หลังจากยานลมกรดเคลื่อนย้ายเข้าไปยังโลกใหญ่หงเหมิงที่มีไอขุ่นมัวอบอวลนั้น มุ่งหน้าไปอีกสองวันก็ค่อยๆ มาถึงในที่สุด
เมืองหลินอัน
เมืองท่าแห่งหนึ่งในโลกใหญ่หงเหมิง เจริญรุ่งเรืองคราคร่ำ มีผู้คนมากมายอยู่อาศัยแน่นขนัด
แต่ละวันล้วนมียานข้ามโลกจากพื้นที่ต่างๆ มากมายมาจอดอยู่นอกเมืองนี้ และก็มียานข้ามโลกนับไม่ถ้วนเคลื่อนยานจากเมืองนี้ไปบนฟ้าดารา
ในโลกใหญ่หงเหมิง เมืองท่าเช่นนี้มีอยู่นับไม่ถ้วน พบเห็นได้ทั่วไป
ตามหลังเสียงกัมปนาท ยานลมกรดลงจอดบนพื้นปฐพี
พริบตานี้หลินสวินสัมผัสได้ถึงพลังกฎเกณฑ์ฟ้าดินอันหนักหน่วงที่ถาโถมเข้าใส่ทันที กลิ่นอายดึกดำบรรพ์พร่ามัวที่แผ่กระจายทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว
รสชาตินั้นก็เหมือนออกมาจากทะเลทรายที่แห้งแล้ง และมาถึงแดนมงคลอันอัศจรรย์งามวิจิตรกะทันหัน ลมหายใจในจมูกปากแต่ละสายล้วนเป็นกลิ่นอายแรกกำเนิดที่บริสุทธิ์
ส่วนจิตใจก็เหมือนถูกกลิ่นอายมหามรรคแทรกซึม มีความรู้สึก ‘ปลอดโปร่งโล่งใจ สบายไปทั้งตัว’
หลินสวินไหวหวั่นทันที
เป็นโลกที่วิเศษผิดธรรมดานัก!
ด้วยพลังปราณระดับมกุฎราชันอริยะของเขาในตอนนี้ ชั่วพริบตาก็ชี้ชัดได้แล้วว่าหากฝึกปราณอยู่ที่นี่ จะเทียบได้กับการฝึกปราณในถ้ำสวรรค์แดนมงคลชั้นหนึ่งของดินแดนรกร้างโบราณ
แต่ต้องรู้ว่านี่เป็นแค่นอกเมืองแห่งหนึ่งของโลกใหญ่หงเหมิงเท่านั้น ไม่ใช่ถ้ำสวรรค์แดนมงคลอะไรเลย!
‘ไม่แปลกที่ผู้ฝึกปราณบนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้จะมองโลกใหญ่หงเหมิงเป็นแดนฝึกปราณศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่… ไม่ธรรมดาเกินไปแล้วจริงๆ’
หลินสวินทอดถอนใจอยู่ภายในใจ
ตั้งแต่ฝึกปราณจนถึงตอนนี้เขาเคยไปมาไม่รู้กี่ที่ แต่สถานที่ซึ่งเปรียบเทียบกับโลกใหญ่หงเหมิงได้นั้นแทบไม่มี!
กฎเกณฑ์ฟ้าดินของที่นี่แผ่กลิ่นอายดั้งเดิมออกมา ประสานเข้ากับมรรคและเหมาะกับการฝึกปราณที่สุด
บนยานลมกรด ผู้โดยสารแห่กันลงมาราวกระแสน้ำ ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ล้วนเผยสีหน้าตื่นเต้นยินดี เฝ้ารอและอยากรู้อยากเห็น
พวกเขาก็มาที่โลกใหญ่หงเหมิงเป็นครั้งแรกเช่นกัน ทะยานผ่านฟ้าดารานานครึ่งปี ในที่สุดก็มาถึงดินแดนอันอุดมสมบูรณ์สำหรับการฝึกปราณที่อัศจรรย์ผืนนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าต้องตื่นเต้นเพียงใด
“ผู้อาวุโสอวี่เสวียน ข้ากับอาจารย์ตั้งใจจะมุ่งหน้าไปแดนพิสุทธิ์กัมปนาททันที”
เสียงของหลิ่วชิงเยียนนุ่มนวลไพเราะ นางมาเพื่อบอกลาหลินสวิน
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ ยิ้มกล่าว “ไปเถอะ ต่อไปพวกเราต้องมีโอกาสได้พบกันแน่”
ตอนอยู่บนยานลมกรด เขามอบป้ายคำสั่งอักษร ‘เสวียน’ นั้นให้หลิ่วชิงเยียนแล้ว หากไม่ผิดคาด หลิ่วชิงเยียนต้องสามารถเข้าไปฝึกปราณในแดนพิสุทธิ์กัมปนาทได้แน่
“ผู้อาวุโสอวี่เสวียน ข้าขอถามท่านเรื่องหนึ่งได้ไหม”
หลิ่วชิงเยียนสูดหายใจลึก นัยน์ตาใสดั่งวารีจ้องมองหลินสวิน
หลินสวินยิ้มขื่นอยู่ในใจ เขาไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหลิ่วชิงเยียนจะถามอะไร
เขาก้มมองหญิงงามแห่งยุคที่ประหนึ่งก้าวออกมาจากภาพวาดที่อยู่ตรงหน้า กล่าวอย่างจริงจัง “แม่นางชิงเยียน รอพบกันครั้งหน้า ไม่ว่าเจ้าจะถามเรื่องอะไร ข้ารับรองว่าจะบอกเจ้าตามความจริงทั้งหมด”
หลิ่วชิงเยียนอึ้งไป ส่วนลึกของนัยน์ตาฉายแววขุ่นข้อง ทอดถอนใจกล่าว “ก็ได้ เช่นนั้น… วันหน้าจะได้พบกันอีกไหม”
เดิมทีนางก็งดงามแต่กำเนิด ดูพริ้งเพราสะอาดตา นุ่มนวลดั่งดอกกล้วยไม้ ทว่ายามพูดจาเวลานี้สีหน้ากลับเจือความผิดหวังและหดหู่เสี้ยวหนึ่ง ท่าทางน่าสงสารนั้นทำให้หลินสวินรู้สึกว่าอยากบอกฐานะของตัวเองกับอีกฝ่าย
แต่สุดท้ายเขายังอดกลั้นไว้ ยิ้มพลางพยักหน้า “แล้วพบกันอีกวันหน้า”
หลิ่วชิงเยียนกล่าวอืมออกมาคำหนึ่ง ก้าวลงจากยานลมกรดไปพร้อมกับจวงอวิ้นจื้ออาจารย์ของนาง
มองส่งนางค่อยๆ ห่างไป หลินสวินอดถอนใจกลางทรวงไม่ได้ จากกันครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้พบฝ่ายตรงข้ามอีกเมื่อไหร่
สิ่งที่หลินสวินไม่ได้สังเกตเห็นคือยามจากยานลมกรดไป มุมปากของหลิ่วชิงเยียนพลันโค้งเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
‘พี่หลินหนอพี่หลิน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ท่านพูดถึงขลุ่ยวิญญาณโบราณ ข้าก็เดาฐานะของท่านได้แล้ว…’
นางรำพันในใจ
หกปีก่อนแหล่งสถานคุนหลุนมีข่าวใหญ่แพร่ออกมา ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่าหลินสวินก็ชื่อเสียงสะเทือนทางเดินโบราณฟ้าดาราด้วยเหตุนี้ ชักนำให้ใต้หล้าปั่นป่วน
และตั้งแต่นั้นมาหลินสวินก็กลายเป็นศัตรูที่ขุมอำนาจใหญ่มากมายประกาศจับ ใต้หล้านี้มีผู้คนมองเขาเป็นเหยื่อไม่รู้เท่าไหร่ อยากได้ศุภโชคบนตัวเขาจนน้ำลายหก
แน่นอนว่าหลิ่วชิงเยียนก็รู้เรื่องนี้ดี
ดังนั้นนางจึงเข้าใจว่าเหตุใดหลินสวินต้องปิดบังฐานะ ทำเป็นไม่รู้จักนาง
‘เปลี่ยนเป็นคนอื่น คงไม่มีทางปกป้องข้าอย่างท่านแน่…’
นึกถึงตรงนี้นางหันกลับไปอย่างอดไม่ได้ ห่างออกไปยังเห็นเงาร่างสูงตระหง่านร่างนั้นยืนทอดสายตามองส่งตน
นางอดไม่ได้ที่จะโบกมือ บนใบหน้างามโดดเด่นเผยรอยยิ้มสดใส
ในใจกำลังพูดว่า ‘ขอบคุณที่คุ้มกันมาตลอดทาง คุณชายหลิน’
…
“พวกเราก็ไปกันเถอะ”
หลินสวินพูดพลางเดินออกจากยานลมกรดไป
ข้างๆ กัน จินเทียนเสวียนเยวี่ยในชุดขาวดุจหิมะ ท่าทางสง่างาม ก้าวตามจังหวะฝีเท้าของหลินสวินไป
มองส่งพวกเขาจากไป คนใหญ่คนโตทั้งหมดของหอเสียงสวรรค์รวมถึงเหลียงชวนต่างรู้สึกผ่อนคลายเหมือนยกภูเขาออกจากอก
ในที่สุดก็ส่งนายท่านคนนี้ออกไปได้แล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์