เสียงแหบพร่าสะท้อนอยู่ในห้วงอากาศว่างเปล่าของความมืดมิด ชวนให้รู้สึกขนพองสยองเกล้า
เจ้าเฒ่าโพธิ!
ล้างบางสำนักคีรีดวงกมล!
นัยน์ตาดำของหลินสวินไหววูบ ในใจพลันเกิดคลื่นถาโถม
ปีนั้นตอนที่เข้าไปในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรก ในแดนลับอสูรมารอริยะนั้น เขาเคยเข้าไปในสถานที่ซึ่งถูกเรียกว่า ‘แดนลับโพธิญาณ’ ได้รับ ‘มรรคคาถา’ ที่น่าอัศจรรย์บทหนึ่งมา
และด้วยประทับเจตจำนงของลั่วทงเทียนเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ ทำให้หลินสวินรู้ว่าเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ที่กรำศึกทั่วบริเวณ ซัดกวาดทั่วหล้ากลับเคยเสียเปรียบครั้งใหญ่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มาก่อน
คนผู้นั้นนั่งบนเมฆเก้าชั้นฟ้า ถือแส้หางม้ามหามรรค กุมเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด ไม่ใช่ทั้งพุทธและมรรค ไม่ใช่ทั้งมารและนักพรต ถูกเรียกว่า ‘เจ้าแห่งคีรีดวงกมล’ !
ในช่วงเวลาสำคัญที่หลินสวินเปิดประตูสวรรค์ เขาเกือบถูกประทับเจตจำนงนั้นของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ชิงร่างไป
เป็นเพราะพลังของมรดกมรรคคาถาที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเหลือทิ้งไว้ จึงบดขยี้พลังประทับเจตจำนงของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ได้!
และมรดกมรรคคาถานี้ก็คือมรรคคาถาบทนั้นที่ถูกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดเก็บไว้ เป็นสิ่งที่หลินสวินได้มาจาก ‘แดนลับโพธิญาณ’
นี่หมายความว่าแดนลับโพธิญาณมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าแห่งคีรีดวงกมลหรือไม่
เวลานี้ร่างผอมแห้งที่ถูกโซ่มัดกำราบบนแท่นมรรคนั้นก็ส่งเสียงคำรามอย่างอาฆาต พูดถึงคำว่าโพธิ และต้องการล้างบางสำนักคีรีดวงกมล จะไม่ให้หลินสวินตกใจได้อย่างไร
หลินสวินจำได้อย่างชัดเจน ปีนั้นตอนอยู่ที่ ‘เมืองมรณะ’ ราชันผีเสวียนคงเคยบอกว่า
‘ฉายาของอาจารย์ราวกับมหามรรค ใจสามารถตระหนักรู้ เจตจำนงไม่อาจสืบทอด!’
นี่ก็หมายความว่าฉายาของเจ้าแห่งคีรีดวงกมล ก็เหมือนมหามรรคที่ไม่อาจพูดถึง คล้ายมรรคที่อธิบายได้ไม่ใช่มรรคอันเที่ยงแท้ เหมือนนามที่เรียกขานได้ไม่ใช่นามที่แท้จริง!
แต่ตอนนี้หลินสวินกลับมีความรู้สึกอย่างเด่นชัดว่า ‘เจ้าเฒ่าโพธิ’ ที่ถูกร่างผอมแห้งนั้นโกรธแค้น เกรงว่าคงเป็นเจ้าแห่งคีรีดวงกมล!
‘พี่หลิน พวกเราหนีไม่พ้นแล้ว ที่นี่มีพลังผนึกที่น่ากลัวปกคลุมเหมือนขุมนรก ละทิ้งกฎเกณฑ์ฟ้าดินอย่างสิ้นเชิงราวตัดขาดจากโลกภายนอก…’
เวลานี้อาหูสื่อจิตรวดเร็ว สีหน้าของนางจริงจังหาใดเปรียบ ตื่นตระหนกอยู่ในใจ
หลินสวินสัมผัสเล็กน้อยก็สังเกตเห็นว่าไม่เข้าทีเช่นกัน สูดหายใจเย็นเยียบอย่างอดไม่ได้
นี่คือแดนผีสิงอะไร เพื่อกำราบคนผู้หนึ่ง ถึงกับละทิ้งมหามรรคแห่งวัฏจักรทั้งหมด ไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยหรือ!
ทั้งร่างผอมแห้งบนแท่นมรรคนั้นแข็งแกร่งระดับใด ถึงได้ถูกดูแลเหมือนเป็น ‘สิ่งต้องห้าม’ เช่นนี้
“หึๆ เก่ออวี้ผู ทำไมเจ้าไม่พูดเล่า ไม่เห็นว่าข้าจับเหยื่อได้อีกสองตัวหรือ ฮ่าๆๆ…”
บนแท่นมรรคร่างผอมแห้งหัวเราะลั่นเจือแววเหน็บแนม “หลายปีแล้วที่ต่อให้ข้าถูกเจ้าเฒ่าโพธิกำราบ ไม่อาจเห็นเดือนเห็นตะวันอีก แต่ข้าก็ยังสังหารเหยื่อได้”
“ส่วนเจ้าเก่ออวี้ผู… ก็ได้แต่มองตาปริบๆ!”
ในโลกที่มืดมนนี้นอกจากหลินสวินและอาหูแล้ว ก็มีแค่ร่างผอมแห้งคนเดียวชัดๆ แต่เขากลับเหมือนพูดคุยกับคนที่ชื่อ ‘เก่ออวี้ผู’ อีกคน
ทั้งคำพูดยังเจือแววถากถางเก่ออวี้ผูเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่พูดรึ ดูท่าว่าหลายปีมานี้พลังของเจ้าคงอ่อนแอถึงขีดสุดแล้ว มิฉะนั้นทำไมตอนที่ข้าลงมือฆ่าคนเจ้าถึงขวางไม่ทัน”
ร่างผอมแห้งยิ้มหยัน น้ำเสียงอึมครึม
หลินสวินและอาหูแปลกใจสงสัยไม่หยุด
ยอดเขากักเทพสวรรค์
สิ่งที่กักขังคือโซ่หนึ่งพันแปดร้อยสาย คนที่ถูกมัดกำราบคือร่างผอมแห้งที่อยู่บนแท่นมรรคนั้น หรือว่า… เขาก็คือ ‘เทพ’
หากเป็นเช่นนี้ แล้วเก่ออวี้ผูเล่าเป็นใครกัน
หลินสวินและอาหูเดาไม่ออก แต่กลับรู้สึกได้รางๆ ว่าการคงอยู่ของเก่ออวี้ผู ต้องมีไว้เพื่อเฝ้าดูและกำราบการกระทำชั่วร้ายของร่างผอมแห้งนี้แน่
ก็เหมือนผู้คุมนรกแห่งหนึ่ง!
ร่างผอมแห้งส่งเสียงหัวเราะประหลาดขึ้นมา “ลองดูซากศพที่เต็มพื้นนี่สิ ใครไม่ตายเพราะคีรีดวงกมลของพวกเจ้าบ้าง หากไม่ใช่ว่าพวกเจ้ากำราบข้าอยู่ที่นี่ คนพวกนี้มีหรือจะถูกข้าสังหาร”
อะไรนะ
นัยน์ตาหลินสวินหดรัด ประโยคเดียวทำให้ใจเขาสั่นสะท้าน ชี้ชัดได้ในชั่วพริบตาว่าเก่ออวี้ผูคนนี้ต้องเป็นคนของคีรีดวงกมลอย่างแน่นอน!
ในขณะเดียวกันอาหูก็มองหลินสวินวูบหนึ่ง เห็นชัดว่านางก็เดาออกแล้ว
“ไม่พูดรึ เช่นนั้นข้าจะฆ่าเหยื่อตัวหนึ่งไปสังเวยก่อน!”
เมื่อไม่มีคนตอบนานเข้า ร่างผอมแห้งบนแท่นมรรคคล้ายโกรธแค้นยิ่งนัก เขาพลันหยัดร่างขึ้น สายตาลอดผ่านเส้นผมยุ่งเหยิงราวต้นหญ้าจับจ้องมาทางหลินสวินทันที
วู้ม!
โซ่เส้นหนึ่งที่เสียบแขนขวาของร่างผอมแห้งไว้พลันพุ่งออกมา แหวกอากาศพุ่งมาทางหลินสวินอย่างรวดเร็ว ความแปลกประหลาดและน่ากลัวของกลิ่นอายบรรลุถึงขั้นปาฏิหาริย์
หลินสวินเพิ่งคิดจะหลบหลีก เงาร่างหนึ่งก็พุ่งออกมาก่อนแล้ว
เขาพลันสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง โซ่นั้นก็ถูกกระเทือนจนเกิดเสียงดังครืดคราดย้อนกลับไปทันที เสียบเข้าไปในร่างผอมแห้งอย่างหนักหน่วงใหม่อีกครั้ง
เสียงอึดอัดเจ็บปวดดังขึ้นแผ่วๆ ร่างผอมแห้งกลับหัวเราะลั่นขึ้นมา เหมือนตื่นเต้นหาใดเปรียบ “เก่ออวี้ผู ในที่สุดเจ้าก็ออกมาแล้ว! ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ…”
เสียงหัวเราะดั่งฟ้าผ่า ดังกระหึ่มอยู่ในโลกที่มืดมิดนี้
เวลานี้ในที่สุดหลินสวินและอาหูก็เห็นเงาร่างที่ปรากฏตัวกะทันหันนั้นอย่างชัดเจน
นี่คือชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่ศีรษะสวมหมวกไม้ไผ่ สวมเสื้อฟางกันฝนเหมือนคนตัดฟืน กลิ่นอายทั่วร่างเรียบง่ายตรงไปตรงมา ปกติธรรมดา
แต่ยามเขายืนอยู่ตรงนั้น กลับมีกลิ่นอายแน่วนิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าไม่อาจสั่นคลอน สูงตระหง่านโดดเด่นเหลือประมาณ!
“ข่งตู๋เทียน เคราะห์มาเยือนเจ้าแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์