Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1740

ภิกษุจีวรดำรู้สึกว่าเหลวไหลจริงๆ

หลินสวิน บุคคลร้ายกาจชั้นยอดคนหนึ่งที่เคยฆ่ามกุฎมหาอริยะอย่างพวกเยี่ยนฉุนจวิน ลู่อ๋าง กู่ฉางซิน เถาเจี้ยนสิง คุนจิ่วหลิน

บุคคลพลิกฟ้าคนหนึ่งซึ่งชิงไอมรรคหลอมสมบัติ ‘บทประพันธ์มหามรรค’ แล้วยังหนีไปได้อย่างปลอดภัยในศึกใหญ่บนภูเขากลับหัว สังหารเหล่าศัตรูบนยอดเขาพญามังกร เป็นได้แค่เจ้าตัวเล็กในสายตาของสำนักโบราณจรัสเทพหรือ

ทั้งรางวัลค่าหัวและอันดับบนกระดานเทพลงทัณฑ์ยังรั้งท้ายทั้งหมดด้วย!

นี่ทำให้ภิกษุจีวรดำรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง

แดนกษิติครรภ์ของข้าให้ความสำคัญกับเจ้านอกรีตคนหนึ่งเช่นนี้ ในสายตาสำนักโบราณจรัสเทพของเจ้ากลับกลายเป็นเป้าหมายเล็กๆ ที่ไม่ถูกให้ความสำคัญอย่างหนึ่ง นี่ไม่ได้แสดงว่าแดนกษิติครรภ์ของข้าไร้สามารถหรอกรึ

ซาหลิวชิงหัวเราะฮ่าๆ ออกมา “เจ้าอย่าเข้าใจผิด นี่เป็นแค่ช่วงก่อนเข้ามาในแหล่งสถานคุนหลุน สำนักโบราณจรัสเทพของข้ายังไม่รู้เบื้องลึกของเจ้าหมอนี่ จึงได้มองเป็นเจ้าตัวจ้อย”

“และที่ข้ามาแหล่งสถานคุนหลุนครานี้ เดิมทีก็ไม่ได้มาเพื่อไล่ฆ่าเจ้าหมอนี่ แต่ต่อมาถึงค่อยพบว่าเจ้าหมอนี่ไม่ธรรมดา”

“ข้ากล้ายืนยันว่าหากตัดหัวเขากลับไปที่สำนักได้ จำนวนของรางวัลค่าหัวที่ได้รับ ต้องมากกว่าสามสิบผลึกสมบัติมหามรรคหลายเท่าตัวแน่นอน!”

กล่าวถึงตอนท้ายเขาก็เลียริมฝีปากอย่างห้ามไม่อยู่ ราวกับสัตว์ที่กระหายเลือด

ผลึกสมบัติมหามรรคกำเนิดจากบ่อเกิดแรกกำเนิดของโลกาพิภพ คุณประโยชน์อัศจรรย์ มีประโยชน์อย่างมากต่อการฝึกปราณของผู้แข็งแกร่งระดับมหาอริยะขึ้นไป

ขณะเดียวกันผลึกสมบัติมหามรรคก็เป็นสกุลเงินหายากอย่างหนึ่งที่นำมาใช้แลกเปลี่ยนบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ทั้งถูกมองเป็น ‘ผลึกมรรค’ ด้วย

มูลค่าของผลึกมรรคก้อนหนึ่ง เทียบได้กับโอสถวิญญาณหมื่นปีต้นหนึ่ง!

สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับมหาอริยะ ผลึกมรรคคือสกุลเงินแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีอะไรมาแทนได้

เมื่อได้ฟังคำพูดของซาหลิวชิง ภิกษุจีวรดำก็รู้สึกสงบลงไม่น้อย

เขายื่นข้อเสนอ “เจ้าหมอนี่ยากจัดการ ทั้งยังมีสมบัติหายาก แค่จับตายมันได้ ทรัพย์หลังศึกที่ได้มาย่อมมากมายและน่าล่อใจถึงขีดสุด เจ้ากับข้าสองคนไม่สู้ร่วมมือกันสักครั้งเป็นอย่างไร”

ซาหลิวชิงแววตาไหววูบ “ร่วมมืออย่างไร”

“ทรัพย์หลังศึกแบ่งกันคนละครึ่ง”

“ได้!”

ซาหลิวชิงใคร่ครวญเล็กน้อยก็รับปาก

ความแข็งแกร่งของหลินสวินก็ทำให้เขาระวังตัว หากร่วมมือกับบุคคลร้ายกาจที่จัดอยู่ในหมู่ ‘อรหันต์หลุดพ้น’ ของแดนกษิติครรภ์คนนี้ได้ โอกาสที่จะสำเร็จย่อมมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

อรหันต์หลุดพ้น สมญานี้มีเพียงยอดบุคคลในหมู่ผู้สืบทอดระดับมหาอริยะของแดนกษิติครรภ์ที่ครอบครองได้

ภิกษุจีวรดำตรงหน้าคนนี้มีฉายาว่า ‘คูตู้’ แต่ในโลกมืดกลับถูกพวกเหี้ยมโหดป่าเถื่อนนับไม่ถ้วนเรียกว่า ‘อรหันต์เลือด’!

ด้วยในมือคนผู้นี้เคยสังหารคนมานับหมื่น เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

วันนี้ก็ไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าวออกไป ทำให้ข่าวที่หลินสวินมุ่งหน้าไปยังแท่นสักการะแพร่กระจายไปทั่วโบราณสถานคุนหลุนอย่างรวดเร็ว ดึงดูดสายตาไม่รู้เท่าไหร่

แดนโบราณที่เงียบเหงา ท้องนภาที่แตกสลาย พื้นปฐพีสีแดงก่ำ…

นี่คือเขตแดนอันตรายแห่งหนึ่งที่ทั้งลึกลับและชั่วร้าย

เมื่อเคลื่อนย้ายผ่านแท่นบูชาห้าสีมา พวกหลินสวินก็ปรากฏตัวในฟ้าดินแห่งนี้

พวกเขาต่างเรียกสมบัติออกมาเกือบจะทันที ระมัดระวังกันเต็มที่

“ทุกท่าน ตั้งแต่นี้ไปอันตรายจะคงอยู่ทุกแห่งหน จะไปถึงแท่นสักการะนั้นได้ไหม ก็ต้องดูความสามารถของพวกเราแล้ว”

เมิ่งอี้สูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง แววตาลุ่มลึก

เหนือศีรษะเขามีภาพมรรคที่ทำจากหนังสัตว์เก่าแก่ภาพหนึ่งลอยอยู่ ละอองแสงสลัวรางมากมายพร่างพรมครอบตัวเขา

ในมือเขาควบคุมเข็มทิศกระดองเต่าที่ขาวกระจ่างดุจหยกงามชิ้นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่ใช้นำทาง

หลินสวินเหลือบมองไปก็เห็นจีเฉียน เจียงเหิงติดอาวุธครบชุดแล้วเช่นกัน

วู้ม!

ตอนนี้เขาเรียกดาบหักออกมา ซ่อนขวดมหามรรคไร้ขอบเขตไว้กลางฝ่ามือ ขับเคลื่อนพลังทั่วร่างออกมาอย่างเงียบเชียบ

อาหูก็ไม่กล้าละเลยเช่นกัน เตรียมการพร้อมสรรพ ชุดกระโปรงของนางพลิ้วไหว กลางฝ่ามือมีแสงมรรคสีม่วงทรงพลังหลายสายปรากฏออกมา

นี่ทำให้เมิ่งอี้อดมองนางอีกครั้งไม่ได้ คล้ายผิดคาดอยู่บ้าง แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก

“ไป”

เมิ่งอี้ลอยตัวขึ้นไปนำทางข้างหน้า ไม่กล้าใช้วิชาเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ

ไม่ใช่เพราะข้อจำกัดของกฎเกณฑ์ฟ้าดิน หากแต่เป็นเพราะในแดนผนึกอันตรายนี้เต็มไปด้วยเคราะห์สังหารและภัยพิบัติมากเกินไป

การใช้วิชาเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายอย่างสิ้นเชิง

พวกเขาก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เหมือนเดินอยู่ในสายน้ำแห่งกาลเวลา สิ่งที่ถาโถมเข้าใส่คือกลิ่นอายของยุคสมัยและวันเวลา

เมื่อทุกคนต่างสังเกตเห็นจุดนี้ก็ใจสั่นระรัวอย่างอดไม่ได้

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือคลื่นกฎระเบียบของกาลเวลา กระจายอยู่ในแดนผนึกอันตรายนี้ราวกับสายน้ำเล็กๆ

เคราะห์ดีที่พวกเขาระวังตัวเต็มที่ ทั้งยังมีพลังปราณระดับมกุฎมหาอริยะ หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นมาที่นี่ ต้องแบกรับการกัดกร่อนของ ‘พลังแห่งกาลเวลา’ เช่นนี้ไม่อยู่แน่ คงทำให้อายุขัยหมดลงด้วยความเร็วที่ชวนตะลึง สุดท้ายก็เน่าเปื่อยตายจากไป!

“นัยเร้นลับแห่งกาลเวลาถูกมองเป็นยอดกฎเกณฑ์สูงสุด ต่อให้เป็นบุคคลระดับจักรพรรดิ ก็มีน้อยคนนักที่หยั่งถึงและควบคุมได้”

เมิ่งอี้สีหน้าจริงจัง “ไม่เคยคิดเลยว่าในแดนผนึกแท่นสักการะนี้ คลื่นของกฎเกณฑ์กาลเวลาจะเคลื่อนไหวเด่นชัดราวกระแสน้ำขึ้นลงเช่นนี้”

หลินสวินนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง เขากำลังลองหยั่งสัมผัสพลังของกาลเวลา

พรึ่บ!

เพียงแต่ชั่วพริบตาเส้นผมปอยหนึ่งของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีขาวดุจหิมะ แห้งเหี่ยวโรยรา เหมือนได้รับการลงทัณฑ์ของกาลเวลา

ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก

แดนผนึกแห่งนี้เปล่าเปลี่ยวเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมองไปก็เป็นภาพของแดนรกร้างว่างเปล่า กว้างใหญ่ไพศาลและพังทลาย สะเก็ดดาวที่ลอยอยู่กลางอากาศ ดวงแล้วดวงเล่าล้วนด่างพร้อยและไม่สมประกอบหาใดเปรียบ

ยังมีเศษโลกที่แยกออกจากกัน กลายเป็นผืนดินแหว่งเว้าลอยเกลื่อนอยู่ตรงนั้น เหมือนซากศพที่ร่วงหล่นลงไปในสายน้ำแห่งกาลเวลา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์