กู่ฉางซินมาแล้ว เขาแต่งกายชุดดำทั้งตัว ใบหน้าเย็นชากร้าวแกร่ง ยืนตระหง่านกลางห้วงอากาศ ใช้ฝ่ามือจับกระบี่ข้างเอว
องอาจสูงตระหง่านดั่งภูผา!
“เจ้าเป็นคนฆ่าเยี่ยนฉุนจวินหรือ”
กู่ฉางซินเอ่ยปาก เสียงก็เย็นชากร้าวแกร่งดุจหินผา
ประโยคเดียวทำให้ทั้งที่นั้นตกตะลึง รับรู้ได้ในยามนี้ว่าที่พวกกู่ฉางซินมาคราวนี้อาจเป็นเพราะถูกโกรกธารหมอกดำดึงดูดเช่นกัน แต่เป้าหมายที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือแก้แค้นให้เยี่ยนฉุนจวิน
“ใช่แล้ว”
หลินสวินพยักหน้า ดูสบายและเยือกเย็น
ความรู้สึกที่กู่ฉางซินมอบให้หลินสวิน ก็คล้ายคลึงกับเหวินชิงเสวี่ยผู้สืบทอดเรือนมรรคยุทธจักร แข็งแกร่งกว่าพวกมกุฎมหาอริยะอย่างเว่ยจื่อหยากับคุนจิ่วหลินอยู่บ้าง
ชิ้ง!
กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือศีรษะกู่ฉางซิน มันมีสีดำราวน้ำหมึก เรียบง่ายไร้คม ด้านบนสลักอักษรมรรคเก่าแก่เรียบง่ายว่า ‘หวนย้ำ’
ห้วงอากาศใกล้เคียงยุบตัวอย่างเงียบเชียบ คล้ายรับน้ำหนักของกระบี่นี้ไม่ไหว!
และในบริเวณนี้ ไอสังหารน่ากลัวไร้สิ้นสุดก็แผ่กระจายออกมาจากร่างของกู่ฉางซิน
หลายคนหายใจติดขัด หน้าเปลี่ยนสีในทันใด
พลานุภาพน่ากลัวนัก!
กู่ฉางซินในขณะนี้เหมือนดั่งนายเหนือหัวแห่งกระบี่ ควบคุมฟ้าดินแถบนี้
ดวงตาดำของหลินสวินหดรัดเล็กน้อย แขนเสื้อปลิวไหวไปตามลม พลังขับเคลื่อนทั้งร่างก็พวยพุ่งไปด้วย
ชั่วขณะเดียวฟ้าดินแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยพลานุภาพน่าหวาดหวั่นที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงสองสาย พลังทั้งสองประชันกัน ห้วงอากาศต่างปั่นป่วนรุนแรงราวกับมหานทีมีคลื่นใหญ่ซัดสาด!
คนไม่น้อยต่างบีบคั้นในใจ พากันถอยหนี กลัวแต่ว่าจะโดนลูกหลงของศึกใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งนี้
“ผู้ที่ฆ่าผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคจักรวาลของข้า ต้องถูกสังหารทั้งสิ้น!”
กู่ฉางซินเอ่ยปากเย็นชา
ฟึ่บ!
พอเอ่ยจบเจตกระบี่เต็มฟ้าก็เกี่ยวกระหวัด ส่งเสียงคำรามพลุ่งพล่าน ถูกกระบี่ยักษ์ที่มีนามว่า ‘หวนย้ำ’ เล่มนั้นเหนี่ยวนำเอาไว้จนหมด แล้วฟันออกมาคราหนึ่ง
ลมหิมะทั่วทิศไหงเคลื่อน ฟ้าดินนี้มีข้าเป็นนาย!
กระบี่นี้ไพศาลเหลือคณา
แต่ที่เหนือความคาดหมายของทุกคนก็คือ ยามนี้หลินสวินพุ่งตัวถอยหนี เคลื่อนผ่านห้วงอากาศไปพร้อมกันอาหู รวดเร็วเกินกว่าทุกคนในที่นั้นจะตอบสนอง
ฉึก!
กระบี่ยักษ์หวนย้ำหยุดชะงักกลางอากาศ เจตกระบี่เต็มฟ้ารวมตัวไม่กระจายออก
เพียงแต่กู่ฉางซินกลับอึ้งไปแล้ว
เขาคิดไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้เช่นนี้จะหลบหนีได้ฉับไวเด็ดขาดปานนี้ ยังไม่ทันได้ทักทายก็ไปเสียแล้ว
ข้างกายเขา เหล่าผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลก็ชะงักไป
ตามความเข้าใจของพวกเขา หลินสวินเป็นผู้ที่เหิมเกริมไม่หวั่นเกรง ใจกล้าคับฟ้าคนหนึ่ง แม้แต่เยี่ยนฉุนจวินยังไม่อยู่ในสายตา
แต่จะคิดได้อย่างไรว่าการต่อสู้ยังไม่ทันเริ่ม อีกฝ่ายกลับหนีไปทันที!
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็งุนงงกันหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้เขาหลินสวินไม่ได้แสดงออกอย่างเหิมเกริมไร้ความกลัวเกรง ไม่สนใจใครหน้าไหนหรอกหรือ
เหตุใดถึงเผ่นไปเช่นนี้ล่ะ
แม้แต่พวกเหยียนซิวที่จับตาดูภาพนี้อยู่ลับๆ ยังตกตะลึงอ้าปากค้าง เจ้าหมอนี่… เจ้าหมอนี่ยอมแพ้เช่นนี้หรือ
เดิมทีพวกเขายังคิดจะนั่งดูเสือสู้กันรอตกลาภลอย แต่พอหลินสวินทำแบบนี้ ทำเอาพวกเขารับมือไม่ทันขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านี้สถานการณ์คือการไล่เสือมากินหมาป่า แต่ดูตอนนี้สิ หมาป่าหนีไป แต่เสือมาแล้ว!
“ถุย! ไร้ยางอาย ข้ายังนึกว่าหลินสวินคนนี้คงจะเก่งกล้า ที่แท้ก็เป็นแค่คนขี้ขลาดรังแกผู้อ่อนแอกลัวผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง”
ผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลคนหนึ่งเอ่ยดูถูก
หลายคนต่างก็ด่าทอดูแคลนเงียบๆ ไม่ว่างเว้น ไม่มีแม้แต่ความกล้าจะรับคำท้า หลินสวินคนนี้ใจกล้าสะท้านฟ้าที่ไหน ขี้ขลาดอย่างกับหนูชัดๆ!
“ศิษย์พี่กู่ อยากตามไปไหม”
มีคนถาม
ประกายเทพพลุ่งพล่านในดวงตากู่ฉางซิน สุดท้ายก็ส่ายหัว “พลาดโอกาสไปแล้ว ตอนนี้… การเก็บไอมรรคหลอมสมบัติในโกรกธารนี้สำคัญกว่า ขอเพียงเจ้าหมอนั่นยังอยู่ในแหล่งสถานคุนหลุน ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วต้องมีโอกาสฆ่าเขา”
ทุกคนต่างพยักหน้า
และเมื่อได้เห็นภาพนี้ หลายคนต่างก็โอดครวญในใจ ความแข็งแกร่งของหลินสวินทำให้พวกเรารู้สึกรับมือได้ยากและปวดเศียรเวียนเกล้าไปแล้ว
แต่ดูตอนนี้สิ พอกู่ฉางซินมา แดนสมบัติแห่งนี้ก็ถูกเขายึดครองไปทันที ใครยังจะกล้าไปงัดข้อกับพวกเขาเรือนมรรคจักรวาล
พวกเหยียนซิวที่ซ่อนอยู่ก็สีหน้าอึมครึมขึ้นมา หน้าเสียหาใดเทียบ อัดอั้นจนอยากกระอักเลือด อุบายที่บรรจงวางไว้อย่างดีสูญเปล่าไปเช่นนี้แล้ว!
‘เหยียนซิว ทำอย่างไรดี’
หญิงสาวผมเขียวงามเย้ายวนร้อนรนแล้ว สื่อจิตซักถาม
‘ยังทำอะไรได้อีก ต้องเลือกจังหวะแล้วลงมืออยู่แล้ว’
เหยียนซิวสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สีหน้าอึมครึมเอ่ยว่า ‘ยิ่งเป็นไอมรรคหลอมสมบัติคุณลักษณะสูง ก็ยิ่งกำราบได้ยาก ตอนเขากู่ฉางซินกำลังยุ่งเป็นพัลวัน ก็จะเป็นช่วงเวลาที่พวกเราฉวยของดีไป!’
แต่ก็ในตอนนี้เอง กู่ฉางซินเอ่ยปากอย่างเย็นชาว่า
“ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ข้างหลัง[1] ถ้ามีใครอยากเอาเปรียบ ให้ถามตัวเองเสียก่อนว่าจะรับกระบี่ของข้าคนแซ่กู่ได้หรือไม่!”
นี่เป็นทั้งคำเตือนและการข่มขู่อย่างไม่ปิดบัง
หลายคนเริ่มรู้สึกกลัว ถอนตัวจากเรื่องนี้ไป แต่ก็ยังมีคนแววตาฉายวาบ ไม่หวั่นไหวไปตามคำขู่
อย่างเช่นพวกเหยียนซิว ย่อมไม่อาจตกใจถอยหนีเพราะคำพูดนี้
กู่ฉางซินไม่พูดอะไรอีก ทอดสายตามองไปยังโกรกธารหมอกดำ
กาลเวลาผันผ่านไป ไม่นานนักส่วนลึกของหมอกดำนั้นก็มีไอมรรคหลอมสมบัติสายหนึ่งผุดออกมา แปรสภาพเป็นปักษาเหินสีทองเจิดจรัสตัวหนึ่ง ครวญเสียงใสโผนทะยาน ทรงพลังสะดุดตา
หลายคนดวงตาเป็นประกาย
พวกเหยียนซิวก็ปากคอแห้งผาก ไอมรรคหลอมสมบัติเช่นนี้ล้ำค่าเกินไปแล้ว มูลค่าไม่อาจประเมินได้ เย้ายวนใจหาใดเทียบ
ด้านผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลเหล่านั้นต่างก็ตึงเครียดขึ้นมา ทั่วทิศนี้มีสายตาไม่รู้เท่าไรจับจ้องที่นี่อยู่ ทำให้พวกเขาเหมือนกับมีหนามแหลมจ่ออยู่ข้างหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์