ศพคลั่งฝังวิญญาณนับร้อยพันทยอยแตกซ่าน กลายเป็นควันดำเข้าปกคลุมฟ้าดิน
โคมมหามรรคไร้มลทินลอยเด่น ไส้ตะเกียงพลิ้วไหว เงาโคมเหลืองสลัวพร่างพร้อย ส่องแสงสว่างขับไล่ศัตรูทั้งมวล!
เงาร่างหลินสวินอาบไล้ด้วยเงาตะเกียงเหลืองสลัว เสริมกลิ่นอายที่ดูลึกลับอยู่รางๆ
พวกเมิ่งอี้ต่างอึ้งงันอย่างสมบูรณ์
นับแต่โบราณมา ผู้แข็งแกร่งที่มาแดนผนึกแท่นสักการะไม่รู้เท่าไหร่ ได้แต่หยุดอยู่หน้าต้นมรณะฝังวิญญาณ
อันที่จริงก่อนหน้านี้พวกจีเฉียนและเจียงเหิงเองยังรู้สึกสิ้นหวัง จิตใจดับสิ้นดั่งเถ้าธุลี
แต่ใครจะคิดว่าหลินสวินที่เดิมถูกพวกเขามองข้าม จะใช้โคมสำริดดวงหนึ่งคลี่คลายหายนะแห่งการทำลายล้างนี้!
โดยเฉพาะตอนที่เห็นซากศพมากมายที่สามารถฆ่าบุคคลระดับอริยะได้อย่างง่ายดาย สลายกลายเป็นธุลีราวกับวัชพืช พวกเขาก็ถูกทำให้ตกตะลึงแล้ว
ซ่า…
ควันดำม้วนซัด ไอมรณะทบเป็นชั้นๆ ปกฟ้าคลุมตะวัน ในที่นั้นไม่มีศพคลั่งฝังวิญญาณพุ่งเข้ามาอีกแล้ว
เมื่อกวาดสายตามองไปโดยรอบ ก็เต็มไปด้วยสีดำไร้ขอบเขต
หลินสวินและอาหูเก็บป้ายคำสั่งเซียนเหินลงไปพร้อมกัน
เกือบจะเวลาเดียวกัน ควันดำไอมรณะที่ปกคลุมฟ้าดินนั้น ถาโถมเข้าไปในโคมมหามรรคไร้มลทินราวเขื่อนแตก
มองจากไกลๆ เหมือนวาฬยักษ์กลืนวารี!
หลินสวินยังอดผิดคาดไม่ได้ ไม่นานก็สังเกตเห็นว่าไอมรณะที่เข้มข้นหาใดเปรียบพวกนี้ ถึงกับกลายเป็นน้ำมันตะเกียงสีดำสนิทแทรกเข้าไปในโคมไร้มลทินทีละน้อย
สมบัติเก่าแก่ที่อัศจรรย์เกินคาดเดาซึ่งเป็นหนึ่งใน ‘เก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุน’ ดวงนี้ ยามนี้ได้แผ่กลิ่นอายมหัศจรรย์อย่างบอกไม่ถูกออกมา
ก็เหมือนมีพลังเจตะไร้รูปสายหนึ่งแผ่ออกมา!
กระทั่งไอมรณะที่ปกคลุมทั่วพื้นที่แถบนั้นถูกรวบรวมมาจนหมด ในโคมมหามรรคไร้มลทินจึงปรากฏน้ำมันตะเกียงดำสนิทที่หนาราวข้อนิ้วชั้นหนึ่ง
เมื่อมองไปอีกครั้งก็ไม่เห็นร่องรอยของ ‘ต้นมรณะฝังวิญญาณ’ ต้นนั้นแล้ว มีเพียงจันทร์เพ็ญสีเลือดเก้าดวงบนเวิ้งฟ้าสาดแสงโลหิตมืดสลัวลงมา
พวกจีเฉียน เจียงเหิงต่างถอนหายใจยาวเหมือนรอดจากความตาย สีหน้าดูดีใจและตื่นเต้นอย่างยากปกปิด
เมิ่งอี้ก็ทำหน้าไม่ถูก เหมือนทอดถอนใจ คล้ายตกตะลึง ทั้งเหมือนยกภูเขาออกจากอก
อาหูเม้มปากอมยิ้ม นัยน์ตาคู่งามใสกระจ่างดั่งวารี
หลินสวินกลับเหมือนไม่รับรู้ทุกอย่างนี้ ยืนนิ่งอยู่จุดเดิม
เมื่อโคมมหามรรคไร้มลทินดูดน้ำมันตะเกียงสีดำได้ชั้นหนึ่ง ในสมองของเขาก็เกิดการหยั่งรู้มรดกอย่างเงียบเชียบ ราวกับสัทครรลองมหามรรคดังก้องอยู่ในใจ
‘ไร้มลทินเป็นสื่อนำ แสงโคมส่องสว่างนิรันดร์ กลับไปถิ่นที่มาเถิด วิญญาณข้ามพ้นการหลงทาง…’
สุดท้ายการหยั่งรู้พวกนี้ก็กลายเป็นอักษรปริศนาบทหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘พาวิญญาณกลับ’ ประทับอยู่ในใจของหลินสวิน เมื่อลองสัมผัสดูเล็กน้อย นี่ถึงกับเป็นวิชาอย่างหนึ่งที่มีไว้ควบคุมโคมมหามรรคไร้มลทิน!
นี่ทำให้หลินสวินรู้สึกผิดคาด คิดไม่ถึงเลยว่าด้วยวาสนาบังเอิญจะทำให้ตนได้เคล็ดวิชาควบคุมโคมไร้มลทินมา
“พี่หลิน ครั้งนี้โชคดีเหลือเกินที่มีเจ้า”
จีเฉียนเผยสีหน้าละอายใจ “ข้าขอโทษสำหรับการกระทำที่มองเจ้าเป็นศัตรูก่อนหน้านี้ด้วย และจากนี้ไปจะชดเชยให้พี่หลินแน่”
เจียงเหิงที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้า
ครั้งนี้หากหลินสวินไม่ลงมือ เกรงว่าพวกเขาคงประสบเคราะห์ตายไปแล้ว บุญคุณใหญ่หลวงที่ช่วยชีวิตนี้ พวกเขาจะไม่รับไว้ได้อย่างไร
“เรื่องชดเชยไม่จำเป็นแล้ว ถือว่าไม่ต่อยตีไม่รู้จักเถอะ”
หลินสวินพูดง่ายๆ
เมิ่งอี้ยิ้มกล่าว “ครั้งนี้พวกเราล้วนติดหนี้น้ำใจของพี่หลินอย่างใหญ่หลวง เอาอย่างนี้ รอเมื่อเข้าไปในแท่นสักการะแล้ว หากชิงวาสนาและศุภโชคอะไรได้จะให้พี่หลินเป็นคนแรก”
จีเฉียนและเจียงเหิงพยักหน้ารับปากพร้อมกัน
หลินสวินไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
พวกเขาหยุดพักกันครู่หนึ่งก็เดินทางต่อ
บนทุ่งรกร้างจันทร์โลหิตอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยว ฟ้าดินไร้ขอบเขต ความมืดเข้ากดดัน ก้าวเดินอยู่ในนั้นก็เหมือนเดินอยู่กลางนรกที่มืดมน พาให้ผู้คนอึดอัดใจ
ตลอดทางนี้ไม่สันติ ถึงขั้นอันตรายอย่างที่สุด ไอสังหารทบเป็นชั้นๆ
มีกระแสลมเย็นประหลาดที่กลายเป็นพายุหิมะน้ำแข็งโหมกระหน่ำ น้ำแข็งผนึกฟ้าดิน ลมหนาวเสียดกระดูก มีพลังทำลายล้างน่ากลัวต่อจิตวิญญาณของผู้ฝึกปราณ
กระแสลมเย็นนี้ยังถูกมองเป็น ‘ลมเป่าวิญญาณ’ แค่พัดผ่านแผ่วเบาก็ทำให้บุคคลระดับอริยะขวัญหนีดีฝ่อ
มีธุลีทรายสีเงินลอยอยู่บนฟ้า แต่ละเม็ดล้วนละเอียดเป็นประกาย แจ่มจรัสลานตา ดูเหมือนเล็กจ้อย แต่กลับแหวกผ่านอากาศ ซัดสะเก็ดดาวให้แตกได้!
และมีสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ซุ่มซ่อมอยู่กลางอากาศ ลักษณะคล้ายลิงขนดำ แต่กลับหน้าตาน่ากลัว ปากใหญ่มหึมาโดยกำเนิด
สัตว์ร้ายพวกนี้ถูกเรียกว่า ‘ลิงน้ำหน้าผี’ เคลื่อนแหวกห้วงอากาศ ไปมาไร้ร่องรอย ไม่อาจปัดป้องได้
เสียงร้องของมันก็สะเทือนสภาวะจิตของผู้ฝึกปราณจนพังทลายได้เช่นกัน ทำให้มรรควิถีทั้งร่างถูกทำลายด้วยสิ่งนี้ แปลกประหลาดและน่ากลัว
ตลอดทางหากไม่มีป้ายคำสั่งเซียนเหินอยู่ ก็ไม่รู้ว่าพวกหลินสวินจะประสบเคราะห์ไปกี่ครั้ง!
กระทั่งผ่านไปสองสามชั่วยาม
ยอดเขาที่สูงใหญ่เด่นตระหง่านลูกหนึ่งปรากฏอยู่บนเส้นขอบฟ้าอย่างไม่คาดฝัน
บนยอดเขานั้นมีโซ่ดำสนิทหลายสายทิ้งตัวลงมาดั่งพญามังกร มากมายแน่นขนัด พันรอบด้วยแสงโลหิตประหลาดหลายสาย
แค่มองจากไกลๆ พวกหลินสวินก็รู้สึกว่ามีไอเย็นถาโถมเข้าใส่ทันที ขนพองสยองเกล้า ทั้งตัวราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง ความรู้สึกอันตรายรุนแรงแล่นปราดไปทั่วร่าง
“ยอดเขากักเทพสวรรค์!?”
จีเฉียนร้องเสียงหลงออกมาพร้อมกับตัวสั่น คล้ายเห็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดบนโลกด้วยตาตนเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์