จุดเปลี่ยนสักการะ!
ทุกคนในที่นี้มองออกตั้งแต่จังหวะแรก จวนอวี๋เหิงหยั่งถึงจุดเปลี่ยนอย่างหนึ่งของมหามรรคจักรวาลนั่น มีโอกาสสักการะอริยมรรคแล้ว
วู้ม!
ส่วนลึกจักรวาลกว้างไพศาล ดาวดวงหนึ่งภายในนั้นส่องแสงสว่างจ้า แสงสีทองที่ร่วงโปรยลงมาปิดครอบจวนอวี๋เหิง
เขาสาวเท้าเดินไปทางแท่นมรรคห้าสีที่อยู่ไกลๆ เงาร่าสว่างไสว พิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์หาใดเปรียบ
สุดท้าย เขาปีนขึ้นแท่นมรรค ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น กลิ่นอายทั้งตัวคนล้วนเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มหัศจรรย์และคลุมเครืออย่างหนึ่ง
ตูม!
ช่วงท้าย ดาวงดาวที่ส่องแสงสว่างจ้าดวงนั้นถึงกับหลอมเป็นแสงสีทองที่ขุ่นหนาดุจน้ำตก ร่วงโปรยลงมา ถูกจวนอวี๋เหิงดูดซับหมดจด
และในเวลาเดียวกันนี้ เสียงธรรมเป็นระลอกๆ ดังก้องขึ้น ห้วงอากาศเหนือจวนอวี๋เหิง มี “ลักษณ์แห่งสรรพชีวิต” ปรากฏขึ้นมารำไร ไพศาลไร้ขอบเขต
ส่วนจวนอวี๋เหิงก็เหมือนนายเหนือหัว กำลังรับความศรัทธาและสักการะจากสรรพชีวิต
“ใช้แรงปรารถนาสรรพชีวิตสักการะ!”
หลินสวินและคนอื่นๆ ไม่มีใครไม่ใจสั่นสะท้าน บ้างก็อิจฉาชื่นชม บ้างก็ร้องอุทาน และบ้างก็คล้ายผิดหวังอยู่บ้าง แตกต่างกันออกไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลักษณ์ประหลาดทั้งหมดล้วนหายไป
และบนแท่นบูชาห้าสีก็ปรากฏศิลาสีดำเก่าแก่อันหนึ่ง คละคลุ้งด้วยแสงมรรคเป็นสายๆ มีไอแรกกำเนิดห้อมล้อม
ศิลามรรคสักการะ!
มีเพียงพวกสักการะเป็นอริยบุคคลเท่านั้นจึงจะสามารถครองศิลามรรคที่เป็นของตน สลักชื่อและเจตจำนงของตนไว้บนนั้นได้
ศิลานี้จะดำรงอยู่บนฟ้าสูงเก้าพันจั้งบนแท่นสักการะชั่วนิรันดร์ ได้รับโชควาสนาจากเบื้องบนช่วยส่งเสริม!
ชั่วขณะเดียว ทุกคนในที่นี้ล้วนอดร้อนรนเล็กน้อยไม่ได้
บนทางเดินโบราณฟ้าดาราลือกันอยู่ตลอด ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งคนใดก็ตามสามารถรอดชีวิตออกจากแหล่งสถานคุนหลุนได้ ในกาลเวลาภายหน้า เพียงพอจะมีโอกาสแจ้งมรรคกลายเป็นจักรพรรดิได้!
อย่าเห็นว่าเป็นเพียงโอกาสหนึ่งเท่านั้น ทว่าล้วนเพียงพอจะทำให้บุคคลกึ่งจักรพรรดิและระดับจักรพรรดิครึ่งก้าวนับไม่ถ้วนบ้าคลั่งได้!
และโอกาสนี้ สิ่งที่อ้างถึงก็คือได้รับพลังโชควาสนาเวิ้งฟ้าจากศิลามรรคสักการะบนแท่นสักการะนี้
บนแท่นมรรคห้าสี หลังจากจวนอวี๋เหิงใช้พลังเจตจำนงแห่งตน สลักชื่อของตนลงบนศิลามรรคแผ่นนั้นแล้ว
พร้อมกับแสงประกายเสียดฟ้าระลอกหนึ่ง ศิลามรรคสักการะแผ่นนี้พุ่งเหินขึ้นฟ้า ค่อยๆ ทะยานขึ้นสูงฟ้าสูง
หนึ่งพันจั้ง
สองพันจั้ง
สามพันจั้ง
…จนกระทั่งไปถึงบริเวณเจ็ดพันจั้ง ศิลามรรคสักการะแผ่นนี้จึงหยุดลงทันควัน ลอยเด่นอยู่กลางอากาศ ถูกแสงดาราแผ่ครอบ
“ความสูงเจ็ดพันจั้ง สุดยอด!”
มีคนร้องอุทาน
หลินสวินอึ้งไป ก็ได้ยินอาหูรีบสื่อจิตอยู่ข้างๆ
‘ตำแหน่งของศิลามรรคสักการะยิ่งสูง หมายความว่าหลังจากสักการะเป็นอริยบุคคล การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็ยิ่งแกร่ง พลังโชควาสนาเวิ้งฟ้าที่ได้รับก็ยิ่งมาก’
‘ศิลามรรคสักการะของจวนอวี๋เหิงสามารถลอยเด่นอยู่ระดับความสูงเจ็ดพันจั้งได้ ไม่ธรรมดายิ่งจริงๆ’
คราวนี้หลินสวินเข้าใจบ้างแล้ว
ในภาพเบื้องหน้าของเขา ฟ้าสูงบนแท่นสักการะ มีศิลามรรคสักการะแออัดขนัดแน่นแผ่ลอยอยู่ บ้างก็เจิดจรัสสว่างไสว ดุจดั่งดวงดารา บ้างก็มืดสลัวดั่งอุกกาบาต
หนำซ้ำ ระดับความสูงของศิลามรรคสักการะเหล่านี้ ก็ไม่เหมือนกันจริงๆ
บริเวณใกล้เคียงระยะสามพันจั้ง ศิลามรรคสักการะที่กระจายอยู่มากที่สุด จำนวนเหล่านี้ส่วนใหญ่ประกายแสงมืดสลัว ดุจดั่งอุกกาบาตอย่างไรอย่างนั้น
บริเวณใกล้เคียงระยะหกพันจั้ง เมื่อเทียบกันแล้วเริ่มน้อยลงบ้าง ด้วยจิตรับรู้ของหลินสวิน กวาดสำรวจเบาๆ ก็ชี้ขาดได้อย่างแม่นยำ ที่นั่นมีศิลามรรคเจ็ดร้อยเก้าสิบแปดแผ่น
ตอนนี้ ศิลามรรคสักการะของจวนอวี๋เหิงก็ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ด้วยเช่นกัน ซ้ำยังตำแหน่งล้ำหน้ามาก
บริเวณใกล้เคียงระยะเก้าพันจั้ง ปริมาณเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ มีศิลามรรคสักการะเพียงสี่สิบเก้าแผ่น ซ้ำส่วนใหญ่ก็อยู่ใต้ระดับเก้าพันจั้ง เหนือแปดพันจั้ง
มีเพียงศิลามรรคเพียงแค่สามแผ่นเท่านั้น ที่พอจะเรียกได้ว่าบรรลุถึงพื้นที่เก้าพันจั้ง
ศิลามรรคในพื้นที่แถบนี้ แต่ละแผ่นส่องสว่างโชติช่วง สว่างไสวยิ่งกว่าดวงดาว ลักษณ์ไพศาล หาใช่ของธรรมดาทั่วไปจะเทียบชั้นได้
จำนวนเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งซึ่งเคยสักการะเป็นอริยบุคคลบนแท่นสักการะในกาลเวลาจากอดีตสืบมาเหลือทิ้งไว้!
ในใจหลินสวินรู้สึกแปลกไปเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้ มกุฎมหาอริยะสิบอันดับแรกบนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราอย่างจวนอวี๋เหิง แต่ศิลามรรคสักการะของเขากลับลอยหยุดอยู่ที่ระดับความสูงเจ็ดพันจั้งเท่านั้น
เมื่อเทียบกันเช่นนี้ ศิลามรรคสักการะที่อยู่เหนือกว่าจวนอวี๋เหิงเหล่านั้น จะเป็นสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งน่าสะพรึงปานใดเหลือทิ้งไว้กันแน่
“น่าเสียดาย…”
บนแท่นมรรคห้าสี จวนอวี๋เหิงปรนลมหายใจเฮือกหนึ่ง
สำหรับคนอื่นแล้ว สามารถสักการะอริยมรรค ทำให้ศิลามรรคดำรงอยู่คงนิรันดร์ในที่แห่งนี้ได้ ก็เป็นศุภโชคเหนือสุดที่น่าทึ่งแล้ว
แต่เห็นได้ชัดยิ่ง จวนอวี๋เหิงกลับไม่พอใจอยู่บ้าง
เขาส่ายหน้าเบาๆ หันตัวเดินลงจากแท่นบูชาห้าสี
และในขณะนี้ หลินสวินสัมผัสได้ชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายรอบตัวจวนอวี๋เหิง ทุกการเคลื่อนไหวของเขา ล้วนเจืออานุภาพอย่างหนึ่ง
ดุจดั่งบุคคลแนวหน้าอริยมรรค กลิ่นอายเปี่ยมด้วยอานุภาพขึงขัง!
นี่คือท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ของอริยบุคคล แตกต่างจากอริยะ ‘พบอริยุคคลให้เอาอย่าง’ ที่เรียกกัน กลายเป็นอริยบุคคล เทียบเท่ากับมีรากฐานพลังกลายเป็นมกุฎราชันอริยะแล้ว!
ดวงตาทุกคนหรี่ลง และต่างก็เผยสีหน้าแปลกไป
จวนอวี๋เหิงไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ เขาสุ่มหาสถานที่หนึ่ง หย่อนตัวนั่งขัดสมาธิ คล้ายจะสงบจิตหนั่งถึงการเปลี่ยนแปลงรอบกาย
นี่ทำให้คนไม่น้อยต่างลอบถอนหายใจโล่งอก
ในกาลเวลาที่ผ่านมา เคยมีเรื่องที่หลังจากบุคคลชั้นเลิศสักการะเป็นอริยบุคคลแล้ว ก็ออกมือขัดขวางคนอื่นไม่ให้ช่วงชิงศุภโชค ซ้ำไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์