Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1840

อยากตายอย่างไร

ประโยคเดียวสี่คำสั้นๆ

ในเวลานี้กลับเหมือนฟ้าคำรามสายหนึ่ง ก้องสะท้อนในหัวของทุกคน ทำให้พวกเขาอึ้งตาค้าง แทบจะไม่กล้าเชื่อ

นี่คือประโยคแรกที่ชายวัยกลางคนผิวคล้ำแดดดูคล้ายชาวนาคนนั้นพูดหลังจากมาถึง เสียงต่ำลึกราบเรียบ ไร้ซึ่งอำนาจบารมีให้เอ่ยถึง

แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้ผู้คนรู้สึกเหลวไหลและปุบปับเกินไปอยู่ดี

ชายชราในชุดคลุม มหาจักรพรรดิที่ชื่อเสียงโจษจันฟ้าดารา ฉายาจักรพรรดิกระบี่วายุ กิตติศัพท์เลื่องลือทั่วหล้าสามหมื่นปี ฝีมือเทียมฟ้า ปราณกระบี่ชั่วนิรันดร์

ภิกษุเฒ่าตู้คง จอมมุนีระดับจักรพรรดิแห่งแดนกษิติครรภ์ ฝึกฝนสองร่างฌานสว่างมืดมิด หนึ่งร่างแยกเป็นสอง เทียบเท่ากับระดับจักรพรรดิสองคน!

หากเป็นปกติทั่วไปใครจะกล้าไม่ยำเกรงพวกเขา

ทว่ายามนี้ชายวัยกลางคนผิวคล้ำแดดที่หน้าตาธรรมดา แต่กลับพูดจาไม่ธรรมดา!

ถามระดับจักรพรรดิสองคนว่าอยากตายอย่างไร

บ้าระห่ำเกินไปแล้วชัดๆ!

ขนาดเด็กหนุ่มชุดป่านยังสูดหายใจเฮือก ในใจลอบร้องอุทานว่าสุดยอดไม่หยุด ต่อให้บิดาตนอยู่ที่นี่ ก็ยังพูดประโยคที่เผด็จการเต็มเปี่ยมเช่นนี้ออกมาไม่ได้กระมัง

แววตาหญิงชรามีประกายแสงว่ายเวียน และตกตะลึงด้วยเช่นกัน

“ฮ่าๆๆ”

ชายชราในชุดคลุมแหงนหน้าขึ้นฟ้าระเบิดหัวเราะ อาภรณ์โบกสะบัด ผมเคราปลิวไสว กลิ่นอายทั่วร่างพุ่งทะยานเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน มาดแห่งจักรพรรดิกระบี่วายุยามนี้สำแดงออกมาหมดจรด

“กี่ปีมาแล้ว เป็นข้าเก็บตัวนานเกินไปไม่เคยปรากฏสู่โลก ถึงได้ทำให้ผู้คนดูเบาเพียงนี้เชียวหรือ”

แววตาชายชราในชุดคลุมลุ่มลึก เงาร่างดั่งเทพ เจตกระบี่ไร้ทัดเทียมประหนึ่งเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัด แผ่กระจายทั่วฟ้าดาราแถบนี้

“ดูเบา?”

ชายวัยกลางคนที่คล้ายชาวนาขบคิดเล็กน้อยก่อนส่ายหน้ากล่าว “เจ้าผิดแล้ว ข้าไม่เคยดูเบาผู้อื่น แต่เจ้า… ทำให้ข้าไม่สามารถประเมินค่าสูงได้จริงๆ”

รอยยิ้มของชายชราในชุดคลุมพลันหุบลงทันที “อย่างนั้นหรือ”

ชายชาวนาวัยกลางคนตอบอย่างจริงจัง “ใช่”

เส้นเลือดตรงหน้าผากของชายชราในชุดคลุมโผล่ขึ้นมารางๆ หน้าอกอัดอั้น ท่าทางจริงจังของชาวนาวัยกลางคนนั่นดูไม่เหมือนหัวเราะเยาะ แต่กลับทำให้ผู้คนอึดอัดยิ่ง

จะบอกว่าเขาวางตัวไม่ดี แต่ก็ดันไม่ได้จองหองแต่อย่างใด คำพูดเข้มขรึมเยือกเย็น สีหน้าท่าทางก็จริงจังยิ่ง ความรู้สึกนี้ทำเอาคนโกรธจนกระอักเลือด

“ไม่ต้องพูดไร้สาระ ลงมือย่อมเห็นฝีมือแท้จริง!”

ทันใดนั้นภิกษุเฒ่าตู้คงลงมือ เงาร่างสองสาย หนึ่งอาบชโลมแสงธรรมมืดมิด อีกหนึ่งปลดปล่อยแสงสว่างแผ่กว้างไร้ขอบเขต

ตูม!

กลางฟ้าดินเสียงธรรมดุจสายฟ้า ห้วงอากาศปั่นป่วน

ระดับจักรพรรดิลงมือจะน่ากลัวปานใด

ขณะนี้อู้หมิง จินเทียนเสวียนเยวี่ยรู้สึกเพียงว่าทั่วร่างเบาหวิว ถูกเคลื่อนย้ายออกจากที่นั้น ไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืนสักนิด

และในที่นั้นก็เห็นร่างธรรมขาวหนึ่งดำหนึ่งสูงใหญ่หาใดเปรียบสองร่าง คับแน่นจักรวาล ปากประกาศเสียงธรรม ราวกับหมายจะทับถล่มเวิ้งฟ้า

“โอม!”

เสียงสวดท่องธรรมดังขึ้น ยานลมกรดที่กว้างใหญ่ราวกับผืนแผ่นดินลอยได้ เวลานี้จู่ๆ ก็จอดเงียบๆ อยู่กลางฟ้าดารา อีกทั้งดวงดาวที่กระจายตัวอยู่ในความว่างเปล่าโดยรอบล้วนสั่นโคลงขึ้นมาอย่างรุนแรง

“นะโม!”

เสียงธรรมก้องกระหึ่มสนั่นหวั่นไหว ก็เห็นภิกษุเฒ่าตู้คงร่างมืดมิดเงื้อหมัดโจมตีออกไป แสงมรรคไหลพุ่งดุจธารสวรรค์

ส่วนภิกษุเฒ่าตู้คงร่างสว่างฝ่ามือกำคทาขักขระ โจมตีพาดขวางออกไป

ชั่วขณะเดียวฟ้าดินพลิกผัน ห้วงอากาศพังครืน

อานุภาพแห่งระดับจักรพรรดิสำแดงสู่โลกหล้าในเวลานี้!

“ข้าเพียงแค่อยากให้พวกเจ้าเลือกวิธีตายมาหนึ่งอย่าง ไม่ได้คิดจะทำลายที่นี่”

บุรุษผิวคล้ำแดดที่เหมือนชาวนาขมวดคิ้ว น้ำเสียงขรึมเคร่ง

ไม่เห็นเขาเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ทว่าต้นไม้โบราณที่เขียวชอุ่มต้นแล้วต้นเล่าแตกหน่อหยั่งรากขึ้นมาจากความว่างเปล่า กิ่งใบอุดมสมบูรณ์ แผ่ขยายไปยังความว่างเปล่าโดยรอบทั่วสี่ทิศแปดทาง แสงมรรคนับไม่ถ้วนปลิวว่อน

ชั่วพริบตายานลมกรดก็ถูกต้นไม้โบราณต้นนั้นบดบัง ฟ้าดาราละแวกใกล้เคียงล้วนถูกกิ่งก้านเขียวชอุ่มปิดครอบด้วยเช่นกัน

มองจากไกลๆ กลางห้วงฟ้าประหนึ่งปรากฏป่าทึบโบราณแห่งหนึ่งขึ้นมากะทันหัน ใบไม้แต่ละใบล้วนใหญ่กว่าดวงดาว!

และพร้อมกันนั้นชายชาวนาวัยกลางคนจู่ๆ ก็สาวเท้าไปเบื้องหน้า ปล่อยสามหมัดออกมาในพริบตา!

ตูม!

ท่ามกลางการปะทะสะท้านฟ้าดิน ภิกษุเฒ่าตู้คงร่างมืดมิดสั่นเทิ้ม แสงธรรมมืดมิดทั่วฟ้าสลายหายไปทันควัน

ริมฝีปากของเขากระอักเลือด หัวคิ้วขมวดมุ่น ฉายแววตกใจ

หมัดแรกของชายชาวนาวัยกลางคน อานุภาพดั่งกวาดล้างศัตรูให้สิ้นซาก ซัดโจมตีเขาบาดเจ็บ

เคร้ง!

หมัดที่สอง คทาขักขระของภิกษุเฒ่าตู้คงร่างสว่างส่งเสียงครวญรุนแรง เกิดรอยปริแตก

และร่างฌานของเขาสายนี้ ถูกพลังหมัดอันน่าสะพรึงซัดถอยตรงๆ ทุกก้าวที่ถอยไป แสงธรรมสว่างไสวบนตัวก็จะสลายหายไปส่วนหนึ่ง

ยามที่ถอยก้าวที่เก้า แสงสว่างทั่วร่างเขาก็เปลี่ยนเป็นมืดสลัวหาใดเปรียบ ใบหน้าผุดประกายแสงเขียวคล้ำขึ้นมาพักหนึ่ง

หมัดที่สองนี้อานุภาพดุจภูเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัด เข่นฆ่าทั่วหล้า ทนทานไม่ขยับ!

ตูม!

ยามหมัดที่สามซัดออกไป

ร่างฌานสองสายของภิกษุเฒ่าตู้คงต่างหน้าเปลี่ยนสี รวมร่างกันอย่างไม่ลังเลสักนิด ลงมือด้วยกัน สำแดงอภินิหารยิ่งใหญ่

“ประทับลักษณ์มังกรจรัสแสง!”

“วิชาขุมมืดสยบนรก!”

ก็เห็นกลางห้วงอากาศราวกับมีลักษณ์ดึกดำบรรพ์เหยียบฟ้าดารามาเยือน ดวงดาวแตกกระจาย เปล่งแสงสว่างไร้ขอบเขต อึงอลวัฏจักร

พร้อมกันนั้นมีบัวสีดำดอกหนึ่งเบ่งบานอยู่เหนือนรกสีเลือด กลางเกสรกระหน่ำยิงแสงธรรมมหาศาลออกมา!

พูดอย่างไม่เกินจริง หากไม่มีพลังของชายชาวนาป้องกัน ลำพังแค่พลังระดับจักรพรรดิเช่นนี้ก็สามารถซัดระเบิดห้วงอากาศแห่งนี้ ทำให้วัฏจักรจมดิ่ง สรรพชีวิตดับสลายได้แล้ว

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นภิกษุเฒ่าตู้คงก็ไม่สามารถต้านหมัดที่สามนี้ได้

ตูม!

ลักษณ์เทพดึกดำบรรพ คลื่นควันสลายไป

บัวสีดำที่สยบนรกสีเลือดอยู่พลันเหี่ยวเฉาร่วงโรยในพริบตา

และร่างฌานทั้งสองของภิกษุเฒ่าตู้คงก็ถูกพลังหมัดกำราบอย่างหนักหน่วง กระแทกลงกับพื้น ทำเอาเขารับแขกสั่นสะเทือนรุนแรง

ฮูม…

ร่างฌานทั้งสองของเขาพลันหลอมรวมเป็นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าฝืนประคองไม่ไหวแล้ว ใบหน้าชราขาวซีดเผือดสี ถูกกดทับลงกับพื้นแน่นหนา ไร้เรี่ยวแรงขัดขืน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์