เงาร่างสามร่างปรากฏขึ้นในจักรวาลที่อยู่ไกลออกไปแทบจะในเวลาเดียวกับที่หลี่เสวียนเวยพูดจบ
คนหนึ่งคือชายชราที่มีผมขาวดุจนกกระเรียนใบหน้าดุจทารก สง่างามราวกับเซียน เท้าเหยียบเมฆมงคล เหนือศีรษะมีภาพมรรค แสงนิลแสนจั้งพวยพุ่งไปทั่วร่าง
อีกคนคือผู้หญิงงดงามในชุดแดงดั่งเปลวเพลิง ผิวพรรณดั่งหิมะ ดวงตาทั้งคู่มีเพลิงเทพไหวกระเพื่อม รอบร่างสูงเพรียวของนางมีมังกรที่รวมตัวจากกฎเกณฑ์อสนีตัวแล้วตัวเล่าโอบล้อมอยู่
ส่วนอีกคนคือชายหนุ่มผมขาวชุดดำ เบื้องหลังมีกระบี่มรรคเก้าเล่มลอยอยู่ เงากระบี่ส่ายไหว จำแลงเป็นทัศนียภาพสรรพสิ่งมลายสิ้น
ระดับจักรพรรดิสามคน!
“ศุภโชคชิ้นนี้ ไม่ว่าเป็นใครก็เอาไปไม่ได้ทั้งนั้น” ชายชราที่สง่างามดั่งเซียนยิ้มเอ่ยปากเล็กน้อย “ต่อให้เป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมลก็ไม่ได้”
เสียงเขาไม่ดัง แต่กลับก้องไปทั่วจักรวาล สะเทือนจนห้วงอากาศยังระเบิดเป็นริ้วๆ
“ผิดแล้ว คีรีดวงกมลถล่มไปตั้งแต่สมัยศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิแล้ว ป้ายภูเขา ‘เสี้ยวจันทร์สามดารา’ ป้ายนั้นก็ถูกทำลายไปแล้ว บนโลกนี้ไม่มีคีรีดวงกมลมาตั้งนานแล้ว ที่มีอยู่ก็มีแต่พวกสัมภเวสีของคีรีดวงกมล”
หญิงงามที่แต่งกายด้วยชุดสีแดงชาด ทั้งร่างโอบล้อมด้วยมังกรอสนีเอ่ยปากเย็นชา
“พูดเช่นนี้ ที่พวกเราจะทำตอนนี้ก็คือฆ่าสัมภเวสีตัวสองตัวนี้หรือ”
ชายหนุ่มผมขาวชุดดำสีหน้าเย้ยหยัน
แต่กลับเห็นว่าหลี่เสวียนเวยชูนิ้วขึ้นนับพลางยิ้มพูดว่า “จักรพรรดิมารสังหารนภาที่แจ้นออกมาคนแรก ถูกศิษย์พี่ของข้าใช้แส้หางม้าเส้นเดียวเล่นงานจนหางจุกก้น บาดเจ็บสาหัสจากไป แตกตื่นอย่างกับหมาที่เจ้าของตาย”
“อวี้ซวีจื่อที่แจ้นออกมาเป็นคนที่สองยังพอรู้สถานการณ์ หลังจากถูกข้ารับกระบี่เดียวไว้ได้ก็ถอนตัวจากไป”
“พระคุนจิวที่แจ้นออกมาเป็นคนที่สามก็ย่ำแย่หน่อย ‘กายทองพระพรหม’ ถูกข้าตบกระจุยด้วยฝ่ามือเดียว เหลือเพียงพลังจิตที่หนีเอาชีวิตรอด”
พูดถึงตรงนี้หลี่เสวียนเวยกวาดสายตามองดูทั้งสามที่อยู่ไกลออกไป ยิ้มเบิกบานยิ่งขึ้น เอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าอยากถามสักคำว่าพวกเจ้าสามคนอยากได้ตอนจบแบบไหน”
คำพูดเดียวทำให้ทั้งสามคนนั้นกระทืบเท้าด้วยความกราดเกรี้ยว สามารถทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ทำให้ทางเดินโบราณฟ้าดาราสะท้านสะเทือนต่างสีหน้าเคร่งเครียดได้
กลับเห็นว่าหลี่เสวียนเวยเอ่ยต่อว่า “ต่อให้เป็นสัมภเวสีแล้วอย่างไร ถ้าร่างต้นของข้าหลี่เสวียนเวยอยู่ที่นี่ พวกเจ้า… กล้าลุกขึ้นมาจริงๆ หรือ”
เสียงเจือความดูถูกที่ไม่ปิดบังสักนิด อหังการเป็นอย่างยิ่ง
สีหน้าของเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตอยู่ไม่รู้นานเท่าไรแล้วเหล่านั้นยิ่งไม่น่าดู
พวกเขาย่อมรู้จักหลี่เสวียนเวย ผู้สืบทอดคนที่สิบสามของคีรีดวงกมล
แต่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา หลี่เสวียนเวยยังมีฉายามรรคที่ลือชื่อกว่าอีกชื่อหนึ่ง…
จักรพรรดิกระบี่ฟ้าคราม!
บุคคลผู้หยิ่งทระนงที่ได้รับการขนานนามเป็นจักรพรรดิมาเนิ่นนานบนวีถีแห่งมรรคกระบี่ ยักษ์ใหญ่ในตำนานที่ถูกยอดฝีมือระดับจักรพรรดิมากมายให้ความเห็นไว้ว่า ‘วิถีแห่งจักรพรรดิกระบี่ มีเพียงเสวียนเวยที่เรียกได้ว่าไร้ขอบเขต’!
ถ้าร่างต้นของหลี่เสวียนเวยอยู่ที่นี่ พวกเขาลองถามใจตัวเองดู ย่อมไม่มั่นใจเต็มที่ที่จะปรากฏตัวขึ้นอย่างชัดแจ้งเช่นนี้
แต่ประเด็นคือ หลี่เสวียนเวยในตอนนี้เป็นเพียงประทับเจตจำนงสายหนึ่งเท่านั้น
อีกอย่าง พลังยังหายไปมากแล้ว!
“หลี่เสวียนเวย ร่างต้นของเจ้าหายลับไปจากทางเดินโบราณฟ้าดาราตั้งแต่หลังศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดินานแล้ว จวบจนตอนนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัว ตาแก่หลายคนต่างเคยสันนิษฐานว่าเจ้าหลี่เสวียนเวยประสบเคราะห์ตายไปแล้ว”
ชายชราที่เหยียบเมฆมงคลอยู่ยิ้มเหี้ยมเอ่ยปาก
“ต่อให้ร่างต้นยังมีชีวิตอยู่แล้วอย่างไร บนทางเดินโบราณฟ้าดาราไม่มีที่ให้กับพวกเหลือเดนจากคีรีดวงกมล!”
หญิงสาวงดงามในชุดสีชาดยิ้มหยัน
หลินสวินฟังถึงตรงนี้จิตใจก็ปั่นป่วนขึ้นมา
หลังจากศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ คีรีดดวงกมลถล่ม สำนักล่มสลายหรือ
แล้วยังหลังจากศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ บนทางเดินโบราณฟ้าดาราไม่มีที่ให้กับผู้สืบทอดคีรีดวงกมลที่หลงเหลืออยู่แล้วหรือ
ในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิตอนนั้น สำนักคีรีดวงกมลเกิดอะไรขึ้นกันแน่
กลับเห็นว่าตอนนี้หลี่เสวียนเวยหัวเราะเสียงดังขึ้นมา “ศิษย์น้อง เจ้ารู้ไหมว่าทำไมพวกเขาพูดจาไร้สาระเช่นนี้”
ไม่ทันรอให้หลินสวินตอบกลับ หลี่เสวียนเวยก็พูดชัดถ้อยชัดคำว่า “เพราะพวกเขายังกังวลและหวาดกลัวอยู่ ต่อให้ข้าเป็นเพียงพลังเจตจำนงสายเดียว แต่พวกเขา… ยังไม่กล้าลงมือง่ายๆ ดังเดิม!”
เสียงทรงพลังกึกก้อง เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
ระดับจักรพรรดิทั้งสามสีหน้าอึมครึมยิ่งยวดไปแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์