!
อูเหิงเจิ้นลงมือทันที ไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด และคล้ายกับคร้านจะพูดมากความ เห็นได้ชัดว่าตรงไปตรงมา ดุกร้าวและแข็งแกร่งหาใดเปรียบ
ทันทีที่เงาร่างเขาขยับไหวก็หายวับไปกลางอากาศ ครู่ต่อมาทวนศึกสีดำเมื่อมก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศเบื้องหน้าหลินสวิน กระหน่ำโจมตีลงมา
ทวนศึกเรียบง่ายธรรมดา กลับคล้ายอยู่ในมือเทพแห่งความตาย ประหนึ่งไม่อาจทัดเทียมได้!
ตูม!
ห้วงอากาศล้วนระเบิดออก หลินสวินซัดหมัดออกไป พลังหมัดดุจหุบเหวใหญ่ไร้สิ้นสุด กระแทกกับทวนศึกอย่างแรง
เสียงปึงดังขึ้นคราหนึ่ง ร่างหลินสวินถูกซัดสะเทือนจนถอยกรูดออกมา
สวบ!
อูเหิงเจิ้นไม่ลังเลใดๆ เลือดเย็นประหนึ่งเทพสังหาร ฉวยโอกาสบุกโจมตีอีกครั้ง เงาทวนเป็นชั้นๆ แผ่ครอบฟ้าดิน
เงาทวนแต่ละชั้นล้วนบรรจุกฎเกณฑ์มหาอริยะอันน่าสะพรึงเอาไว้ เร้นลับสุดหยั่ง ทั้งยังดุกร้าวถึงขีดสุด!
ปึง!
ไม่นานหลินสวินก็ถูกซัดถอยอีกครั้ง เลือดลมทั่วร่างพลิกตลบ
“ไม่ธรรมดายิ่งดังคาด”
นัยน์ตาอูเหิงเจิ้นฉายแววประหลาดใจวูบหนึ่ง
แต่การเคลื่อนไหวของเขากลับไม่ได้อืดอาด แข็งกร้าวแกร่งกล้า กระชับทวนศึกออกโจมตี ไม่ให้โอกาสหลินสวินได้หายใจหายคอสักนิด
ตูม!
หลินสวินในเวลานี้โคจรมรรควิถีแห่งตนทั้งหมดสู่ขั้นสูงสุดแล้ว ร่างกายดุจเตาหลอมมหามรรค ผสานนัยเร้นลับทั้งหมดอย่างวิชาอริยะยุทธ์ โทสะหยาจื้อ ยอดฐิติไร้รั่วเป็นต้นเอาไว้
นี่คือต้นกำเนิดแห่งมรรค
ส่วนมรดกอย่างมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร คัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ กระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า ก็สำแดงอยู่ภายในเตาหลอมแห่งตนด้วยเช่นกัน
นี่คือต้นกำเนิดแห่งวิชา
หนึ่งมรรคหนึ่งวิชา สำแดงถึงขั้นสูงสุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ปลดปล่อยด้วยคัมภีร์เตาหลอมมหามรรค เรียกได้ว่าเป็นวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งหลินสวินเชี่ยวชาญในยามนี้
เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้น่าสะพรึงอย่างอูเหิงเจิ้นนี่ หลินสวินก็ไม่กล้ายั้งมือแต่อย่างใด
ชั่วขณะนั้นเหนือเวิ้งฟ้าสะท้านสะเทือนไปทั้งแถบ ประกายศักดิ์สิทธิ์หอบม้วน แสงมรรคร่ายระบำ!
เพียงชั่วครู่เท่านั้นทั้งคู่ก็ต่อสู้กันหลายร้อยกระบวนท่า โจมตีจนฟ้าดินมืดมน สุริยันจันทราอับแสง ระลอกคลื่นควันหลงอันน่าสะพรึงกวาดม้วน เสียงก้องกระหึ่มดังไม่ขาดสาย
เพียงแต่หลินสวินตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบเรื่อยมา ถูกซัดถอย ถูกโจมตีไม่หยุด
ว่ากันที่สุด พลังที่ระดับมหาอริยะครอบครองก็แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ ต่อให้หลินสวินเรียกได้ว่าไร้ศัตรูในหมู่ระดับมกุฎอริยะแท้
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกระดับมหาอริยะขั้นยอดสัมบูรณ์อย่างอูเหิงเจิ้นนี่ ก็ยังคงเสียบเปรียบมหาศาลในแง่ของพลังปราณอยู่ดี
“ฆ่า!”
อูเหิงเจิ้นกดดันทุกย่างก้าว อานุภาพดุจดั่งไม่อาจต้านทาน
ท่าทีดุดันแข็งกร้าวเช่นนั้น ทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองไม่มีใครไม่ตื่นตา ฮึกเหิมตื่นเต้นไม่หยุด
ขนาดพวกอาวุโสบางส่วนก็ยังตกใจ ทอดถอนใจไม่สิ้น
“น้องเก้าคนนี้ของข้า ตั้งแต่เด็กก็ถูกมองเป็นเมล็ดพันธุ์บำเพ็ญมรรคโดยกำเนิด พรสวรรค์แปลกพิศวง รากฐานยอดเยี่ยม ที่หายากเป็นพิเศษคือนิสัยใจคอของเขาสุขุมลุ่มลึก จดจ่อกับการบำเพ็ญมรรค ไม่สนเรื่องทั่วไป เช่นนี้ในด้านมารรคาจึงสามารถอยู่เหนือกว่าพี่ๆ อย่างพวกเราได้”
อูเหิงเทียนสีหน้าผ่อนคลาย กล่าวทอดถอนใจว่า “หากไม่ใช่เพราะเจ้าเหลือขอนี่กำแหง ข้าก็ไม่อยากรบกวนการฝึกปราณของน้องเก้าสักนิด ถึงอย่างไรเขาก็ขาดอีกเพียงก้าวเดียวก็สามารถเหยียบย่างระดับราชันอริยะได้”
ในน้ำเสียงเปี่ยมความภาคภูมิใจ
ผู้แข็งแกร่งอีกาทองที่อยู่ใกล้ๆ ล้วนพยักหน้าเห็นพ้อง
อูเหิงเจิ้นเป็นพวกพิสดารในหมู่สัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าอีกาทองจริงๆ รากฐานและพลังต่อสู้ล้วนเรียกได้ว่าอยู่ในระดับชั้นยอดในหมู่มหาอริยะ
“สถานการณ์ชักไม่เข้าที”
ในเวลาเดียวกันพวกเจ้าคางคก อาหลู่ เซ่าเฮ่าล้วนอดหวั่นใจไม่ได้
ความแตกต่างห่างกันมากเกินไป!
ระดับมกุฎอริยะแท้ สามารถข้ามระดับไปฆ่ามหาอริยะทั่วไปได้ก็เรียกได้ว่าน่าตกตะลึงแล้ว
อย่างเมื่อครู่ที่หลินสวินสังหารอูเหิงไห่ ก็เห็นได้ชัดว่าเย้ยฟ้ายิ่ง
แต่ครั้งนี้คู่ต่อสู้ของเขาเป็นถึงบุคคลขั้นยอดสัมบูรณ์ในระดับมหาอริยะ คิดอยากข้ามระดับไปสังหารเขา แทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์