Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1681

สรุปบท ตอนที่ 1681 ประกาศิตมรรคจักรพรรดิ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1681 ประกาศิตมรรคจักรพรรดิ – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 1681 ประกาศิตมรรคจักรพรรดิ ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เขตแดนแห่งมรรค ยังถูกเรียกว่าแดนมรรค

เป็นพลังชั้นสูงที่ระดับราชันอริยะมีไว้ในครอบครอง เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงมรรควิถีของตน ดูเหมือนเป็นแค่แดนมรรคที่ราวกับโลกใบเล็กใบหนึ่ง

แต่แท้จริงแล้วขอแค่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ติดอยู่ในนั้น ก็ย่อมไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง ถูกเจ้าของแดนมรรคยึดกุมอำนาจทั้งหมด!

ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ยามที่ไม่จำเป็นระดับราชันอริยะจะไม่ใช้ยอดอาวุธสังหารระดับนี้เด็ดขาด ด้วยในดินแดนรกร้างโบราณตอนนี้คู่ต่อสู้ที่คุกคามพวกเขาได้มีน้อยมากจริงๆ

แต่ตอนนี้สองแดนมรรคใหญ่ที่มาจากอูเฟิงจื่อและอูหลิงจื่อซ้อนทับกันออกไป มุ่งเป้าไปที่หลินสวินคนเดียว

ภาพเหตุการณ์นั้นสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งที่เป็นราชันอริยะเหมือนกันขวัญหนีดีฝ่อ!

เท่านี้ก็มองออกแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายหลินสวิน ทำให้ราชันอริยะทั้งสองของเผ่าอีกาทองนี้หวาดกลัวแค่ไหน

หลินสวินไม่หลบหลีก สีหน้าดูนิ่งสงบถึงขีดสุด ทำเหมือนมองไม่เห็น

มีเพียงกระบี่อเวจีในมือที่ฟาดฟันออกไป

ตูม!

ปราณกระบี่สีดำมหึมาพุ่งชนท้องนภา ส่องประกายหาใดเปรียบ กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตราวกับธารดาราแห่งรัตติกาลนิรันดร์สายหนึ่ง ภายในมีดวงดาวร่วงหล่น

ในกระบวนการนี้มีหมอกควันแผ่กระจาย ขุมนรกปรากฏ ฟ้าแลบฟ้าคำราม ภาพที่ยิ่งใหญ่สง่างามนั้นเหมือนตอนจักรวาลแรกกำเนิด ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกสิ้นหวัง

แย่แล้ว!

อูเฟิงจื่อและอูหลิงจื่อต่างใจกระตุกวูบ ราวกับมีหนามทิ่มแทงอยู่ข้างหลัง สัมผัสได้ว่าอานุภาพของกระบี่นี้ไม่อาจต้าน ยากจะฝืนปะทะ

ทั้งสองหลีกหลบโดยไม่ลังเล

ปึง! ปึง!

พลังที่น่ากลัวทั้งสองอย่างแดนมรรคเพลิงเขียวและแดนทองใบอัคคีถูกกระบี่เดียวบดขยี้

สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าเมื่อกระบี่นี้ฟันลงมา ก็มีตะวันจันทราดาราร่วงหล่น หมื่นลักษณ์ดับสลาย มีท่าทีว่าจะสยบได้ทุกสิ่ง

เสียงตู้มดังขึ้น ในจุดที่อูเฟิงจื่อและอูหลิงจื่อยืนอยู่เดิมล้วนถูกผ่าออกเป็นสองซีก แยกออกเป็นช่องหุบเหวสายหนึ่ง!

ฮูม…

ต้นเทพฝูซางพลันขยับอย่างไร้สุ้มเสียง สาดเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทองดั่งโซ่เทพหลายสายลงมา ถึงกำจัดปราณกระบี่สายนี้ไปได้

เวลานี้อูเฟิงจื่อและอูหลิงจื่อต่างตกใจจนเหงื่อตกไปทั้งตัว

เป็นกระบี่ที่น่ากลัวเกินไปแล้ว!

นี่ไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเพิ่งกลายเป็นระดับมกุฎมหาอริยะครอบครองได้แน่ ช่างสูงส่งและน่าเหลือเชื่อเกินไป

อูเหิงเทียนและผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนอื่นล้วนเบิกตากว้าง กลิ่นอายมหามรรคที่แฝงอยู่ในกระบี่นี้ ทำให้จิตมรรคของพวกเขามีความรู้สึกว่าจะพังทลาย!

ก่อนหน้านี้เจ้าหนุ่มนี่มีวิญญาณอาวุธของธนูวิญญาณไร้แก่นสารคอยช่วย ถึงได้มีโอกาสสังหารอูหยาจื่อ

แต่ตอนนี้เจ้ามารบาปนั่นถูกกำราบใหม่อีกครั้งแล้ว ยังจะมีใครช่วยเจ้าหนุ่มนี่ในที่ลับอยู่อีกหรือ

นี่ทำให้พวกเขาตื่นตระหนก

ยามนี้หลินสวินกลับเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย กล่าวอย่างประหลาดใจ “จิตวิญญาณของต้นไม้นี้ไม่อยู่แล้วชัดๆ แต่ยังทรงพลังเช่นนี้ สมกับเป็นหนึ่งใน ‘สี่ไม้เทพดึกดำบรรพ์’ ”

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่หลินสวินที่พูดอยู่

แต่ก็ไม่สำคัญแล้ว

“เจ้าหนุ่มนี่อันตราย ทุกคนลงมือพร้อมกัน!”

“จำไว้ อย่าออกจากเขตพลังของต้นเทพฝูซางเด็ดขาด!”

“ฆ่า!”

อูเฟิงจื่อ อูหลิงจื่อต่างส่งเสียง แววตาชั่วร้าย สีหน้าเยียบเย็น ไอสังหารมืดฟ้ามัวดิน พวกเขาต่างรับรู้ได้ถึงความประหลาดของพลังบนตัวหลินสวิน ไม่กล้าดูถูก

พื้นที่ใกล้เคียงแสงศักดิ์สิทธิ์นานัปการเริงระบำ สมบัติมากมายพุ่งขึ้นมา

ทุกคนรวมถึงอูเหิงเทียนต่างลงมือแล้ว วิชามรรคและสมบัติแน่นขนัดล้วนพุ่งเป้าไปที่หลินสวินคนเดียว

เสียงตูมดังขึ้น ฟ้าดินแถบนี้เหมือนระเบิดออก การโจมตีทุกอย่างปะทุพล่านดั่งฝนเพลิงหินหนืด กว้างใหญ่ไพศาลและหนาแน่น

หลินสวินไม่หลบหลีก มีเพียงเงาร่างที่ส่องประกาย คลื่นพลังเร้นลับวิวัฒน์เป็นวงแหวนเทพเกลี้ยงกลมวงหนึ่ง ปกคลุมทั่วร่างราวกับไม่อาจเข้าถึง

เมื่อเขาสะบัดข้อมือ กระบี่อเวจีส่งเสียงครวญ ซัดเงากระบี่นับหมื่นพันออกไป แสงประกายดั่งรัตติกาลนิรันดร์หมุนวนแน่นหนา ส่งเสียงมีพลังกึกก้อง

จากนั้นก็ม้วนพัดออกมาพร้อมกัน!

ห้วงอากาศล้วนถูกทะลวงเป็นรูพรุนอย่างง่ายดาย รอยกระบี่หลายสายแผ่กว้าง เฉียบคมหาใดเปรียบ ไม่มีใครรับมือทัน ณ ที่นั้นมีคนสิบกว่าคนถูกจู่โจมทะลวงผ่าน กรีดร้องทุรนทุราย

“อ๊าก…”

“ไม่!”

เงากระบี่หลายสายนั้นดุดันไร้ขอบเขต ทะลวงผ่านลำคอ หว่างคิ้ว กะโหลกศีรษะ หัวใจ ช่วงท้องของคนพวกนั้น นำมาซึ่งบุปผาโลหิตแดงก่ำที่กระฉูดเป็นสายๆ

ปราณกระบี่บางสายฟาดผ่าลง กวาดล้างร่างกายของคนพวกนั้นโดยตรง สูญสลายหายไปทันควัน

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนใจสั่น จิตวิญญาณสั่นระรัว น่ากลัวเกินไป!

“เพลิงวิญญาณครองพิภพ!”

อูเฟิงจื่อตวาดลั่น ม่านแสงเพลิงสีทองแถบหนึ่งลอยเด่นขึ้นมาจากหน้าต้นเทพฝูซาง เข้าปกคลุมอยู่เบื้องหน้า กลายเป็นสิ่งกีดขวางขนาดมหึมาราวกับกำแพงกั้นด่านสีทอง บนนั้นมีคลื่นกฎระเบียบตรวนเทพหลายสายไหลวน

ปึงๆๆ!

เงากระบี่พวกนั้นในที่สุดก็ถูกขวางกั้น แต่เมื่อตรวจสอบจำนวนคนแล้ว แค่กระบี่เดียวเท่านั้น ถึงกับฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับมหาอริยะสามคนและระดับอริยะแท้ห้าคนของพวกเขาไป ความเสียหายสาหัสสากรรจ์ทำให้พวกเขาเดือดดาลจนแทบคลั่ง

“ทะยาน!”

แสงม่วงหมุนวน เจิดจรัสหาใดเปรียบ อูเฟิงจื่อเรียกหนังสัตว์สีม่วงผืนหนึ่งออกมา เปลี่ยนเป็นดาบศึกสีม่วงมลังเมลืองงามตระการเล่มหนึ่งกลางอากาศ

บนดาบศึกสลักสัญลักษณ์เก่าแก่ไว้แน่นขนัด มีกลิ่นอายของกึ่งจักรพรรดิหลายสายอบอวล น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

นี่คือยอดสมบัติชิ้นหนึ่งที่กึ่งจักรพรรดิเหลือไว้อย่างไม่ต้องสงสัย!

ฟุ่บ!

ดาบศึกสีม่วงผ่าแหวกออกไปทันที สะท้านฟ้าสะเทือนดิน หมอกม่วงกระเทือนแผ่นฟ้า

การผลาญพลังของหลินสวินไม่ถึงขั้นมาก ด้วยทั้งหมดนี้ถูกพลังของ ‘ซี’ ควบคุมอยู่ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังทำให้หลินสวินตกตะลึงอย่างอดไม่ได้

ซีแข็งแกร่งมากแค่ไหนกันแน่

ต้องรู้ว่านี่เป็นแค่พลังส่วนหนึ่งที่นางแบ่งออกมาเท่านั้น ตัวของนางไม่เคยปรากฏให้เห็น!

ครืน…

ต้นเทพฝูซางโอนเอนไปมาอย่างรุนแรง ใบไม้มากมายที่เจิดจรัสดั่งดวงตะวันส่องประกาย สาดพลังระเบียบของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลงมาดุจกระแสน้ำ ขวางการจู่โจมสังหารของหลินสวินไว้

ปราณกระบี่ส่งเสียงกัมปนาททันที ฟันเพลิงโซ่เทพสีทองแหลกละเอียดไปไม่รู้เท่าไร ทำให้ต้นเทพฝูซางทั้งต้นสั่นสะเทือนรุนแรง เหมือนใกล้จะต้านไม่อยู่

ท่าทางหยิ่งผยองและดุดันนั้นของหลินสวิน ราวกับจอมกระบี่ไร้คู่ต่อกรอย่างแท้จริง!

พวกอูเฟิงจื่อลนลานอย่างสมบูรณ์แล้ว หน้าคล้ำเขียว ทั้งตระหนกและขุ่นเคือง

“เร็วเข้า! เชิญประกาศิตบรรพชนออกมา! อย่าให้เขาทำลายต้นเทพฝูซางเด็ดขาด มิฉะนั้นเผ่าอีกาทองของพวกเราจบเห่แน่!”

อูเฟิงจื่อคำราม สีหน้าเคร่งขรึม

อูเหิงเทียนลังเล “ประกาศิตบรรพชน ถ้าไม่ใช่ช่วงสำคัญชี้เป็นชี้ตายก็ห้ามใช้ ทั้งทันทีที่ใช้จะเผาผลาญพลังของต้นเทพฝูซางไปกว่าครึ่ง เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะทำให้เจ้ามารบาปนั่นหลุดออกมาจากที่คุมขัง…”

“พวกหน้าโง่ ไม่ใช้ตอนนี้ รอให้เจ้าสวะนั่นโจมตีสังหารเข้ามา พวกเราก็จบเห่แน่!”

อูเฟิงจื่อกล่าวเดือดดาล

อูเหิงเทียนกัดฟันกรอดตัดสินใจ

สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมน่าครั่นคร้าม นำม้วนนกระดาษเก่าแก่ม้วนหนึ่งออกมา ประคองไว้ด้วยสองมือ ริมฝีปากท่องคาถาลับที่ดูซับซ้อนยากหยั่งถึง

ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองอย่างพวกอูเฟิงจื่อ อูหลิงจื่อก็ท่องคาถาตามมา ล้วนสีหน้าเคร่งขรึมหาใดเปรียบ

ฮูม!

ม้วนกระดาษที่ผนึกไว้แน่นหนาค่อยๆ เปิดออก กลิ่นอายน่ากลัวสายหนึ่งพุ่งออกมาทันที ราวกับจอมจักรพรรดิปรากฏตัวขึ้นบนโลก กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่เจิดจ้าระเบิดออกดั่งดวงตะวัน ทำให้พื้นที่แถบนั้นส่องสว่างไปทั่ว

บนแผนภาพประทับอักขระมรรคจักรพรรดิไว้มากมาย เหมือนวิวัฒน์จากมหามรรค เจิดจรัสส่องประกาย มองเห็นได้ไม่ชัดอย่างสิ้นเชิง กลิ่นอายน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว

พวกอูเฟิงจื่อตัวสั่น จิตวิญญาณสั่นระรัว อานุภาพกดดันในประกาศิตสูงส่งเกินไป ทำให้ร่างกายและจิตใจของพวกเขาเกือบจะพังทลายแตกซ่าน

‘ประกาศิตบทหนึ่งที่เขียนด้วยเจตจำนงมรรคจักรพรรดิหรือ ก็ถูก เผ่าใหญ่เก่าแก่ที่อยู่มานานเผ่าหนึ่ง ต่อให้ไม่มีระดับจักรพรรดินั่งบัญชา ก็ต้องมีอะไรให้คงอยู่มาได้นานถึงตอนนี้ ประกาศิตบทนี้อาจเป็นที่พึ่งสำคัญของพวกเขา’

หลินสวินที่กำลังจู่โจมมาเหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เผยความผิดคาดให้เห็นเสี้ยวหนึ่ง แต่ไม่นานก็กลับสู่ความสงบ

เขาไม่โจมตีแล้ว สองมือไพล่หลังทอดมองอย่างสุขุมเยือกเย็น ดูเหมือนสนใจเป็นอย่างยิ่ง

สุดท้ายอูเหิงเทียนก็ท่องคาถาลับที่ซับซ้อนยาวเหยียดบทหนึ่งออกมา แผ่นประกาศิตม้วนแผ่ออกมาอย่างสมบูรณ์ ปรากฏอยู่กลางอากาศ ถ้อยคำสละสลวยส่องประกายสว่างไสว กลิ่นอายของระดับจักรพรรดิที่สูงส่งทะลวงขึ้นเหนือเมฆ

เกือบจะเวลาเดียวกัน ต้นเทพฝูซางหลั่งเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทองมากมายลงมา ทั้งหมดล้วนถูกประกาศิตแผ่นนี้ดูดกลืนไปหมด

จากนั้นกลิ่นอายที่ประกาศิตบทนี้แผ่ออกมาก็น่ากลัวยิ่งกว่าเดิมแล้ว ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ตกอยู่ในสภาพคร่ำครวญ เหมือนกำลังก้มหัวยอมสวามิภักดิ์ต่อจักรพรรดิคนหนึ่ง!

อูเฟิงจื่อเห็นดังนี้ สายตาพลันมองไปยังหลินสวินที่อยู่ห่างออกไป สีหน้าชั่วร้ายและเคร่งขรึม ไอสังหารกระจายตัวแน่น กล่าวเน้นทีละคำ

“เจ้าสวะ ไม่ว่าใครกำลังช่วยเจ้าอยู่ ครั้งนี้พวกเจ้าได้ตายกันหมดแน่!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์