Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1734

โลกที่ผุพัง ทิวทัศน์ที่รกร้างผลาญทำลาย แผ่กลิ่นอายวังเวงที่บอกไม่ถูกอย่างหนึ่งออกมา

“ไม่ว่าที่แห่งนี้จะมีศุภโชคหรือไม่ สิ่งสำคัญเหนือสุดคือต้องตามหาพวกหมีเหิงเจินให้ได้”

แววตาหลินสวินเยือกเย็น

เขาและอาหูเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกัน เหาะเหินกลางห้วงอากาศ ลัดเลาะเสาะหาระหว่างแผ่นดินที่ลอยผลุบโผล่กลางอากาศชิ้นแล้วชิ้นเล่า

“อาหู เจ้ารู้จักคำกล่าวถึง ‘เก้าลับ’ ของคุนหลุนหรือไม่”

ระหว่างทางหลินสวินกล่าว

อาหูจัดระเบียบกระบวนความคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างแช่มช้าว่า

“เคยได้ยิน ในกาลเวลาที่ผ่านมา เคยมีผู้แข็งแกร่งมากมายมุ่งหน้ามาแสวงหาวาสนาที่แหล่งสถานคุนหลุน ในพื้นที่ที่ถูกพวกเขาเสาะหาแล้ว ยกให้ ‘แดนแห่งเก้าลับ’ เร้นลับที่สุด และแดนแห่ง ‘สามผนึก’ อันตรายที่สุด”

“เก้าลับ ก็คือโลกลึกลับเก้าแห่ง เขาพญามังกรเป็นเพียงหนึ่งในนั้น บริเวณอื่นๆ ในโบราณสถานคุนหลุนยังมีแดนลับคล้ายๆ กันอีกแปดแห่งกระจายอยู่”

“ในแดนเก้าลับนี้ มีเพียงผู้ที่ถือครองป้ายคำสั่งเซียนเหินเท่านั้นจึงจะมีโอกาสเข้าไปได้”

“นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมหลังจากพวกเราปรากฏตัว จึงถูกฝึกปราณมากมายขนาดนั้นจับจ้อง ประโยชน์ของป้ายคำสั่งเซียนเหินมากมายเกินไปจริงๆ ไม่ว่าใครล้วนตาลุกกันทั้งนั้น”

ได้ฟังถึงตรงนี้หลินสวินก็อดแปลกใจไม่ได้ “ทางเดินโบราณฟ้าดารากว้างใหญ่เหนือล้ำปานใด แต่เหตุใดกลับไม่มีป้ายคำสั่งเซียนเหิน ตรงข้ามกลับเป็นเก้าดินแดนที่มีป้ายคำสั่งเร้นลับระดับนี้”

อาหูกล่าว “เหตุผลภายในนั้นข้าเองก็ไม่อาจล่วงรู้ แต่กลับเคยได้ยินข่าวลือหนึ่ง”

หลินสวินเผยแววสนใจขึ้นมาทันที “ข่าวลืออะไร”

“มีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่า ในอดีตกาลเก้าดินแดนก็คือจุดศูนย์กลางของหมื่นโลกทั่วหล้า และถูกมองเป็นแดนต้นกำเนิดที่การบำเพ็ญเพียรรุ่งเรือง!”

“ในตอนนั้นโบราณสถานใหญ่สองแห่งอย่างแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์และแหล่งสถานคุนหลุนล้วนมีเส้นทางที่เชื่อมสู่เก้าดินแดน แต่พร้อมๆ กันกาลเวลาที่เคลื่อนคล้อย เก้าดินแดนเกิดการเปลี่ยนแปลงประหนึ่งท้องสมุทรกลายเป็นผืนนา ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ฝึกปราณได้อีกต่อไป จึงค่อยๆ เสื่อมโทรมลง”

“ถึงอย่างไรเจ้าเองก็รู้ดี ผู้ที่พลังปราณยิ่งสูง มรรคาที่อยากปีนป่ายก็ยิ่งสูงตามไปด้วย ความต้องการที่มีต่อทรัพยากรฝึกปราณก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”

“เก้าดินแดนแม้จะเรียกได้ว่ากว้างใหญ่ไพศาล แต่ยามเมื่อปราณของผู้ฝึกปราณบรรลุถึงระดับอริยะแล้ว ด้วยกลิ่นอายมหามรรค กฎเกณฑ์ของฟ้าดิน ไม่สามารถทำให้พวกเขาเกิดการพัฒนาใดๆ บนมรรคาได้แล้ว”

“ดังนั้นในกาลเวลาไร้สิ้นสุดตั้งแต่อดีตมา ผู้ฝึกปราณจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างเหยียบย่างบนเส้นทางที่มุ่งสู่ทางเดินโบราณฟ้าดารา”

“สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในเก้าดินแดน ยังเกิดขึ้นในโลกอื่นๆ บนฟ้าดาราด้วย แต่มีเพียงเก้าดินแดนจึงจะมีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์และแหล่งสถานคุนหลุน!”

“นี่ก็คือสาเหตุที่ว่า ทำไมเก้าดินแดนถึงมีสมบัติเร้นลับเช่นป้ายคำสั่งเซียนเหินได้”

“แน่นอน นี่เป็นเพียงข่าวลืออย่างหนึ่งเท่านั้น จริงแท้อย่างไรกันแน่ เกรงว่าต่อให้เป็นบุคคลระดับจักรพรรดิก็ยังบอกยาก”

ถึงตอนนี้หลินสวินเริ่มเข้าใจรางๆ แล้ว

จู่ๆ เขาก็เกิดความคิดบ้าบิ่นอย่างหนึ่งขึ้นมา

หากบอกว่าเก้าดินแดน เริ่มแรกสุดเป็นแดนต้นกำเนิดที่การฝึกปราณรุ่งเรือง

เช่นนั้นดินแดนรกร้างโบราณก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นพื้นที่แกนกลางภายในนั้น

และ ‘โลกชั้นล่าง’ ที่ตั้งอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นแกนหลักของแกนกลาง เป็นแดนต้นกำเนิดแรกเริ่มสุด!

สาเหตุที่มีความคิดเช่นนี้ ก็เพราะโลกชั้นล่างแห่งนั้นไม่ธรรมดาเกินไป ลำพังแค่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในจตุโบราณสถานก็ยังตั้งอยู่ภายในนั้น!

แต่นี่เป็นเพียงความคิดของหลินสวินเท่านั้น

ความลับของวัฏจักรฟ้าดาราว่างเปล่าทั้งบนล่างในใต้หล้านี้มีมากมายนับไม่หวาดไม่ไหว จากความรู้และประสบการณ์ในปัจจุบันของเขา ยังห่างไกลไม่สามารถอนุมาน ‘ต้นกำเนิดของโลก’ หรือคาดเดาสถานที่กำเนิดมหามรรคได้

“แล้วแดนสามผนึกใหญ่คืออะไรอีก”

หลินสวินเอ่ยถามต่อ

อาหูกล่าว “ที่แรกคือ ‘แท่นสักการะ’ ลือกันว่าซ่อนความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์เอาไว้”

“ที่ที่สองคือ ‘ผาสยบมรรค’ ว่ากันว่าที่นั่นควบรวมกลิ่นอายต้นกำเนิดของหมื่นมรรคใต้หล้าเอาไว้”

“ที่ที่สามก็คือ ‘แดนผนึกไร้นาม’ ที่นั่น… เป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในแหล่งสถานคุนหลุน จากอดีตถึงปัจจุบัน ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าไปในนั้นแทบจะตายเพราะประสบเคราะห์กันทั้งนั้น”

กล่าวถึงตรงนี้นัยน์ตาของอาหูวาบแววกริ่งเกรง “ข้าเคยได้ยินมาว่า ช่วงสมัยดึกดำบรรพ์เคยมีคนรอดชีวิตกลับออกมาจากแดนผนึกไร้นาม แต่กลับสูญเสียความทรงจำ กลายเป็นบ้าไป หนำซ้ำบนตัวยังรายล้อมด้วยกลิ่นอายด่านเคราะห์น่าสะพรึง หลังจากกลับมาทางเดินโบราณฟ้าดาราได้ไม่นานก็ตายอนาถจากโลกไป”

“ก่อนสิ้นใจคนผู้นี้ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ จนป่านนี้ยังแพร่กระจายอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา”

หลินสวินอดกล่าวไม่ได้ “เขาพูดอะไรหรือ”

“มรรคาสะบั้นแล้ว ไม่อาจร้องขอ!”

ริมฝีปากอาหูเอ่ยไม่กี่คำออกมาเบาๆ

ประโยคเดียวที่สุดแสนธรรมดา แต่กลับเสมือนแฝงพลังที่ชวนให้ผู้คนหวั่นผวา ทำเอาร่างกายหลินสวินยังสั่นเทิ้มน้อยๆ

มรรคาสะบั้นแล้ว?

นี่อย่าบอกนะว่าหมายถึงว่า แม้ผู้ฝึกปราณจะทุ่มหยาดเหงื่อแรงกายตลอดชีวิต แม้ว่าจะเหยียบย่างระดับจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์แห่งมรรค ก็ต้องพบกับจุดจบที่ไม่อาจเอื้อมสัมผัสมหามรรคได้

“เจ้าอย่าเก็บมาคิดจริงจังเลย นี่เป็นแค่สิ่งที่คนเสียสติตายคนนั้นเหลือทิ้งไว้ก่อนสิ้นใจเท่านั้น แม้จะกระจายไปในโลก แต่ก็มีไม่กี่คนที่คิดว่าเป็นเรื่องจริง”

อาหูกล่าว “เพียงแต่ ‘แดนผนึกไร้นาม’ นั่นเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในแหล่งสถานคุนหลุนจริงๆ จนตอนนี้ยังไม่มีใครกล้าลองเฉียดใกล้อีกเลย”

หลินสวินร้องอืมคราหนึ่ง

ทำความเข้าใจ ‘เก้าลับสามผนึก’ แล้ว คราวนี้เขาจึงพบว่า จำนวนความลับที่ซ่อนอยู่ในแหล่งสถานคุนหลุน เหนือกว่าที่ตนจินตนาการหลายโข

ที่นี่เหมือนปิดครอบด้วยหมอกหนาแถบหนึ่ง ไม่ว่าใครมาอยู่ในนี้ต่างรู้สึกถึงความลับและปริศนามากมาย

“พวกเรามุ่งหน้ามาครั้งนี้ อย่างมากสุดก็รั้งอยู่ได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น หลังครึ่งปี เส้นทางที่แหล่งสถานคุนหลุนเชื่อมสู่โลกภายนอกก็จะปิดผนึกและหายไปอีกครั้ง”

อาหูกล่าวทอดถอนใจ “นี่ก็กำหนดไว้แล้วว่าครั้งนี้พวกเราไม่มีทางสอดส่องความลับในแหล่งสถานคุนหลุนได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน จากอดีตตราบปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้”

ตอนที่ทั้งคู่พูดคุยกัน ได้ข้ามผ่านแผ่นดินลอยผลุบโผล่มากมายแล้ว

ขณะที่หลินสวินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ บริเวณไกลๆ ก็มีเสียงคำรามสะเทือนเดือดดาลดังลอยมาระลอกหนึ่ง…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์