มกุฎราชันอริยะ พลังเขตแดนมรรคที่ครอบครองย่อมน่าสะพรึงเหนือจินตนาการเป็นธรรมดา
อู้หมิงเป็นหนึ่งในเก้าผู้ทรงฌานหลุดพ้นแห่งแดนกษิติครรภ์ เคี่ยวกรำมรดกเมืองพุทธ รากฐานและพลังต่อสู้ย่อมหาใช่ธรรมดาทั่วไป
เมื่อหนึ่งฝ่ามือซัดออกไป อานุภาพเปี่ยมล้มที่สำแดงออกมาทำให้กึ่งจักรพรรดิเหลียงชวนยังรู้สึกตกใจ และทำเอาผู้แข็งแกร่งที่ลอบมองดูการต่อสู้ในเงามืดต่างสะเทือนอารมณ์ไม่สิ้น
ทว่าก็เป็นฝ่ามือนี้ ที่ถูกหลินสวินต้านทานสลายไปอย่างไร้สุ้มเสียง
พร้อมๆ กับพลังฝ่ามือของหลินสวินพุ่งออกไป
ตูม!
ทั่วทั้งตัวอู้หมิงล้วนส่ายไหวอย่างจัง เสื้อผ้าโบกสะบัด งอบเหนือศีรษะล้วนแตกระเบิดทันควัน แหลกกระจุยล่องลอย
“ทะยาน!”
ที่ตีนเขา ภิกษุเฒ่าตู้คงเปล่งคำหนึ่งออกมา
ทั่วทั้งเขารับแขกพลันปิดครอบด้วยพลังคุ้มกันไร้รูปหนึ่งชั้น
ชายชราในชุดคลุมสีหน้าไม่ไหวติง เก็บมือขวาที่รวบอยู่แขนเสื้อกลับมาเงียบๆ ก่อนหน้านี้เขาเองก็ตั้งใจจะทำเช่นนี้เหมือนกัน
หาไม่ ลำพังแค่การต่อสู้ครั้งนี้ปะทุขึ้น เขารับแขกลูกนี้คงถูกซัดกระจุยเป็นแน่
“แข็งแกร่งนัก!”
“เจ้าหมอนี่เก็บงำได้ลึกล้ำนัก มิน่าถึงสามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์พวกนั้นได้ ขนาดผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนเหล่านั้นยังถูกเขากำราบด้วยมือเดียว”
พื้นที่ต่างๆ ของเขารับแขกมีเสียงร้องอุทานระลอกหนึ่งดังขึ้น
“สหายยุทธ์ เจ้าไม่คิดจะไปกับพวกเราสักเที่ยวจริงๆ หรือ”
สายตาของอู้หมิงดั่งมหาสมุทร ไหลเวียนสัญลักษณ์อักษรสันสกฤตอันคลุมเครือ
ขณะพูดเขาสาวเท้าก้าวขึ้นหน้า ใต้ฝ่าเท้าปรากฏดอกบัวสีดำดอกแล้วดอกเล่า และด้านหลังของเขามีภิกษุท่องธรรม กำราบเงาแสงมืดมิด ขับเน้นให้เขาดูมีอานุภาพน่าสยดสยอง
ตูม!
ทันใดนั้นเขายกมือขึ้น ครรลองฟ้าลักษณ์ปฐพี ห้าดรรชนีควบรวมประทับขวดสมบัติออกมา เหินข้ามอากาศเข้าโจมตี
“เจ้าอยู่ต่อไม่ใช่ว่ายิ่งดีหรือ”
หลินสวินเอ่ยปากเสียงเรียบ
ทันทีที่เขาดีดนิ้ว กระถางใหญ่ใบหนึ่งก็ปรากฏ ลายมรรคบนนั้นสอดประสาน กฎเกณฑ์ไหลเวียน เผยอานุภาพกำราบทั่วสี่ทิศ ไม่อาจสั่นคลอนได้
ประทับขวดสมบัติและกระถางใหญ่ชนกระแทกกันอย่างแรงบนห้วงอากาศ แสงมรรคและประกายเรืองรองน่าสะพรึงแผ่กว้าง เสียงอึกทึกครึกโครมก้องสะท้อนดุจสายฟ้า
ประทับขวดสมบัติแตกสลายทันที กระถางใหญ่ก็ร่วงตามลงไป เข้ากำราบไปทางอู้หมิง
อู้หมิงนัยน์ตาหดรัด สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ทั่วร่างรายล้อมด้วยแสงธรรมสีดำ ชั่วขณะนั้นมองผ่านๆ ราวกับกลายร่างเป็นสามหัวหกแขน ซัดฝ่ามือขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ปัง! ปัง! ปัง!
ประทับฝ่ามือราวกับหยาดฝนก็ไม่ปาน ซัดใส่กระถางใหญ่ ทุกๆ การโจมตีล้วนมีอานุภาพซัดถล่มภูผาธารา
สุดท้ายกระถางใหญ่ก็แตกกระจุยกระจาย
แต่หลินสวินสบโอกาสบุกโจมตีเข้ามานานแล้ว ร่างดั่งจอมราชันเจ้าเหนือหัวผู้ปกครองแว่นแคว้น ใช้เก้ากระถางเป็นพลัง พาดขวางกลางห้วงอากาศ อานุภาพไม่อาจขวางกั้น
ตูม โครม!
ฟ้าหม่นมัวดินมืดมิด ห้วงอากาศปั่นป่วน
เพียงพริบตาเท่านั้นทั้งคู่ก็ปะทะโรมรันกันกว่าร้อยกระบวน สภาพการต่อสู้สุ่มเสี่ยง น่าตระหนกตกตะลึง
เพียงแต่อู้หมิงอยู่ในสภาพถูกกำราบอย่างสิ้นเชิง
อานุภาพบุกโจมตีของหลินสวินเหี้ยมหาญเกินไป แข็งแกร่งไร้ทัดเทียม ทุกท่วงท่าอิริยาบถยิ่งมีอานุภาพยิ่งยง ทุกการโจมตีล้วนสามารถฆ่าราชันอริยะคนหนึ่งอย่างง่ายดาย
ไม่ว่าอู้หมิงจะต่อต้านหรือสลายอย่างไร ล้วนตกอยู่ในสภาพถูกกำราบอย่างไร้เรี่ยวแรงขัดขืน
ไม่ใช่ว่าเขาแข็งแกร่งไม่พอ ตรงกันข้าม ในฐานะหนึ่งในเก้าผู้ทรงฌานแดนกษิติครรภ์ รากฐาน พลังปราณ รวมถึงพลังมหามรรคที่เขาครอบครอง ไม่มีสิ่งไหนไม่ใช่ชั้นยอดในหมู่คนรุ่นเดียวกัน ถือเป็นพวกแนวหน้า
หากไม่ใช่เพราะมาจากโลกมืด ด้วยศักยภาพของเขาก็สามารถไต่เต้าขึ้นร้อยอันดับแรกของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย
เพียงแต่ครั้งนี้เขามาพบกับหลินสวิน พวกร้ายกาจยิ่งยวดที่ข้ามมหาเคราะห์ต้องห้ามแห่งยุค เคี่ยวกรำมรรคาหนึ่งเดียวในใต้หล้า
ว่ากันถึงความเชี่ยวชาญในระดับมกุฎราชันอริยะ ในหมู่ผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวกันนับแต่อดีตจนปัจจุบัน ล้วนหาไม่ได้สักกี่คนที่สามารถเทียบรัศมีกับหลินสวินได้!
แม้จะไม่ได้ใช้ร่างเดิม ทว่าอาศัยพรสวรรค์แห่งกายมรรคไม้เขียว ก็เพียงพอจะทำให้หลินสวินไม่เกรงกลัวคนรุ่นเดียวกันคนใดแล้ว
อู้หมิง…
ไม่ไหว!
คนไม่น้อยเป็นพยานเห็นภาพเหตุการณ์เบื้องหน้านี้ ต่างพากันหน้าเปลี่ยนสี หวาดผวาไม่สิ้น
จนป่านนี้มีหรือพวกเขาจะดูไม่ออก ว่าภายใต้การปะทะซึ่งหน้า ผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์นั่นยังดูด้อยกว่าอยู่หนึ่งช่วง!
เด็กหนุ่มชุดป่านนึกอยากกระโจนออกไปหลายครั้ง ทว่าล้วนถูกหญิงชราขวางไว้ เขาทั้งจนปัญญาทั้งทอดถอนใจ พี่ชายคนนี้เก็บงำไว้ลึกเกินไปแล้ว!
“นายน้อย ต่อไปท่านก็เข้าใจ โลกใหญ่หงเหมิงไม่เคยขาดแคลนคนแบบนี้”
เสียงของหญิงชราราบเรียบ
อันที่จริงในใจนางเองก็เจือแววเสียดายเสี้ยวหนึ่ง โลกใหญ่หงเหมิงไม่ขาดแคลนยอดอัจฉริยะจริงอย่างว่า แต่ยอดอัจฉริยะแบบหลินสวิน สุดท้ายก็ยังมีจำนวนน้อยอยู่ดี
น่าเสียดาย หลังจากวันนี้ไป ยอดอัจฉริยะเช่นนี้เกรงว่าคงต้องหายสาบสูญไปจากโลก…
พรวด!
ในที่นั้นสุดท้ายอู้หมิงก็กลั้นไม่อยู่ ริมฝีปากกระอักเลือด
สีหน้าเขาซีดขาว กลางนัยน์ตาเต็มไปด้วยแววเคร่งเครียด
ตอนนี้เขากล้าฟันธงแล้ว ว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นมารนอกรีตคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยเป็นแน่
ต่อให้กลิ่นอายของอีกฝ่ายจะถูกซ่อนเร้น ทว่าพลังและฝีมือที่สำแดงออกมา ล้วนมีส่วนคล้ายคลึงกับมารนอกรีตคนนั้นอย่างน่าทึ่ง
“เขาไม่ไหว เจ้าอยากเข้ามาพร้อมกันหรือไม่”
ผมดำของหลินสวินโบกพลิ้ว แสงมรรคสีเขียวรอบกายโปร่งใสราวกับกระจกแก้ว เงาร่างเรืองรอง ท่าทางผงาดผยองและองอาจ
“ข้าคนเดียวก็พอ”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยเอ่ยปากเสียงเย็นเยียบ
เงาร่างของนางขยับไหว ดั่งฝันดุจมายา โผล่มาในสนามรบโดยพลัน รวบนิ้วเหมือนกระบี่ เสียงฉัวะดังคราหนึ่ง บั่นเฉือนห้วงอากาศขาดสะบั้น!
คมของมันราวกับสายฟ้า อานุภาพของมันเหมือนสายลม ท่วงทำนองของมันดุดัน บารมีของมันไม่อาจคาดเดา!
“คัมภีร์ลมกรดกระบี่ปั่นป่วน!”
เด็กหนุ่มชุดป่านที่ชมการต่อสู้อยู่ในลานตลอดเวลาร้องโพล่งออกมา กระบี่นี้เป็นมรดกตกทอดสูงสุดของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน เป็นคัมภีร์กระบี่ชั้นยอดที่จักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์สร้างขึ้น!
เงาร่างหลินสวินขยับไหว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์