ก่อนที่หลินสวินจะมาตลาดมืดใต้ดิน แม้ดูเหมือนว่าเดินเที่ยวเตร่ในเมืองหลินอัน แต่ความจริงได้สืบราคาของสมบัติต่างๆ ที่จะขายมาก่อนแล้ว
ราคาที่ชายชราผมขาวแจ้งออกมา ดูเหมือนว่าใกล้เคียงสิบล้านผลึกมรรค เรียกได้ว่าเป็นทรัพย์มหาศาลที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ความจริงแล้วจากการคำนวณของหลินสวินเอง ต่อให้คิดตามราคาตลาดเก้าส่วน อย่างน้อยสมบัติพวกนี้ของตนก็ต้องอยู่ที่สิบแปดล้านผลึกมรรค!
แทบขาดไปเท่าหนึ่งจากเก้าล้านกว่าผลึกมรรคที่ชายชราผมขาวแจ้งมา!
เท่านี้ก็ดูออกแล้วว่าเจ้าเฒ่านี่มากแผนการแค่ไหน
และตอนนี้ฮูหยินเยี่ยนนั่นยังทอดถอนใจด้วยสีหน้าตื่นตะลึง “เก้าล้านกว่าผลึกมรรค ในตลาดมืดใต้ดินแห่งเมืองหลินอันของพวกเรา เรียกได้ว่าเป็นการซื้อขายขนาดใหญ่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบพันปีมานี้”
ชายกลางคนชุดดำก็ทอดถอนใจ จากนั้นจึงเผยสีหน้าลำบากใจกล่าว
“สหายยุทธ์ หากเจ้าพอใจราคานี้ เรือนเร้นหมอกของข้าก็รับสินค้าพวกนี้ไว้ได้ แต่กลับต้องการเวลารวบรวมผลึกมรรคช่วงหนึ่ง มิสู้พวกเราให้เจ้าก่อนสามล้านผลึกมรรค ผลึกมรรคที่เหลือค่อยให้เจ้าเดือนละหนึ่งล้านผลึกมรรคเป็นอย่างไร”
เห็นดังนี้ในใจหลินสวินพลันขบขัน เจ้าสวะพวกนี้มองว่าตนเป็นแกะอ้วนรอโดนเชือดจริงหรือ
ยังจะขอแบ่งจ่ายผลึกมรรค หากตนรับปากเข้าจริงๆ อีกฝ่ายต้องไม่ยอมจ่ายแน่!
“ทุกท่านไม่ต้องแสดงละครแล้ว ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีความจริงใจ เช่นนั้นการซื้อขายนี้ก็ไม่ต้องทำ”
หลินสวินพูดพลางจะเก็บสมบัติพวกนี้ไป
“ช้าก่อน!”
ชายกลางคนชุดดำสีหน้าขรึมทันที กล่าวอย่างน่าเกรงขาม “สหายยุทธ์ ของที่ปล้นชิงมาพวกนี้ของเจ้าเกี่ยวข้องกับสำนักโบราณไม่น้อย หากเปิดเผยไปคงเป็นผลเสียกับเจ้ามาก”
น้ำเสียงเจือความข่มขู่เข้มข้น
หลินสวินเลิกคิ้วกล่าว “เรือนเร้นหมอกทำการค้าเช่นนี้หรือ หากเป็นเช่นนั้นมิใช่ว่าจะทำให้คนในใต้หล้ารู้สึกไม่ดีหรือ”
ฮูหยินเยี่ยนหัวเราะครืนขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ “สหายยุทธ์ เดิมทีทุกเรื่องที่ตลาดมืดใต้ดินนี้ก็ไม่ถูกต้อง คนในใต้หล้ารู้สึกไม่ดีไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา แต่หากของที่เจ้าปล้นชิงมาพวกนี้… ถูกพวกเราแพร่งพรายออกไป สหายยุทธ์เกรงว่าเจ้าคงเอาตัวไม่รอด!”
ชายชราผมขาวกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “ฉวยโอกาสนี้บอกสหายยุทธ์สักประโยค กฎเกณฑ์ของตลาดมืดใต้ดินนี้ง่ายมาก นั่นก็คือ… เรือนเร้นหมอกของข้าพูดว่าอะไรก็ต้องว่าตามนั้น”
หลินสวินยิ้มขึ้นมา สถานการณ์นี้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง มหาอริยะคนหนึ่ง อริยะแท้สองคน ถึงกับข่มขู่ตนซึ่งเป็นมกุฎราชันอริยะด้วยท่าทีไม่เกรงกลัวสิ่งใด
“ทุกท่านไม่ห่วงว่าของที่กินไม่ได้จะทำให้ตนสำลักตายหรือ”
หลินสวินเอ่ยปากเนิบนาบ
พวกชายกลางคนชุดดำต่างสบตากันวูบหนึ่ง ล้วนอดหัวเราะไม่ได้แล้ว
“สหายยุทธ์ ดูออกว่าเจ้ามั่นใจในพลังของตนมาก แต่ที่นี่คืออาณาเขตของเรือนเร้นหมอก การค้านี้ต่อให้เจ้าไม่ยินยอมก็ต้องตกปากรับคำ”
ชายกลางคนชุดดำพูดพลางดีดนิ้ว
ตึง!
จานกระบวนบนโต๊ะตรงหน้าเขาส่งเสียงครวญคร่ำ
ทันใดนั้นกระบวนผนึกทบชั้นที่ปกคลุมอยู่ในเรือนใหญ่หลังนี้ก็ถูกโคจรในพริบตา วายุอสนีบาตดังกึกก้อง น้ำกับไฟปะทุพล่านทันที
กระบวนค่ายกลลายมรรคแน่นหนาเข้าปกคลุมหลินสวินที่อยู่กลางโถงใหญ่อย่างสมบูรณ์
“น่าเสียดาย ผู้ค้ารายใหญ่เช่นนี้ไม่ได้เจอกันง่ายๆ”
ฮูหยินเยี่ยนยิ้มหวานกล่าว
“สิ่งที่ข้าใส่ใจคือสมบัติพวกนี้มากกว่า”
ชายชราผมขาวแววตาเร่าร้อน เจือความละโมบเหลือคณา “มีสมบัติพวกนี้แล้ว ข้ามีหรือจะต้องกังวลว่าจะก้าวสู่ระดับมหาอริยะไม่ได้”
ชายกลางคนชุดดำก็หัวเราะขึ้นมา “ข้าก็คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะจับปลาตัวใหญ่ได้ โอกาสนี้พบเห็นได้ไม่มากนัก หากเป็นคนทั่วไปข้าคงคร้านจะลงมือ”
แต่ยามนี้รอยยิ้มของเขากลับพลันชะงักค้าง ลูกตาแทบถลนออกมา สีหน้ายากจะเชื่อ
“หัวหน้า ท่านว่าสมบัติพวกนี้พวกเราจะแบ่งกันอย่างไร ต้องไปเรียน ‘ผู้เฒ่าเฮ่อ’ หน่อยหรือไม่ ถึงอย่างไรตลาดมืดใต้ดินที่เมืองหลินอันยามนี้ก็มีผู้อาวุโสอย่างเขาคอยดูแล”
น้ำเสียงของฮูหยินเยี่ยนทรงเสน่ห์
“เรื่องแบ่งของโจรรู้แค่พวกเราสามคนก็พอแล้ว หากผู้เฒ่าเฮ่อรู้ต้องด่าว่าพวกเราทำผิดกฎแน่”
ชายชราผมขาวกล่าวเสียงขรึม
“หัวหน้า?”
ฮูหยินเยี่ยนเพิ่งหมายจะพูดอะไร ก็พลันสังเกตเห็นว่าชายกลางคนชุดดำสีหน้าไม่ชอบมาพากล พอหันกลับไปมองก็สั่นไปทั้งตัวทันที เผยสีหน้าตกใจ
“หืม?”
เกือบจะเวลาเดียวกัน นัยน์ตาของชายชราผมขาวก็หดรัด
ก็เห็นว่าในกระบวนผนึกที่ทบเป็นชั้นๆ นั้นมีเงาร่างหนึ่งก้าวออกมาอย่างแผ่วเบา ประหนึ่งเดินเล่นบนทางราบ ทั้งตัวไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
นี่เป็นไปได้อย่างไร
ทั้งสามคนหวาดหวั่นขึ้นมาพร้อมกัน ต้องรู้ว่ากระบวนผนึกที่ปกคลุมเรือนใหญ่นี้เป็นสิ่งที่ปฐมาจารย์สลักลายมรรคคนหนึ่งเสียเวลาวางอยู่หลายปี ความแข็งแกร่งของอานุภาพสามารถกำจัดมกุฎมหาอริยะได้!
หรือว่า…
พลังปราณของอีกฝ่ายจะร้ายกาจกว่ามกุฎมหาอริยะ
นึกถึงตรงนี้พวกชายกลางคนชุดดำก็หน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน มือเท้าพลันเย็นเยียบ
“ข้ามาทำการค้าขาย แต่พวกเจ้ากลับคิดฆ่าคนชิงทรัพย์ เรือนเร้นหมอก… จะไม่ใส่ใจกันเกินไปแล้วกระมัง”
แววตาหลินสวินล้ำลึก
ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในเรือนใหญ่หลังนี้ เขาก็สังเกตเห็นพลังของกระบวนผนึกพวกนั้นแล้ว แต่ด้วยระดับความรู้อันลึกซึ้งด้านลายมรรคของเขา ไหนเลยจะใส่ใจเรื่องพวกนี้
สิ่งที่น่าขันคือพวกหน้าโง่นี่มองว่ากระบวนผนึกพวกนี้เป็นไพ่ตาย
“สหายยุทธ์ ก่อนหน้านี้พวกข้าแค่ลองหยั่งเชิงเท่านั้น ตอนนี้เจ้าได้รับการยอมรับจากเรือนเร้นหมอกของพวกเราแล้ว มีสิทธิ์ที่จะทำการซื้อขายกับพวกเราแล้ว”
ชายกลางคนชุดดำสูดหายใจลึก ฝืนยิ้มกระด้างออกมา
“ใช่แล้ว”
ฮูหยินเยี่ยนก็รีบร้อนพยักหน้า
“กลัวเขาไปทำไม ผู้เฒ่าเฮ่อยังดูแลอยู่ที่นี่ หากเขาแข็งแกร่งพอจริงๆ ทำไมยังชักช้าไม่กล้าลงมือ”
ชายชราผมขาวแค่นเสียงเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์