หลินสวินและอาหูต่างใจจมดิ่งลงทันที
ฟุ่บ!
หลินสวินลงมือแล้ว ดาบหักฟาดฟันออกไป
เสียงฉัวะดังขึ้น เงาร่างของเมิ่งอี้แตกระเบิดเหมือนฟองน้ำ กลายเป็นละอองแสงกระจัดกระจาย
แต่นอกระยะหลายร้อยลี้กลับมีเสียงหัวเราะของเมิ่งอี้ดังขึ้นไกลๆ “พี่หลิน อย่าเปลืองแรงอีกเลย ในเมื่อข้ากล้าทำเช่นนี้ มีหรือจะนำตัวเองเข้าไปเสี่ยง”
“เงาจำแลงคันฉ่องวารี นี่คือวิชาลับที่สืบทอดกันมาของเผ่าฉงฉี คล้าย ‘หนึ่งร่างแปรหมื่นมายา’ อยู่บ้าง แต่เงาจำแลงคันฉ่องวารีเป็นวิชาเคลื่อนย้ายที่น่าอัศจรรย์เหลือประมาณ สามารถจำแลงกายที่เหมือนจริงหาใดเปรียบได้อย่างไร้สุ้มเสียง โดยร่างต้นเคลื่อนห่างไปไกลนานแล้ว”
น้ำเสียงของอาหูเจือความไม่พอใจเสี้ยวหนึ่ง “ข้าน่าจะเดาออกแต่แรก ตลอดทางมานี้เป็นเจ้าเมิ่งอี้นี่ที่เล่นแง่!”
ทันทีที่เข้ามาในทุ่งรกร้างจันทร์โลหิตก็เจอกับต้นมรณะฝังวิญญาณโดยบังเอิญ ตามปกติแล้วพวกเขาควรหลบหนีได้อย่างไร้อันตราย
แต่ศพคลั่งฝังวิญญาณพวกนั้นต่างถูกทำให้ตกใจซะอย่างนั้น!
ต่อให้มีป้ายคำสั่งเซียนเหินอยู่ สัตว์ร้ายพวกนี้ก็ยังแกล้วกล้าไม่กลัวตาย เดิมทีนี่ก็ผิดปกติเกินไป
กระทั่งต่อมาสิ่งลี้ลับและอันตรายที่พวกเขาเจอระหว่างทางนี้ ล้วนเรียกได้ว่ายากพบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมีมาบ่อยๆ ไม่อาจเทียบกับในอดีตได้เลย
ความผิดปกตินานัปการนี้จะเกี่ยวข้องกับความซวยทั้งหมดได้อย่างไร
ตอนนี้อาหูเข้าใจกระจ่าง และในที่สุดก็กล้าแน่ใจ ตลอดทางมานี้เป็นเมิ่งอี้ที่นำทาง ก็มีแค่เขาที่ชักนำสิ่งผิดปกติเช่นนี้มาได้!
น่าเสียดาย มาเข้าใจตอนนี้ก็ช้าไปก้าวหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
“ตั้งแต่ต้นข้าก็ไม่เคยเชื่อคนผู้นี้อย่างสนิทใจ แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายังถูกเขาวางอุบายเข้าให้ครั้งหนึ่ง”
หลินสวินมุ่นคิ้ว “เวลาไม่คอยท่า พวกเรารีบออกจากที่นี่ก่อนเถอะ”
ฮูม!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เสียงกึกก้องหนักแน่นราวสะเทือนใต้หล้าดังขึ้น ก็เห็นบนยอดเขากักเทพสวรรค์ที่ห่างออกไป โซ่ที่ทิ้งตัวลงมาดั่งพญามังกรเส้นหนึ่งทะลวงอากาศม้วนทะยานเข้ามา
โซ่เส้นนั้นแผ่แสงประหลาดดั่งพญามังกรสีดำ มองห้วงอากาศราวสิ่งไร้ค่า ชั่วพริบตาก็ปรากฏอยู่เหนือศีรษะพวกหลินสวินแล้วปกคลุมลงมา
จากนั้นหลินสวินและอาหูก็ถูกมัดเหมือนบ๊ะจ่าง ปรากฏตัวอยู่หน้ายอดเขากักเทพสวรรค์
ตูม!
โซ่ประหลาดที่น่ากลัวทิ้งตัวลง กดร่างทั้งสองคนไว้ใต้ยอดเขาอย่างหนักหน่วง และหายไปในหมอกควันคลุมเครือโหมกระหน่ำ
“ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว…”
ในจุดที่ไกลออกไปเมิ่งอี้ยืนอยู่กลางอากาศ คำจารึกสักการะที่ถูกผนึกไว้ลอยอยู่เหนือศีรษะ แสงลึกลับไหลบ่าลงมาปกคลุมเงาร่างเขา
“พี่เมิ่ง นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ยามนี้ในที่สุดจีเฉียนก็ตระหนักได้ ตลอดทางมานี้เมิ่งอี้วางกับดักใหญ่ วางอุบายใส่หลินสวินและอาหู!
นี่ทำให้เขาบันดาลโทสะ “หากไม่ได้พี่หลิน พวกเราคงถูกศพคลั่งฝังวิญญาณฆ่าไปนานแล้ว เจ้าทำกับผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตไว้เช่นนี้หรือ”
เจียงเหิงก็เผยสีหน้าไม่เข้าใจและเดือดดาล
เมิ่งอี้ใช้วิธีขุดหลุมฝังพวกหลินสวิน ทำให้นางไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย ตอนนี้มาคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าหนาวสะท้านไปทั้งตัว
เมิ่งอี้สีหน้าราบเรียบไม่สะทกสะท้าน ยิ้มกล่าว “ศพคลั่งฝังวิญญาณข้าเป็นคนชักนำมาเอง เดิมคิดจะยืมมือของสัตว์ประหลาดพวกนี้มากำจัดพวกหลินสวินในคราเดียว ใครจะคิดว่า… จะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน”
“เจ้า…”
จีเฉียนและเจียงเหิงสั่นไปทั้งตัว ตอนนี้ถึงได้เข้าใจ ที่แท้แผนการนี้ก็เริ่มตั้งแต่เข้ามาในทุ่งรกร้างจันทร์โลหิตแล้ว!
“ไม่ขอปิดบังพี่จี ตลอดทางมานี้ข้าใช้ความสามารถที่มีทั้งหมด เดิมคิดจะพึ่งภัยพิบัติและตัวประหลาดน่ากลัวพวกนั้นมากำจัดพวกหลินสวิน แต่ทุกครั้งล้วนถูกพวกเขาคลี่คลายได้อย่างไร้อันตราย”
เมิ่งอี้พูดถึงตรงนี้ก็อดกล่าวทอดถอนใจไม่ได้ “แม้แต่ข้ายังไม่อาจไม่ยอมรับ ว่าฝีมือของเจ้าหลินสวินนี่ร้ายกาจจริงๆ ไม่สิ ควรพูดว่าพลิกฟ้าถึงขีดสุด เหลือบแลในหมู่คนรุ่นเดียวกันของทางเดินโบราณฟ้าดารา คนที่เทียบเคียงเขาได้ก็มีแค่หนึ่งหยิบมือเท่านั้น”
ไม่นานเขาก็เผยความกลัดกลุ้มอีกครั้ง “เพียงแต่เสียดายสมบัติบนตัวหลินสวิน เจดีย์สมบัติลึกลับหลังหนึ่งที่เคยปรากฏใน ‘ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ’ โคมสำริดดวงหนึ่งที่ซัดศพคลั่งฝังวิญญาณให้พินาศได้อย่างง่ายดาย ดาบหักเล่มหนึ่งที่กลิ่นอายพลิกฟ้า ‘กระบี่อเวจียอดสังหาร’ คู่หนึ่งที่จักรพรรดิกระบี่ธารนรกพกติดตัวในปีนั้น ขวดหยกมันแพะขวดหนึ่งที่อัศจรรย์เกินคาดเดา…”
เขาเหมือนนับสมบัติในบ้าน ด้วยตลอดทางมานี้ได้จับจ้องสมบัติบนตัวหลินสวินอยู่ก่อนแล้ว
แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจ “คราวนี้หมดสิ้นแล้ว…”
ยอดเขากักเทพสวรรค์ นั่นเป็นถึงภูเขาอันตรายที่น่ากลัวที่สุดในแดนผนึกแท่นสักการะ เคยลบล้างระดับจักรพรรดิแท้มาก่อน!
หลินสวินและอาหูถูกกำราบกักขัง ไม่ใช่แค่ตาย แม้แต่สมบัติบนตัวของพวกเขาก็ล้วนดับสูญ!
นี่ก็คือสิ่งที่ทำให้เมิ่งอี้ปวดใจ
จีเฉียนสีหน้าอึมครึมกล่าว “แต่ทำไมเจ้าต้องดึงดันจัดการพี่หลิน เป็นเพื่อนกับเขาไม่ดีกว่าหรือ”
“ใช่แล้ว ตลอดทางมานี้พี่หลินไม่เคยละเลยเป็นตัวถ่วง ทั้งช่วยพวกเราไว้หลายครั้ง ทำไมยังต้องทำร้ายเขาด้วย”
เจียงเหิงก็ไม่อาจยอมรับอยู่บ้าง
สีหน้าของเมิ่งอี้เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา เหลือบมองทั้งสองคนวูบหนึ่งแล้วกล่าว “ตอนแรกพวกเจ้ามองเจ้าหมอนี่เป็นศัตรู ละโมบอยากได้สมบัติบนตัวเขา ทำไมตอนนี้ถึงเห็นใจและสงสารเจ้าหมอนี่เล่า”
“จำไว้ว่าข้ากำลังช่วยพวกเจ้า!”
พูดจบเขาก็ลอยจากไป
สีหน้าของจีเฉียนและเจียงเหิงต่างปรวนแปรไม่หยุด ในใจอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง วิธีของเมิ่งอี้ไม่เพียงแต่ทำให้พวกเขาโกรธ ยังรู้สึกหนาวเยือกอย่างบอกไม่ถูก
ความคิดของเขาลึกล้ำเกินไปแล้ว ใครก็เดาไม่ออกว่าเขาจะขุดหลุมฝังเจ้าอย่างไร้ร่องรอยเมื่อไหร่!
“เมิ่งอี้ ข้าขอถามเจ้าสักประโยค เพราะอะไร”
จีเฉียนตะโกนลั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์