หลินสวินฟังจบ สีหน้าเรียบเฉย
หญิงชราไม่ใช่คนชั่วร้าย นางเพียงทำตามหน้าที่อย่างเคร่งครัดในการคุ้มกันเด็กหนุ่มชุดป่าน หลินสวินสามารถเข้าใจได้
แม้ถูกเตือน เขาก็ไม่ได้โกรธอะไร
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินไม่พอใจนัก คืออะไรเรียกว่าเป็นแพะรับบาปแทนตน ตนไม่เคยขอร้องนะ
และอะไรที่เรียกว่าได้คืบเอาศอก
มหันตภัยกำลังมาเยือนเขาก็ดี เขายากจะเอาตัวรอดก็ช่าง แต่ไม่เคยมีความคิดจะลากเด็กหนุ่มชุดป่านลงน้ำเพื่อกันลมฝนให้ตัวเอง
ทว่าเรื่องพวกนี้หลินสวินคร้านจะอธิบายแล้ว
ด้วยฐานะกับระดับของหญิงชรา กลัวว่าคงไม่เชื่อคำอธิบายพวกนี้
ว่ากันถึงที่สุด ในสายตาของนางเขาก็ไม่ได้สำคัญพอก็เท่านั้น
ลมกลางคืนพัดโชย
บนเขารับแขก หลินสวินเงียบรอคอย
ในเรือนพักหลิ่วชิงเยียนนั่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง หยิบขลุ่ยวิญญาณโบราณออกมาวางข้างริมฝีปากที่แดงชุ่มชื้น เป่าทำนองไพศาล ทรงพลัง และกว้างไกลออกมาเบาๆ
เรื่องผ่านไปแล้ว
ในใจนางกลับนิ่งสงบอย่างสิ้นเชิง มองความเป็นตายอย่างสงบนิ่ง
ที่แห่งนี้เงียบสงบ ไร้ซึ่งระลอกคลื่น
ทว่าทั้งบนล่างเขารับแขกถูกสายตาไม่รู้เท่าไหร่จับจ้องนานแล้ว แต่ละภาพที่พวกจินเทียนฉีถูกทำร้ายก่อนหน้านี้ รวมถึงขั้นตอนยามอู่อวิ๋นเหลียนถูกฆ่า ได้ทำให้เกิดความตื่นตะลึงไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว
“คิดไม่ถึงว่าที่นั่นกลับมีคนร้ายกาจเช่นนี้อาศัยอยู่”
“ฆ่าคนของหอเสียงสวรรค์และกำราบพวกคนตระกูลจินเทียน ความกล้าหาญนี้ไม่มีใครเทียบได้ แต่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดคืนนี้”
“ไม่เห็นหรือ เขารู้ว่ามหัตภัยมาเยือนแล้ว ยังรอความตายอยู่”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ดังขึ้นในความมืด
“อาจารย์ลุง พวกเราไปดูสักหน่อย”
ตรงตีนเขา อู้หมิงภิกษุหนุ่มที่สวมงอบ ใส่ชุดผ้าหยาบเท้าเปล่า พาเหล่าผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์เดินออกจากประตูเรือน
‘ไปเถอะ มีความเป็นไปได้สูงมากที่ชายผู้นั้นจะเป็นเจ้านอกรีตนั่น หากเป็นเช่นนี้ จะให้เขาถูกคนอื่นฆ่าตายไม่ได้เด็ดขาด’
ภิกษุเฒ่าตู้คงที่นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าเรือนสื่อจิตด้วยเสียงแหบพร่า
อู้หมิงพยักหน้า คนทั้งกลุ่มฉวยโอกาสตอนดึกขึ้นเขาไป ชั่วขณะเดียวดึงดูดสายตาคนไม่รู้เท่าไหร่
“เหตุใดเหล่าภิกษุที่มาจากอารามหยกถึงได้ออกเคลื่อนไหวก่อน”
“น่าแปลก!”
ไม่ว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์จะเป็นอย่างไร พวกอู้หมิงก็เหมือนไม่รู้สึก สีหน้าลึกล้ำสงบนิ่ง
……
“เฮอะๆ ดันไม่ได้ตีพวกไร้ประโยชน์อย่างพวกเจ้าตาย”
ตรงไหล่เขา ชายชราในชุดคลุมเผยความเย้ยหยันไม่มีปกปิดสักนิด
พวกจินเทียนฉีคุกเข่ากับพื้น สีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ ในใจอับอายถึงขีดสุด ประหม่าอย่างที่สุด
“ผู้อาวุโส พวกเราไร้ความสามารถเอง!”
จินเทียนฉีคุกเข่าโขกหัว กัดฟันพูด “แต่เจ้าหมอนั่นรู้ทั้งรู้ว่าพวกเราเป็นคนตระกูลจินเทียน กลับไม่เกรงใจเลยสักนิด นี่เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา”
ชายชราในชุดคลุมยิ้มเยาะ “อยากยั่วยุให้ข้าล้างแค้นแทนพวกเจ้าหรือ”
จินเทียนฉีสีหน้าชะงัก แต่เขายังคงฝืนใจเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส พวกเราขายหน้าน่ะไม่สำคัญ แต่หน้าของตระกูลจินเทียนของพวกเรา… จะเสียไม่ได้เด็ดขาด!”
ปัง!
จินเทียนฉีตัวสั่น เอ็นกระดูกทั้งร่างพลันแตกหัก ทรุดลงพื้นทั้งตัว ทั้งร่างกระตุกด้วยความเจ็บปวดไม่หยุด
คนอื่นๆ ต่างหวาดกลัว ยิ่งตื่นตกใจ
ชายชราในชุดคลุมพูดอย่างเยียบเย็น “หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าขี้ขลาด ไร้ความสามารถเกินไป จะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ถึงตอนนี้ถึงเพิ่งรู้ว่าตระกูลจะเสียหน้าไม่ได้ ไม่รู้สึกว่าสายเกินไปหรือ”
“ผู้อาวุโส แม้พวกเขาพูดโง่ๆ ไปหน่อยแต่ก็ถือว่าพูดได้ไม่เลว ตระกูลจินเทียนของพวกเราเสียหน้าที่ไหน เอาคืนที่นั่นก็พอแล้ว”
ทันใดนั้นเสียงที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็งดังขึ้น
ด้านหลังชายชราในชุดคลุม ประตูเรือนที่ปิดสนิทเปิดออก สาวงามไร้ที่ติ รูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางโดดเด่นอย่างที่สุดคนหนึ่งก้าวออกมา
มาดของคนผู้นีสง่างามหาที่เปรียบไม่ได้ บุคลิกโดดเด่น!
จินเทียนเสวียนเยวี่ย
ผู้กล้าหญิงที่สะดุดตาที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน ฝึกปราณมาหนึ่งร้อยแปดสิบปี อยู่ในอันดับที่สี่สิบเก้าของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์!
ชื่อเสียงโด่งดังทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา ถูกผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่เลื่อมใสชื่นชม
เห็นนางเดินออกมา สีหน้าของพวกจินเทียนฉีซับซ้อนมาก พวกเขาเรียกได้ว่าทั้งอิจฉาและริษยาจินเทียนเสวียนเยวี่ย
ชายชราในชุดคลุมสีหน้าอ่อนโยนลงไม่น้อยอย่างยากจะเห็น เอ่ยว่า “เสวียนเยวี่ย เจ้าทะลวงขั้นแล้วหรือ”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพยักหน้า แม้อยู่ต่อหน้าชายชราในชุดคลุม นางก็ยังมีท่าทางเย็นชา “เรียนผู้อาวุโส ข้าได้ก้าวสู่ระดับมกุฎราชันอริยะขั้นกลางแล้ว ควบรวมเขตแดนมรรคที่สมบูรณ์แบบออกมาแล้ว”
ชายชราในชุดคลุมตาเป็นประกาย กล่าวชื่นชม “ดี!”
“ผู้อาวุโส ข้าไปเจออวี่เสวียนนั่นสักหน่อย”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพูดด้วยเสียงเย็นชา “ฉวยโอกาสลองดูพลังหลังจากทะลวงขั้นด้วย เพียงแต่ต้องดูว่าเขามีคุณสมบัติเป็นหินลับมีดของข้าหรือเปล่า”
ชายชราในชุดคลุมพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไปเถอะ”
ท่าทีที่มีต่อจินเทียนเสวียนเยวี่ยกับพวกจินเทียนฉี แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
นี่ทำให้ในใจพวกจินเทียนฉียิ่งอิจฉาขึ้นมา
แต่ในเวลาเดียวกันก็โล่งอกไปด้วย มีจินเทียนเสวียนเยวี่ยลงมือ คนแซ่อวี่นั่นจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างน้อยก็สามารถกอบกู้หน้าของพวกเขากลับมาได้
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพยักหน้าแล้วพลิ้วตัวจากไป เงาร่างสันโดษ
ตอนที่เห็นจินเทียนเสวียนเยวี่ยปรากฏตัว ทั้งบนล่างเขารับแขกสะท้านขึ้นมาในชั่วขณะ ในที่สุดเทพธิดาเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนคนนี้ก็ปรากฏตัวแล้ว!
ผู้คนนับไม่ถ้วนตื่นเต้น ราวกับเห็นบุคคลระดับตำนานบนโลก หาดูได้ยากเกินไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าการมาครั้งนี้ของนาง ก็เพื่อกอบกู้หน้าของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์