Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1676

สรุปบท ตอนที่ 1676 เคราะห์จงมา: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1676 เคราะห์จงมา – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 1676 เคราะห์จงมา ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ทันทีที่อูเหิงเจิ้นปรากฏตัว ขวัญกำลังใจของเผ่าอีกาทองต่างเพิ่มขึ้น

พวกเจ้าคางคกกลับสีหน้านิ่งขรึม

คนหนึ่งเป็นมกุฎอริยะแท้ขั้นสมบูรณ์ อีกคนเป็นระดับมหาอริยะขั้นสมบูรณ์ แต่ความแตกต่างในนั้นไม่ได้มีแค่ระดับปราณเพียงอย่างเดียวง่ายๆ แค่นั้น!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้หลินสวินจะมีพลังแห่ง ‘มกุฎ’ แต่สุดท้ายในแง่ของปราณก็อยู่ในสภาพเสียเปรียบอยู่ดี

เรื่องนี้ใครบ้างจะไม่กังวลใจ

‘น้องเก้า เมื่อครู่เจ้าหมอนี่เพิ่งฆ่าเหิงไห่พี่หกของเจ้า…’

อูเหิงเทียนรีบสื่อจิตโดยพลัน เล่าสถานการณ์การต่อสู้ก่อนหน้านี้ให้อูเหิงเจิ้นฟัง

ฟังจบนัยน์ตาอูเหิงเจิ้นพลันมีไอสังหารน่าสยดสยองแผ่พุ่งออกมาทันควัน บนใบหน้าเยียบเย็นเต็มไปด้วยความเฉยชา กล่าวว่า ‘ข้าจะให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต!’

ตูม!

ยังไม่ทันขาดคำเขาก็พุ่งทะยานขึ้นไปทันที เหยียบย่างเหนือเวิ้งฟ้า เรือนกายผุดพลังยิ่งใหญ่ไร้จำกัดออกมา ให้ความรู้สึกไพศาลเต็มสมบูรณ์

เพลิงเทพสีม่วงสายแล้วสายเล่ารายล้อมอยู่รอบตัวเขา ทำให้เขามีอานุภาพน่าเกรงขาม ตระหง่านศักดิ์สิทธิ์ดุจภูเขาเทพก็ไม่ปาน

ชิ้ง!

จากนั้นทวนศึกสีดำเมื่อมเล่มหนึ่งพลันปรากฏกลางฝ่ามือเขา ปลายทวนชี้ไปทางหลินสวินที่อยู่ไกลออกไป กล่าวด้วยสีหน้าไม่สื่ออารมณ์ “ในสายตาข้า ไม่มีความต่างระหว่างแข็งแกร่งกับอ่อนแอ ต่อกรกับพวกแบบนี้ย่อมไม่อาจปรานีแน่นอน”

เสียงดังชิ้งๆ พลังเข่นฆ่าสะเทือนทั่วชั้นฟ้า

พวกเจ้าคางคกอดหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้ มหาอริยะขั้นยอดสัมบูรณ์คนหนึ่ง ทำให้มกุฎอริยะแท้อย่างพวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายกดดันน่าสะพรึงจนหายใจไม่ออก

ลำพงแค่จุดนี้ก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า อูเหิงเจิ้นแข็งแกร่งกว่าอูเหิงไห่นั่นมากโข!

นัยน์ตาดำหลินสวินหดรัดลง

ชั่วขณะนี้ผิวหนังของเขาเจ็บแปลบ ขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่ประดังเข้ามา ตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของอูเหิงเจิ้น

สวบ!

อูเหิงเจิ้นลงมือทันที ไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด และคล้ายกับคร้านจะพูดมากความ เห็นได้ชัดว่าตรงไปตรงมา ดุกร้าวและแข็งแกร่งหาใดเปรียบ

ทันทีที่เงาร่างเขาขยับไหวก็หายวับไปกลางอากาศ ครู่ต่อมาทวนศึกสีดำเมื่อมก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศเบื้องหน้าหลินสวิน กระหน่ำโจมตีลงมา

ทวนศึกเรียบง่ายธรรมดา กลับคล้ายอยู่ในมือเทพแห่งความตาย ประหนึ่งไม่อาจทัดเทียมได้!

ตูม!

ห้วงอากาศล้วนระเบิดออก หลินสวินซัดหมัดออกไป พลังหมัดดุจหุบเหวใหญ่ไร้สิ้นสุด กระแทกกับทวนศึกอย่างแรง

เสียงปึงดังขึ้นคราหนึ่ง ร่างหลินสวินถูกซัดสะเทือนจนถอยกรูดออกมา

สวบ!

อูเหิงเจิ้นไม่ลังเลใดๆ เลือดเย็นประหนึ่งเทพสังหาร ฉวยโอกาสบุกโจมตีอีกครั้ง เงาทวนเป็นชั้นๆ แผ่ครอบฟ้าดิน

เงาทวนแต่ละชั้นล้วนบรรจุกฎเกณฑ์มหาอริยะอันน่าสะพรึงเอาไว้ เร้นลับสุดหยั่ง ทั้งยังดุกร้าวถึงขีดสุด!

ปึง!

ไม่นานหลินสวินก็ถูกซัดถอยอีกครั้ง เลือดลมทั่วร่างพลิกตลบ

“ไม่ธรรมดายิ่งดังคาด”

นัยน์ตาอูเหิงเจิ้นฉายแววประหลาดใจวูบหนึ่ง

แต่การเคลื่อนไหวของเขากลับไม่ได้อืดอาด แข็งกร้าวแกร่งกล้า กระชับทวนศึกออกโจมตี ไม่ให้โอกาสหลินสวินได้หายใจหายคอสักนิด

ตูม!

หลินสวินในเวลานี้โคจรมรรควิถีแห่งตนทั้งหมดสู่ขั้นสูงสุดแล้ว ร่างกายดุจเตาหลอมมหามรรค ผสานนัยเร้นลับทั้งหมดอย่างวิชาอริยะยุทธ์ โทสะหยาจื้อ ยอดฐิติไร้รั่วเป็นต้นเอาไว้

นี่คือต้นกำเนิดแห่งมรรค

ส่วนมรดกอย่างมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร คัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ กระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า ก็สำแดงอยู่ภายในเตาหลอมแห่งตนด้วยเช่นกัน

นี่คือต้นกำเนิดแห่งวิชา

หนึ่งมรรคหนึ่งวิชา สำแดงถึงขั้นสูงสุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ปลดปล่อยด้วยคัมภีร์เตาหลอมมหามรรค เรียกได้ว่าเป็นวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งหลินสวินเชี่ยวชาญในยามนี้

เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้น่าสะพรึงอย่างอูเหิงเจิ้นนี่ หลินสวินก็ไม่กล้ายั้งมือแต่อย่างใด

ชั่วขณะนั้นเหนือเวิ้งฟ้าสะท้านสะเทือนไปทั้งแถบ ประกายศักดิ์สิทธิ์หอบม้วน แสงมรรคร่ายระบำ!

เพียงชั่วครู่เท่านั้นทั้งคู่ก็ต่อสู้กันหลายร้อยกระบวนท่า โจมตีจนฟ้าดินมืดมน สุริยันจันทราอับแสง ระลอกคลื่นควันหลงอันน่าสะพรึงกวาดม้วน เสียงก้องกระหึ่มดังไม่ขาดสาย

เพียงแต่หลินสวินตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบเรื่อยมา ถูกซัดถอย ถูกโจมตีไม่หยุด

ว่ากันที่สุด พลังที่ระดับมหาอริยะครอบครองก็แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ ต่อให้หลินสวินเรียกได้ว่าไร้ศัตรูในหมู่ระดับมกุฎอริยะแท้

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกระดับมหาอริยะขั้นยอดสัมบูรณ์อย่างอูเหิงเจิ้นนี่ ก็ยังคงเสียบเปรียบมหาศาลในแง่ของพลังปราณอยู่ดี

“ฆ่า!”

อูเหิงเจิ้นกดดันทุกย่างก้าว อานุภาพดุจดั่งไม่อาจต้านทาน

ท่าทีดุดันแข็งกร้าวเช่นนั้น ทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองไม่มีใครไม่ตื่นตา ฮึกเหิมตื่นเต้นไม่หยุด

ขนาดพวกอาวุโสบางส่วนก็ยังตกใจ ทอดถอนใจไม่สิ้น

“น้องเก้าคนนี้ของข้า ตั้งแต่เด็กก็ถูกมองเป็นเมล็ดพันธุ์บำเพ็ญมรรคโดยกำเนิด พรสวรรค์แปลกพิศวง รากฐานยอดเยี่ยม ที่หายากเป็นพิเศษคือนิสัยใจคอของเขาสุขุมลุ่มลึก จดจ่อกับการบำเพ็ญมรรค ไม่สนเรื่องทั่วไป เช่นนี้ในด้านมารรคาจึงสามารถอยู่เหนือกว่าพี่ๆ อย่างพวกเราได้”

อูเหิงเทียนสีหน้าผ่อนคลาย กล่าวทอดถอนใจว่า “หากไม่ใช่เพราะเจ้าเหลือขอนี่กำแหง ข้าก็ไม่อยากรบกวนการฝึกปราณของน้องเก้าสักนิด ถึงอย่างไรเขาก็ขาดอีกเพียงก้าวเดียวก็สามารถเหยียบย่างระดับราชันอริยะได้”

ในน้ำเสียงเปี่ยมความภาคภูมิใจ

ผู้แข็งแกร่งอีกาทองที่อยู่ใกล้ๆ ล้วนพยักหน้าเห็นพ้อง

อูเหิงเจิ้นเป็นพวกพิสดารในหมู่สัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าอีกาทองจริงๆ รากฐานและพลังต่อสู้ล้วนเรียกได้ว่าอยู่ในระดับชั้นยอดในหมู่มหาอริยะ

“สถานการณ์ชักไม่เข้าที”

ในเวลาเดียวกันพวกเจ้าคางคก อาหลู่ เซ่าเฮ่าล้วนอดหวั่นใจไม่ได้

ความแตกต่างห่างกันมากเกินไป!

ระดับมกุฎอริยะแท้ สามารถข้ามระดับไปฆ่ามหาอริยะทั่วไปได้ก็เรียกได้ว่าน่าตกตะลึงแล้ว

อย่างเมื่อครู่ที่หลินสวินสังหารอูเหิงไห่ ก็เห็นได้ชัดว่าเย้ยฟ้ายิ่ง

แต่ครั้งนี้คู่ต่อสู้ของเขาเป็นถึงบุคคลขั้นยอดสัมบูรณ์ในระดับมหาอริยะ คิดอยากข้ามระดับไปสังหารเขา แทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

อูเหิงเทียนคำรามลั่น

ไม่จำเป็นต้องเอ่ยเตือนสักนิด ทุกคนในที่นั้นต่างหลบหลีกไปจากพื้นที่แถบนี้

ต่อให้เป็นพวกเจ้าคางคก อาหลู่ก็ยังมีสีหน้าตกตะลึง หลบเลี่ยงออกไปไกลๆ กลิ่นอายของพิบัติเคราะห์นี้ทำเอาพวกเขาเสียวสันหลังวาบ ขนลุกตั้งชัน

เปรี้ยง!

ส่วนลึกของเมฆาเคราะห์มีเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว สรรพสิ่งดับสูญ

ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยรู้สึกเพียงว่าหูมีเสียงวิ้งๆ เบื้องหน้าปรากฏดาวสีทอง ถูกเสียงของอสนีเคราะห์นั่นซัดสะเทือนจนจิตมรรคเกือบสลาย

สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกอูเหิงเทียนก็ไม่มีใครไม่เหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ สีหน้าหวาดผวา นี่เป็นพิบัติเคราะห์ระดับใด เหตุใดกลิ่นอายถึงได้พลิกฟ้าปานนี้

ถึงขนาดที่เหมือนพลังต้องห้ามกำลังรวมตัวกัน!

แววตาเซ่าเฮ่าทอประกาย สีหน้าสะท้านสะเทือน กล่าวพึมพำ

“ที่พี่หลินก้าวเดินคือเส้นทางไตรมรรครวมเป็นหนึ่ง เมื่อนานมาแล้วก่อนหน้านี้ก็ทะลวงการโจมตีของเคราะห์มรรคตัดขาด ไตรมรรคทั้งสามอย่างการหลอมปราณ หลอมกาย และหลอมจิตล้วนก้าวขึ้นสู่ระดับมกุฎอริยะ”

“เส้นทางสายนี้ สมัยดึกดำบรรพ์เคยดำรงอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ แต่หลังจากนั้นก็ตัดขาดไปแล้ว จนกระทั่งตอนนี้ทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณ ก็มีแต่พี่หลินคนเดียวที่เหยียบย่างบนมรรคาเย้ยฟ้าเช่นนี้”

“สิ่งที่มาเยือนเขาในตอนนี้ ต้องเป็นเคราะห์แห่งมหาอริยะแน่นอน และย่อมไม่ใช่สิ่งที่พวกธรรมดาทั่วไปจะเทียบชั้นได้ ต่อให้เป็นอริยะบนมกุฎมรรคา ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกมหาเคราะห์ที่หายากตั้งแต่โบราณกาลเช่นนี้!”

“เพียงแต่เหตุใดจู่ๆ พี่หลินถึงคิดข้ามด่านเคราะห์เอาตอนนี้ เขาไม่เข้าใจเชียวหรือว่าหากถูกรบกวนจากภายนอก การข้ามด่านเคราะห์ก็จะล้มเหลว และตกสู่ผลลัพธ์วายวอดดับสลายได้ง่ายดายยิ่ง”

เซ่าเฮ่าขมวดคิ้ว เขายิ่งมองหลินสวินไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ

คนอื่นๆ ก็ตกใจแกมสงสัยไม่สร่าง

ตูม!

บนเวิ้งฟ้า เมฆาเคราะห์ยิ่งหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ ส่วนลึกของชั้นเมฆสีดำ อสนีเคราะห์สว่างวาบที่หนาราวกับงูเหลือมสายแล้วสายเล่าพลิกตลบเดือดคลั่ง

ที่น่าแปลกคืออสนีเคราะห์เหล่านี้บ้างก็กลายเป็นรูปทรงตำหนักวัง ต้นไม้เทพ นกปีศาจ สัตว์อสูร บ้างก็กลายเป็นดาบ หอก กระบี่ ง้าว ประทับใหญ่ เจดีย์สมบัติ กระถางเทพ…

จนถึงสุดท้าย ถึงกับปรากฏเงาร่างดุจดั่งมายามากมายขึ้นมา ประหนึ่งวิญญาณอสนีในตำนานเทพ ท่องทะยานอยู่กลางเมฆาเคราะห์

ภาพน่าพรั่นพรึงสะท้านโลกเหล่านั้น ทำเอาทุกคนที่เห็นล้วนสูดหายใจหนาวสะท้าน สั่นเทิ้มทั่วร่าง

มหาเคราะห์แห่งยุคปานนี้ อย่าว่าแต่รู้จักเลย ไม้เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ ก็แม้แต่ในตำราประวัติศาสตร์ยังแทบไม่มีบันทึกทำนองนี้!

อูเหิงเจิ้นจำเป็นต้องล้มเลิกแผนโจมตีหลินสวิน หลบหนีออกไปไกลโพ้น สีหน้าวูบไหวไม่มั่นคง มีทั้งตกใจทั้งเย็นชา

เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะถึงกับข้ามด่านเคราะห์มหาอริยะในเวลานี้ หนำซ้ำด่านเคราะห์ที่ชักนำมายังถึงขั้นเหลือเชื่อปานนี้

เจ้าหมอนี่ คิดอยากหยิบยืมพลังอสนีเคราะห์มาฆ่าตนหรือ

อูเหิงเจิ้นคิดถึงตรงนี้ก็อดหัวเราะเย็นชาไม่ได้ แผนการยืมพลังอสนีเคราะห์ฆ่าคน เคยมีมานับแต่อดีต แต่ผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ล้วนดูเบาความน่ากลัวของอสนีเคราะห์ สุดท้ายกลายเป็นย้อนเข้าตัวตายไปแทน

หากหลินสวินกล้าทำเช่นนี้ อูเหิงเจิ้นก็ไม่ถือสาที่จะช่วยสงเคราะห์ ดำเนินการรบกวน ทำให้อีกฝ่ายถูกอสนีเคราะห์ครั้งนี้สังหารสิ้น!

เหนือเวิ้งฟ้าไกลออกไป หลินสวินยืนตระหง่านกลางอากาศ สีหน้าไม่สุขไม่ทุกข์ แน่วนิ่งไม่ไหวติง คล้ายกับไม่รู้สึกรู้สาต่อเรื่องทั้งหมดนี้

การทลายมหาเคราะห์ด่านนี้ เดิมก็อยู่ในแผนของเขา เป็นหนึ่งในที่พึ่งในการมาเผ่าอีกาทองของเขาครั้งนี้!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์