Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1708

สรุปบท ตอนที่ 1708 อริยะกระบี่ชุดดำกู่ฉางซิน: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 1708 อริยะกระบี่ชุดดำกู่ฉางซิน จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1708 อริยะกระบี่ชุดดำกู่ฉางซิน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

หากอยู่ในทางเดินโบราณฟ้าดารา อาศัยฐานะของผู้สืบทอดจากสำนักใหญ่ตระกูลมีชื่อเหล่านี้ ก็สามารถทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าบางคนหวาดหวั่นใจ ลูบหน้าปะจมูก

เหมือนดังว่าตีหมาต้องดูเจ้าของ หากผิดใจกับผู้สืบทอดสำนักใหญ่เหล่านี้ ถึงขั้นดึงดูดสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ควบคุมดูแลในสำนักใหญ่ตระกูลมีชื่อเหล่านี้ออกมา นี่จึงจะเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นที่สุด

ดังนั้นเมื่อจำฐานะของหลินสวินได้ ผู้ฝึกปราณที่มาเป็นกลุ่มที่สองต่างก็ไม่มีความเกรงกลัวสักนิด แสดงออกอย่างแข็งกร้าวนัก

หลินสวินเห็นดังนี้ก็เพียงตอบกลับแผ่วเบาประโยคเดียวว่า “เยี่ยนฉุนจวินก็บ้าระห่ำเหมือนพวกเจ้า แต่เขากลับตายแล้ว พวกเจ้าอยากเดินตามรอยหรือ”

ก็ด้วยประโยคนี้เองทำให้ผู้ฝึกปราณเหล่านี้แต่ละคนต่างหน้าเปลี่ยนสี สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ

พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ในยามนี้ ว่าบนทางเดินโบราณฟ้าดาราบางทีพวกเขาอาจทะนงตัวไปข่มคนบางพวกได้

แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินที่เคยสังหารเยี่ยนฉุนจวินไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มนี้

ดังนั้นด้วยพวกเขาก็ไม่ได้โง่เขลา จึงตัดสินใจว่าจะถอยไปก้าวหนึ่ง แสดงท่าทีว่าหลินสวินไม่ออกไปก็ไม่เป็นไร แต่พวกเขาก็จะไม่ถอยหนีเพียงเท่านี้

นัยแฝงก็คือต้องแบ่งวาสนาที่อยู่ในโกรกธารหมอกดำด้วยกัน

ใช่แล้ว นี่ก็คือการยอมถอยของพวกเขา คิดว่าจริงใจมากพอแล้ว

แต่สิ่งที่ตอบกลับพวกเขาคือคำกระชับได้ใจความจากหลินสวินว่า

“ไสหัวไป!”

เพียงคำสั้นๆ บวกกับสีหน้าไร้อารมณ์ของหลินสวิน ทำเอาผู้ฝึกปราณเหล่านี้ล้วนโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง หลินสวินคนนี้ช่างบ้าระห่ำนัก ถึงกับให้พวกเขาไสหัวไป จะเกรงใจกันเกินไปแล้ว!

ที่ทำให้พวกเขายิ่งอึ้งงันก็คือ หลินสวินลงมือในทันที

นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าเกรงใจกันหรือไม่แล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าอหังการถึงขั้นไม่กลัวเกรงอะไร ไม่เห็นพวกเขากับขุมอำนาจเบื้องหลังของพวกเขาอยู่ในสายตาสักนิด!

พวกเขาจึงร่วมกันลงมืออย่างไม่ลังเล

ตูม!

การต่อสู้ปะทุขึ้น แต่ผลลัพธ์กลับไม่เหนือความคาดหมาย ผู้สืบทอดสำนักใหญ่ที่มาจากทางโบราณฟ้าดาราเหล่านี้ถูกหลินสวินกำราบสังหารทีละคน ไม่ปรานีเลยสักนิด

อะไรกัน สมัยเขาหลินสวินเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณเป็นครั้งแรก เคยก้มหัวนอบน้อมให้สำนักใหญ่แห่งไหนด้วยหรือ

เมื่อก่อนเป็นเช่นนี้ ตอนนี้เป็นเช่นนี้ ภายหน้าก็ต้องเป็นเช่นนี้!

“พวกเขาไม่ได้โง่ แต่เป็นเพราะคุณธรรมถูกความละโมบบดบัง ทั้งไม่เคยรู้อดีตและพลังต่อสู้ของเจ้า หาไม่แล้วย่อมไม่กล้าท้าทายเช่นนี้แน่”

อาหูกล่าว “ความจริงแล้วคนอย่างเจ้าบนโลกนี้มีน้อยมากจริงๆ ในแหล่งสถานคุนหลุนแห่งนี้ ใครไม่รู้บ้างว่าเยี่ยนฉุนจวินเป็นผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาล ทุกคนที่อยากต่อกรด้วยล้วนต้องตรึกตรองผลลัพธ์นี้ สุดท้ายส่วนใหญ่ต่างเลือกถอยเพราะรู้ว่ายุ่งยาก แต่เจ้ากลับไม่สนใจสักนิด”

“ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่ข้าฝึกปราณมาจนตอนนี้ก็ทำแบบนี้มาตลอด”

หลินสวินเอ่ย “ถ้าสักวันหนึ่งข้าอดกลั้นและก้มหัวให้ เลือกหวั่นกลัวและถอยหนีเพียงเพราะที่มา ภูมิหลังและฐานะของอีกฝ่าย เช่นนั้นก็ไม่ใช่ข้าอีกแล้ว”

“ถ้าสู้ไม่ได้ ข้าจะหนีหรือซ่อนตัวก็ได้ และไม่กลัวเสียหน้าด้วย แต่ถ้าสู้ได้ก็ไม่เคยทำให้ตัวเองอดสู”

“แน่นอนว่าข้ารู้ดีว่าเล่นงานเด็กย่อมเป็นการยั่วยุให้ผู้ใหญ่ออกมา แต่ไม่เป็นไร ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งข้าจะเหยียบผู้ใหญ่พวกนั้นไว้ใต้เท้า!”

ดวงตาของอาหูใสกระจ่าง ในใจนางรู้ดีว่าหลินสวินไม่ได้แค่พูด เขาทำเช่นนี้ด้วย

อย่างตอนแรกที่ดินแดนรกร้างโบราณ หลินสวินเหิมเกริมไม่หวั่นกลัว เป็นศัตรูกับผู้อื่นไปทั่ว มีสำนักไม่รู้เท่าไรมองเขาเป็นหนามยอกอก

แต่ตอนนี้เมื่อมองไปอีกครั้ง ในดินแดนรกร้างโบราณอันกว้างใหญ่ไพศาล ใครยังจะกล้าดูเบาหลินสวิน

ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นก็ต้องก้มหัวให้!

เพราะเหตุใดน่ะหรือ

เพราะหลินสวินในตอนนี้อยู่จุดปลายยอดของระดับอริยะในดินแดนรกร้างโบราณ พลานุภาพและรากฐานพลังที่มีเพียงพอจะทำให้ไม่ว่าขุมอำนาจใดก็หวั่นกลัว!

ไม่เห็นหรือว่าเผ่าอีการทองแข็งแกร่งปานไหน แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ถูกหลินสวินเหยียบย่ำหรือไร

อาหูยิ้มเอ่ย “ดังนั้นข้าถึงบอกว่าคนอย่างเจ้าก็มีเพียงคนเดียวในใต้หล้านี้ ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน แลทำให้ผู้สืบทอดสำนักใหญ่ตระกูลมีชื่อบางคนดูโง่นัก”

“เพราะในจิตใต้สำนึกของพวกเขา ความแข็งแกร่งของฐานะและภูมิหลังก็เป็นอำนาจไว้ข่มขู่อย่างหนึ่งเช่นกัน สามารถทำให้คู่ต่อสู้ที่ภูมิหลังและฐานะด้อยกว่าพวกเขาบางคนกลัวได้ แต่ดันมาเจอคนแหกคอกแบบเจ้าเสียนี่ ได้แต่โทษว่าพวกเขาดวงซวย”

หลินสวินยิ้มขึ้นอย่างอดไม่ได้ “นี่เจ้ายอข้าหรือด่าข้ากัน”

อาหูยิ้มเอ่ย “ข้าแค่อธิบายว่าทำไมผู้ฝึกปราณพวกนั้นถึงดูโง่แบบนี้”

……

ในเวลาต่อมาก็มีผู้ฝึกปราณกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าปรากฏตัวอย่างต่อเนื่อง

ที่น้อยหน่อยก็ห้าหกคน ที่มากหน่อยก็สิบกว่าคน

ในกลุ่มนี้ก็ไม่ขาดพวกหัวไว เมื่อเห็นว่าหลินสวินกับอาหูอยู่ต่างก็หวาดหวั่นใจ ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าใกล้

แต่พวกเขาก็ไม่ได้จากไปจริงๆ เช่นกัน

และมีผู้แข็งแกร่งที่ไม่เชื่อ ทะนงตนว่าชาติกำเนิดไม่ธรรมดา มีกำลังคนมาก แต่ก็ไม่ต่างกับก่อนหน้านี้ ถูกหลินสวินกำจัดอย่างไม่เกรงใจ

“ออกจะชอบกล ยังไม่ถึงวัน คนที่มาเยอะเกินไปแล้ว นี่คงไม่ใช่เพราะเจ้าคนเผ่านักรบผีสวรรค์นั่นชักใยอยู่หลังม่านกระมัง”

อาหูนิ่วหน้า ถึงตอนนี้นางจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ข่าวไม่เพียงรั่วออกไปแล้ว ยังกระจายออกไปเร็วด้วย จึงดึงดูดผู้แข็งแกร่งมามากมายเช่นนี้

“ไล่เสือมากินหมาป่าหรือ”

ดวงตาดำของหลินสวินวูบไหว

“เกรงว่าจะเป็นเช่นนี้ เจ้าหมอนั่นสู้พวกเราไม่ได้ ทั้งไม่ยอมปล่อยวาสนาที่นี่ไป ต้องใช้อุบายบางอย่างแน่”

อาหูเอ่ยต่อ “ถ้ามีคนที่ต่อกรได้ยากบางคนปรากฏตัวขึ้นมาออกหน้าให้พวกเขาเมื่อไร ต้องทำให้พวกเรากลายเป็นศัตรูร่วมกันของทุกคนแน่ เช่นนั้นก็ยุ่งยากเสียแล้ว”

“เช่นนั้นพวกเราก็ปล่อยที่นี่ไปก็พอแล้ว”

หลินสวินเอ่ยอย่างไม่ลังเล

“ปล่อยไปหรือ”

อาหูอึ้งไป

“แน่นอนว่าไม่ได้ปล่อยให้แต่โดยดี”

กู่ฉางซินขึ้นสู่ระดับมกุฎมหาอริยะได้ตั้งแต่ห้าร้อยปีก่อน ห้าร้อยปีต่อมา อันดับของเขาก็ก้าวหน้าและเพิ่มสูงขึ้นทุกครั้ง นี่ก็ดูน่ากลัวนัก

“เป็นเขา!”

คนอื่นก็ล่วงรู้ในทันใด ต่างตื่นตะลึงทั้งนั้น

“พอกู่ฉางซินมา อาจจะกำราบหลินสวินกับผู้หญิงคนนั้นได้อย่างง่ายดาย มีกู่ฉางซินอยู่ ใครยังกล้าไปชิงวาสนากับเขาอีก”

มีคนกังวลใจอย่างยิ่ง

‘แม้กู่ฉางซินแข็งแกร่ง แต่หลินสวินนั่นก็ไม่ใช่พวกกินพืช อย่าลืมสิ เจ้าหมอนี่ถึงเคยฆ่าคนร้ายกาจอย่างเยี่ยนฉุนจวินมาแล้ว ข้าล่ะหวังจริงๆ ว่าเขากับกู่ฉางซินจะสู้จนพ่ายแพ้เละทั้งคู่ พวกเราจะได้คว้าลาภลอยได้’

แววเหี้ยมเกรียมฉายขึ้นในดวงตาของเหยียนซิว “อีกเดี๋ยวพวกเราก็ไปร่วมลงมือ เลือกจังหวะเคลื่อนไหว!”

……

ข้างโกรกธารหมอกดำ ในใจหลินสวินสัมผัสได้ มองไปไกลอย่างรวดเร็ว

รุ้งกระบี่สีทองสายหนึ่งพุ่งทะลุกลางห้วงอากาศมุ่งหน้ามาทางนี้ พวกกู่ฉางซินยืนอยู่บนนั้นราวกับเหล่าเซียนเยือนโลก

ในบริเวณใกล้เคียง ผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไรรวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นกู่ฉางซินเข้าต่างก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว กระสับกระส่ายไม่หยุดหย่อน

“อริยะกระบี่ชุดดำกู่ฉางซิน!”

“เขา… เขาก็มาแหล่งสถานคุนหลุนหรือนี่ เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินข่าวเขาล่ะ”

เสียงร้องตกตะลึงไม่น้อยดังขึ้นใกล้ๆ กัน

นามของคนดั่งเงาของต้นไม้ พอพวกกู่ฉางซินมาถึงก็กลายเป็นจุดสนใจของทั้งที่นั้นทันที

ไม่มีใครคาดคิดว่าบุคคลพลิกฟ้าซึ่งเป็นอัจฉริยะกระบี่ที่มีชื่อระบือทางเดินโบราณฟ้าดารามานาน ถูกยกให้เป็นอริยะกระบี่ชุดดำแล้วอย่างเขาจะมาด้วย

อีกทั้งยังพาผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลมาด้วยกลุ่มหนึ่ง!

ในขณะเดียวกันหลินสวินก็ได้รู้ฐานะของกู่ฉางซินจากปากอาหู จึงเลิกคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ ทันใดนั้นก็ลอบพึมพำกับตัวเองประโยคหนึ่ง

ห้าร้อยปีแล้วยังอยู่ระดับมกุฎมหาอริยะ เป็นเพราะต้องการอ้อยอิ่งอยู่บนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราเลยไม่ไป หรือเป็นเพราะเสียโอกาสเลื่อนระดับเป็นราชันอริยะไปนานแล้วกันแน่

แต่ไม่ว่าเป็นอย่างไหน ในความเห็นของหลินสวิน กิตติศัพท์กับพลังต่อสู้ที่ใช้เวลาห้าร้อยปีเต็มๆ สร้างขึ้น ไม่ถือว่าโดดเด่นตระการตาอย่างแท้จริงสักนิด

ควรรู้ว่าตัวหลินสวินเองฝึกปราณจนตอนนี้ ยังไม่ถึงหนึ่งร้อยปี!

เทียบกันเช่นนี้ ในจิตใต้สำนึกย่อมคิดว่า ในแง่ระยะเวลาฝึกปราณของกู่ฉางซินก็ไม่ได้น่าดูเท่าไรนัก

แต่ที่หลินสวินไม่รู้ก็คือ ห้าร้อยปีสามารถครองตำแหน่งร้อยคนแรกบนกระดานมกุฎมหาอริยะได้อย่างมั่นคง สำหรับผู้แข็งแกร่งบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็เรียกได้ว่ามีความสามารถหาได้ยากยิ่งแล้ว!

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นถึงการฝึกปราณระดับมกุฎมหาอริยะ คนรุ่นอาวุโสส่วนใหญ่ในโลก กระทั่งชั่วชีวิตยังไม่อาจสัมผัสธรณีประตูของระดับนี้ได้สักนิด

พูดได้เพียงว่า หลินสวินยังไม่เข้าใจเรื่องราวในทางเดินโบราณฟ้าดารา ทั้งยังเอาตัวเองไปเปรียบเทียบอีก จะเข้าใจเช่นนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์