หลิ่วชิงเยียน!
ตอนที่หลินสวินยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบสี่ที่เพิ่งเข้าสู่จักรวรรดิจื่อเย่า หลิ่วชิงเยียนก็เป็นผู้ฝึกปราณสายศิลป์อันดับหนึ่งที่ชื่อเสียงเลื่องลือทั่วจักรวรรดิแล้ว
คิ้วตานางดุจภาพวาด พิสุทธิ์สง่า ฝีมือในมรรคแห่งศาสตร์ดนตรีเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม
ปีนั้นหลังจากหลินสวินผงาดในนครต้องห้ามแห่งจักรวรรดิ ได้รับเกียรติเข้าเฝ้าจักรพรรดินี หลิ่วชิงเยียนประพันธ์ลำนำแห่งผู้กล้าบทหนึ่งเพื่อสรรเสริญหลินสวิน
เพียงแต่ต่อมาหลิ่วชิงเยียนก็ออกจากจักรวรรดิจื่อเย่าไร้ซึ่งข่าวคราว ลือกันว่าปีนั้นนางมุ่งหน้าไปฝึกปราณที่ดินแดนรกร้างโบราณ
และในกาลเวลาต่อมา ไม่ว่าจะเป็นช่วงหลายปีที่หลินสวินฝึกปราณในดินแดนรกร้างโบราณ หรือจะหวนคืนสู่จักรวรรดิอีกครั้งในช่วงต่อมา เขาล้วนไม่ได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับหลิ่วชิงเยียนอีกเลย
หลินสวินเองก็คิดไม่ถึงสักนิด ว่าจะได้พบอีกฝ่ายอีกครั้งบนยานลมกรดของหอเสียงสวรรค์ในทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้!
ชั่วขณะนั้นจากสภาพจิตใจของหลินสวินล้วนเหม่อลอยอย่างอดไม่ได้
และพร้อมกันนั้นหลิ่วชิงเยียนที่อยู่ตรงข้ามในชุดสีขาวสะอาด เรือนผมดำมัดมวยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของผู้ชายตรงหน้าคนนี้ออกจะกล้าเกินไปหน่อยแล้ว
“สหายยุทธ์ นางคือหลิ่วชิงเยียนลูกศิษย์ข้า ในช่วงนี้ก่อนจะเดินทางไปถึงโลกใหญ่หงเหมิงก็รบกวนสหายยุทธ์คอยคุ้มกันด้วย”
จวงอวิ้นจื้อยิ้มพลางเอ่ยปาก นางสังเกตเห็นความผิดประหลาดของสายตาหลินสวิน แต่ภายในใจก็เข้าใจดี ไม่ว่าใครได้พบเห็นลูกศิษย์ผู้งดงามบริสุทธิ์คนนี้ของนาง ล้วนต้องตกตะลึงอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทั่วทั้งเขตแดนดาราจื่อเหิง ผู้ใดบ้างไม่รู้จักชื่อเสียงของหลิ่วชิงเยียนแห่งหอเสียงสวรรค์
“ได้”
หลินสวินปรับสภาพจิตใจเล็กน้อย พยักหน้าตอบรับ
เขาสงบลงมาแล้ว ต่อให้มิตรเก่าอยู่ใกล้เพียงเอื้อม แต่ที่นี่เวลานี้สถานะของเขาคืออวี่เสวียนแห่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ ย่อมไม่อาจไปรู้จักกันได้
“ผู้น้อยหลิ่วชิงเยียน คารวะผู้อาวุโส”
หลิ่วชิงเยียนโค้งคำนับ น้ำเสียงใสเสนาะหูราวกับเสียงสวรรค์ โฉมงามดุจภาพวาด บุคลิกดุจกล้วยไม้
“ไม่ต้องเกรงใจ”
ในใจหลินสวินรู้สึกแปลกๆ วูบหนึ่ง หากนางรู้ตัวตนแท้จริงของตนจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
“เยียนเอ๋อร์ เจ้าไปพักผ่อนที่เรือนข้างเถิด”
จวงอวิ้นจื้อกำชับ
หลิ่วชิงเยียนพยักหน้า หมุนตัวเดินออกไป
จนกระทั่งเงาหลังของเนางลับหายไป คราวนี้จวงอวิ้นจื้อจึงทอดถอนใจเบาๆ กล่าวว่า “สหายยุทธ์ เจ้ารู้สึกแปลกยิ่งใช่หรือไม่ ศิษย์สืบทอดแท้จริงหอเสียงสวรรค์ของข้า เหตุใดกลับเชิญให้เจ้ามาอารักขา”
หลินสวินเลิกคิ้ว “ข้าไม่ทราบจริงๆ หวังว่าสหายยุทธ์จะบอกกล่าว”
จวงอวิ้นจื้อสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กล่าวเสียงขรึม “สหายยุทธ์หาใช่คนนอก เรื่องมาถึงขนาดนี้ก็ไม่อาจปกปิดเจ้า…”
ไม่นานจวงอวิ้นจื้อก็บอกเล่าสาเหตุภายในนั้น
หอเสียงสวรรค์ในฐานะสำนักอันดับหนึ่งแห่งเขตแดนดาราจื่อเหิง ในสำนักมีศิษย์สืบทอดแท้จริงที่โดดเด่นน่าทึ่งมากมาย แต่ละคนล้วนประหนึ่งหงส์มังกรในหมู่มนุษย์ พรสวรรค์เหนือธรรมดา
หลิ่วชิงเยียนก็เป็นหนึ่งในนั้น
นางเข้ามาฝึกปราณในหอเสียงสวรรค์เมื่อห้าปีก่อน ใช้เวลาเพียงสามปีก็เปล่งประกายท่ามกลางผู้คนในสำนัก โดดเด่นเฉิดฉาย และถูกจวงอวิ้นจื้อที่มีฐานะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดในสำนักเลือกรับเป็นศิษย์สืบทอดแท้จริง
โดยเฉพาะสองปีมานี้ พัฒนาการในด้านมรรคศาสตร์ดนตรีของหลิ่วชิงเยียนเรียกได้ว่ารุดหน้ารวดเร็ว พัฒนาการก้าวกระโดด เป็นคนหนึ่งที่สะดุดตาที่สุดในหมู่ศิษย์สืบทอดแท้จริง
เพียงแต่ก็เพราะความสามารถของนางสะดุดตาเกินไป เป็นผลให้ประสบกับการแก่งแย่งชิงดีและขับเคี่ยวกันมากมายภายในสำนัก
ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดหักโค่น นี่เป็นเรื่องปกติยิ่ง
หากเพียงแค่นี้ จากอิทธิพลในหอเสียงสวรรค์ของจวงอวิ้นจื้อ ย่อมสามารถคุ้มครองหลิ่วชิงเยียนไม่ให้ประสบคลื่นลมที่รุนแรงเกินไปได้อยู่แล้ว
แต่ทว่าไม่นานมานี้ดันเกิดเหตุสุดวิสัยเรื่องหนึ่งขึ้น
ผู้สืบทอด ‘เรือนมรรคดึกดำบรรพ์’ คนหนึ่งนามว่าข่งอวี้ ยามมาเป็นแขกในหอเสียงสวรรค์ก็ถูกใจหลิ่วชิงเยียนเข้า และเกี้ยวพานางตรงๆ หวังว่าจะได้หัวใจของโฉมงาม
หลิ่วชิงเยียนไม่ได้ตอบรับ ปฏิเสธการเกี้ยวของข่งอวี้ แต่คนผู้นี้ไม่ถอดใจ ยังคงตอแยหลิ่วชิงเยียนสารพัด
หลิ่วชิงเยียนที่รำคาญใจเกินทนตั้งใจจะออกไปข้างนอกเพื่อหลบหนีความวุ่นวาย ใครเลยจะคาดคิด ระหว่างทางที่ออกไปข้างนอกดันพบกับข่งอวี้เข้า
หนำซ้ำหลังจากถูกหลิ่วชิงเยียนปฏิเสธอีกครั้ง ข่งอวี้ก็หัวเสียอับอายจนดาลเดือด ถึงกับลงมือตรงๆ คิดจะจับตัวหลิ่วชิงเยียนไป
หากไม่ใช่เพราะหลิ่วชิงเยียนเห็นโอกาส ใช่วิชาลับหนีรอด ก็เกือบถูกอีกฝ่ายจับได้สมใจแล้ว
เกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ ทั่วทั้งหอเสียงสวรรค์ล้วนถูกทำให้สะเทือน เดิมทีหลิ่วชิงเยียนคิดว่าสำนักจะออกหน้าแทนตน ไปลงโทษข่งอวี้
แต่ผลลัพธ์สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าให้หลิ่วชิงเยียนก้มหน้าอดทน ไปยอมรับผิดขอโทษกับข่งอวี้!
กล่าวถึงตรงนี้หว่างคิ้วจวงอวิ้นจื้อล้วนเจือแววจนปัญญาและละอาย “ก็เพราะข่งอวี้คนนี้เป็นผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ หลังจากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ข้าที่เป็นท่านอาจารย์กลับได้แต่ถูกสำนักกดดัน ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ทำให้เยียนเอ๋อร์ต้องประสบกับความอดสูเช่นนี้ ในใจก็อึดอัดละอายนัก”
นัยน์ตาดำหลินสวินลุ่มลึก กล่าวว่า “จากนั้นเล่า”
จวงอวิ้นจื้อยิ้มขื่นกล่าวว่า “จะเป็นอย่างไรได้ ข้าซึ่งเป็นอาจารย์ต้องออกหน้าเอง พาเยียนเอ๋อร์มาขอโทษข่งอวี้อย่างเป็นทางการ”
หัวคิ้วหลินสวินขมวดขึ้น ในใจค่อนข้างอึดอัดเล็กน้อย แค่ผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์คนหนึ่งเท่านั้น แต่ถึงกับให้สำนักอันดับหนึ่งแห่งเขตแดนดาราจื่อเหิงเลือกวิธีนี้มาแก้ปัญหา เหลวไหลปานใดกัน!
หลิ่วชิงเยียนพบเจอเรื่องพรรค์นี้ แค่คิดก็รู้ว่าในใจนางจะผิดหวังและไม่ได้รับความเป็นธรรมเพียงใด
“ออกมาข้างนอกมุ่งสู่โลกใหญ่หงเหมิงคราวนี้ เดิมข้าคิดจะพาเยียนเอ๋อร์ไปพักผ่อนหย่อนใจด้วยกัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่า…”
จวงอวิ้นจื้อกล่าวถึงตรงนี้ กลางนัยน์ตาก็ผุดแววเย็นเยียบขึ้นมาวูบหนึ่ง “ในสำนักถึงกับมีคนลอบสมรู้ร่วมคิดกับข่งอวี้ รวบรวมกำลังส่วนหนึ่งสอดแนมเยียนเอ๋อร์ หมายจะกระทำการที่ไม่เป็นผลดีกับนาง!”
“ถึงกับมีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์