ตอน ตอนที่ 1855 ร่มโลหิต ชุดเขียว แปลกประหลาด จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 1855 ร่มโลหิต ชุดเขียว แปลกประหลาด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ก่อนที่หลินสวินจะมาตลาดมืดใต้ดิน แม้ดูเหมือนว่าเดินเที่ยวเตร่ในเมืองหลินอัน แต่ความจริงได้สืบราคาของสมบัติต่างๆ ที่จะขายมาก่อนแล้ว
ราคาที่ชายชราผมขาวแจ้งออกมา ดูเหมือนว่าใกล้เคียงสิบล้านผลึกมรรค เรียกได้ว่าเป็นทรัพย์มหาศาลที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ความจริงแล้วจากการคำนวณของหลินสวินเอง ต่อให้คิดตามราคาตลาดเก้าส่วน อย่างน้อยสมบัติพวกนี้ของตนก็ต้องอยู่ที่สิบแปดล้านผลึกมรรค!
แทบขาดไปเท่าหนึ่งจากเก้าล้านกว่าผลึกมรรคที่ชายชราผมขาวแจ้งมา!
เท่านี้ก็ดูออกแล้วว่าเจ้าเฒ่านี่มากแผนการแค่ไหน
และตอนนี้ฮูหยินเยี่ยนนั่นยังทอดถอนใจด้วยสีหน้าตื่นตะลึง “เก้าล้านกว่าผลึกมรรค ในตลาดมืดใต้ดินแห่งเมืองหลินอันของพวกเรา เรียกได้ว่าเป็นการซื้อขายขนาดใหญ่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบพันปีมานี้”
ชายกลางคนชุดดำก็ทอดถอนใจ จากนั้นจึงเผยสีหน้าลำบากใจกล่าว
“สหายยุทธ์ หากเจ้าพอใจราคานี้ เรือนเร้นหมอกของข้าก็รับสินค้าพวกนี้ไว้ได้ แต่กลับต้องการเวลารวบรวมผลึกมรรคช่วงหนึ่ง มิสู้พวกเราให้เจ้าก่อนสามล้านผลึกมรรค ผลึกมรรคที่เหลือค่อยให้เจ้าเดือนละหนึ่งล้านผลึกมรรคเป็นอย่างไร”
เห็นดังนี้ในใจหลินสวินพลันขบขัน เจ้าสวะพวกนี้มองว่าตนเป็นแกะอ้วนรอโดนเชือดจริงหรือ
ยังจะขอแบ่งจ่ายผลึกมรรค หากตนรับปากเข้าจริงๆ อีกฝ่ายต้องไม่ยอมจ่ายแน่!
“ทุกท่านไม่ต้องแสดงละครแล้ว ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีความจริงใจ เช่นนั้นการซื้อขายนี้ก็ไม่ต้องทำ”
หลินสวินพูดพลางจะเก็บสมบัติพวกนี้ไป
“ช้าก่อน!”
ชายกลางคนชุดดำสีหน้าขรึมทันที กล่าวอย่างน่าเกรงขาม “สหายยุทธ์ ของที่ปล้นชิงมาพวกนี้ของเจ้าเกี่ยวข้องกับสำนักโบราณไม่น้อย หากเปิดเผยไปคงเป็นผลเสียกับเจ้ามาก”
น้ำเสียงเจือความข่มขู่เข้มข้น
หลินสวินเลิกคิ้วกล่าว “เรือนเร้นหมอกทำการค้าเช่นนี้หรือ หากเป็นเช่นนั้นมิใช่ว่าจะทำให้คนในใต้หล้ารู้สึกไม่ดีหรือ”
ฮูหยินเยี่ยนหัวเราะครืนขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ “สหายยุทธ์ เดิมทีทุกเรื่องที่ตลาดมืดใต้ดินนี้ก็ไม่ถูกต้อง คนในใต้หล้ารู้สึกไม่ดีไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา แต่หากของที่เจ้าปล้นชิงมาพวกนี้… ถูกพวกเราแพร่งพรายออกไป สหายยุทธ์เกรงว่าเจ้าคงเอาตัวไม่รอด!”
ชายชราผมขาวกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “ฉวยโอกาสนี้บอกสหายยุทธ์สักประโยค กฎเกณฑ์ของตลาดมืดใต้ดินนี้ง่ายมาก นั่นก็คือ… เรือนเร้นหมอกของข้าพูดว่าอะไรก็ต้องว่าตามนั้น”
หลินสวินยิ้มขึ้นมา สถานการณ์นี้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง มหาอริยะคนหนึ่ง อริยะแท้สองคน ถึงกับข่มขู่ตนซึ่งเป็นมกุฎราชันอริยะด้วยท่าทีไม่เกรงกลัวสิ่งใด
“ทุกท่านไม่ห่วงว่าของที่กินไม่ได้จะทำให้ตนสำลักตายหรือ”
หลินสวินเอ่ยปากเนิบนาบ
พวกชายกลางคนชุดดำต่างสบตากันวูบหนึ่ง ล้วนอดหัวเราะไม่ได้แล้ว
“สหายยุทธ์ ดูออกว่าเจ้ามั่นใจในพลังของตนมาก แต่ที่นี่คืออาณาเขตของเรือนเร้นหมอก การค้านี้ต่อให้เจ้าไม่ยินยอมก็ต้องตกปากรับคำ”
ชายกลางคนชุดดำพูดพลางดีดนิ้ว
ตึง!
จานกระบวนบนโต๊ะตรงหน้าเขาส่งเสียงครวญคร่ำ
ทันใดนั้นกระบวนผนึกทบชั้นที่ปกคลุมอยู่ในเรือนใหญ่หลังนี้ก็ถูกโคจรในพริบตา วายุอสนีบาตดังกึกก้อง น้ำกับไฟปะทุพล่านทันที
กระบวนค่ายกลลายมรรคแน่นหนาเข้าปกคลุมหลินสวินที่อยู่กลางโถงใหญ่อย่างสมบูรณ์
“น่าเสียดาย ผู้ค้ารายใหญ่เช่นนี้ไม่ได้เจอกันง่ายๆ”
ฮูหยินเยี่ยนยิ้มหวานกล่าว
“สิ่งที่ข้าใส่ใจคือสมบัติพวกนี้มากกว่า”
ชายชราผมขาวแววตาเร่าร้อน เจือความละโมบเหลือคณา “มีสมบัติพวกนี้แล้ว ข้ามีหรือจะต้องกังวลว่าจะก้าวสู่ระดับมหาอริยะไม่ได้”
ชายกลางคนชุดดำก็หัวเราะขึ้นมา “ข้าก็คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะจับปลาตัวใหญ่ได้ โอกาสนี้พบเห็นได้ไม่มากนัก หากเป็นคนทั่วไปข้าคงคร้านจะลงมือ”
แต่ยามนี้รอยยิ้มของเขากลับพลันชะงักค้าง ลูกตาแทบถลนออกมา สีหน้ายากจะเชื่อ
“หัวหน้า ท่านว่าสมบัติพวกนี้พวกเราจะแบ่งกันอย่างไร ต้องไปเรียน ‘ผู้เฒ่าเฮ่อ’ หน่อยหรือไม่ ถึงอย่างไรตลาดมืดใต้ดินที่เมืองหลินอันยามนี้ก็มีผู้อาวุโสอย่างเขาคอยดูแล”
น้ำเสียงของฮูหยินเยี่ยนทรงเสน่ห์
“เรื่องแบ่งของโจรรู้แค่พวกเราสามคนก็พอแล้ว หากผู้เฒ่าเฮ่อรู้ต้องด่าว่าพวกเราทำผิดกฎแน่”
ชายชราผมขาวกล่าวเสียงขรึม
“หัวหน้า?”
ฮูหยินเยี่ยนเพิ่งหมายจะพูดอะไร ก็พลันสังเกตเห็นว่าชายกลางคนชุดดำสีหน้าไม่ชอบมาพากล พอหันกลับไปมองก็สั่นไปทั้งตัวทันที เผยสีหน้าตกใจ
“หืม?”
เกือบจะเวลาเดียวกัน นัยน์ตาของชายชราผมขาวก็หดรัด
ก็เห็นว่าในกระบวนผนึกที่ทบเป็นชั้นๆ นั้นมีเงาร่างหนึ่งก้าวออกมาอย่างแผ่วเบา ประหนึ่งเดินเล่นบนทางราบ ทั้งตัวไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
นี่เป็นไปได้อย่างไร
ทั้งสามคนหวาดหวั่นขึ้นมาพร้อมกัน ต้องรู้ว่ากระบวนผนึกที่ปกคลุมเรือนใหญ่นี้เป็นสิ่งที่ปฐมาจารย์สลักลายมรรคคนหนึ่งเสียเวลาวางอยู่หลายปี ความแข็งแกร่งของอานุภาพสามารถกำจัดมกุฎมหาอริยะได้!
หรือว่า…
พลังปราณของอีกฝ่ายจะร้ายกาจกว่ามกุฎมหาอริยะ
นึกถึงตรงนี้พวกชายกลางคนชุดดำก็หน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน มือเท้าพลันเย็นเยียบ
“ข้ามาทำการค้าขาย แต่พวกเจ้ากลับคิดฆ่าคนชิงทรัพย์ เรือนเร้นหมอก… จะไม่ใส่ใจกันเกินไปแล้วกระมัง”
แววตาหลินสวินล้ำลึก
ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในเรือนใหญ่หลังนี้ เขาก็สังเกตเห็นพลังของกระบวนผนึกพวกนั้นแล้ว แต่ด้วยระดับความรู้อันลึกซึ้งด้านลายมรรคของเขา ไหนเลยจะใส่ใจเรื่องพวกนี้
สิ่งที่น่าขันคือพวกหน้าโง่นี่มองว่ากระบวนผนึกพวกนี้เป็นไพ่ตาย
“สหายยุทธ์ ก่อนหน้านี้พวกข้าแค่ลองหยั่งเชิงเท่านั้น ตอนนี้เจ้าได้รับการยอมรับจากเรือนเร้นหมอกของพวกเราแล้ว มีสิทธิ์ที่จะทำการซื้อขายกับพวกเราแล้ว”
ชายกลางคนชุดดำสูดหายใจลึก ฝืนยิ้มกระด้างออกมา
“ใช่แล้ว”
ฮูหยินเยี่ยนก็รีบร้อนพยักหน้า
“กลัวเขาไปทำไม ผู้เฒ่าเฮ่อยังดูแลอยู่ที่นี่ หากเขาแข็งแกร่งพอจริงๆ ทำไมยังชักช้าไม่กล้าลงมือ”
ชายชราผมขาวแค่นเสียงเย็นชา
ชายชราแคระลอบโล่งอก กล่าวว่า “สหายยุทธ์ ยามผู้น้อยมาที่นี่ บุคคลสำคัญคนหนึ่งแห่งเรือนเร้นหมอกของข้าก็อยู่ด้วย และเจาะจงกำชับเป็นพิเศษ หวังว่าจะได้เจอสหายยุทธ์เพื่อขออภัยต่อหน้าสักครั้ง”
หลินสวินคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “คงไม่ได้มุ่งเป้าจะฆ่าข้าอีกกระมัง”
ชายชราแคระเผยรอยยิ้มขื่น “สหายยุทธ์วิชาสูงส่งแกร่งกล้า ลึกล้ำยากหยั่งถึง เรือนเร้นหมอกของข้ามีหรือจะกล้าล่วงเกินแขกผู้มีเกียรติอย่างท่าน”
“แล้วนางล่ะ”
หลินสวินชี้ฮูหยินเยี่ยนที่ทรุดอยู่กับพื้น
นัยน์ตาของชายชราแคระฉายแววเยียบเย็น “สหายยุทธ์วางใจ ก่อนที่ท่านจะจากไป ผู้น้อยจะจัดการให้ท่านอย่างแน่นอน”
ฮูหยินเยี่ยนนิ่งงันไปชั่วขณะ สั่นไปทั้งร่าง อย่ามองว่า ‘ผู้เฒ่าเฮ่อ’ คนนี้ไม่สะดุดตาเหมือนคนแคระ แต่กลับเป็นบุคคลร้ายกาจที่เหี้ยมโหดอำมหิตคนหนึ่ง เมื่อถูกเขาลงโทษไม่ตายก็ต้องถูกถลกหนัง!
นึกถึงตรงนี้ฮูหยินเยี่ยนตกใจจนขาสั่น อกสั่นขวัญหาย
“สหายยุทธ์ เชิญ”
ผู้อาวุโสแคระยิ้มพลางประสานมือ
หลินสวินพยักหน้า
ตลาดมืดใต้ดินที่ตั้งอยู่ในเมืองหลินอันแห่งนี้ก็เหมือนโลกใบเล็กใบหนึ่ง มีตำหนักเก่าแก่สีดำสนิทหลังหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง
หน้าตำหนักมีเงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งยืนอยู่อย่างสันโดษ
สวมชุดกระโปรงสีเขียว ผมยาวสีหมึกทั้งศีรษะแผ่แสงราตรีนิรันดร์ นิ้วเรียวยาวที่ขาวดุจหิมะถือร่มโลหิตคันหนึ่งไว้
ตัวร่มและด้ามร่มเสมือนเคยอาบอยู่ในโลหิต แดงจนบาดตา
ชุดเขียว ผมดำ ร่มโลหิต รวมถึงตำหนักสีดำข้างหลังนั่น กลายเป็นภาพโครงร่างที่แปลกประหลาดงามตระการ
เมื่อเห็นภาพนี้จากไกลๆ นัยน์ตาหลินสวินก็หดรัดเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกประหลาดที่ชวนระทึกขวัญอย่างหนึ่ง
เวลานี้ชายชราแคระเผยสีหน้ายำเกรงวูบหนึ่ง กล่าวด้วยวิธีพูดที่ใกล้เคียงเลื่อมใสศรัทธา “คุณหนู แขกคนสำคัญมาแล้วขอรับ”
“เจ้าถอยไปเถอะ”
หน้าตำหนักสีดำ หญิงชุดเขียวที่ถือร่มโลหิตกล่าว ในน้ำเสียงอ่อนหวานเจือแรงดึงดูดเฉพาะตัว ราวกับวิญญาณเทพที่หลับใหลอยู่ในความมืดกำลังละเมอครวญ
ชายชราแคระโค้งคำนับอย่างนอบน้อมแล้วถอยไปอย่างเงียบเชียบ
“ข้าน้อยชิงอิง คารวะคุณชาย เกี่ยวกับเรื่องก่อนหน้านี้ทำให้ข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนัก หวังด้วยใจจริงว่าจะสามารถชดเชยให้คุณชายได้บางส่วน”
หญิงชุดเขียวกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา ระหว่างนิ้วมือที่ขาวดุจหิมะของนาง ร่มโลหิตสีแดงชาดอบอวลด้วยพลังซ่อนเร้นที่ลึกลับ บดบังหน้าตาของนางไว้ มองเห็นเพียงนัยน์ตาใสสะอาดล้ำลึกที่เหมือนหินอัคนีดำเป็นระยะๆ
“ไม่จำเป็นต้องชดเชยแล้ว”
หลินสวินส่ายหัว ด้วยสายตาและพลังปราณของเขาตอนนี้ ถึงกับมองพลังปราณของหญิงชุดเขียวคนนี้ไม่ออก นี่ทำให้ในใจเขาเครียดขมึงอย่างอดไม่ได้
อันที่จริงจากท่าทีของชายชราแคระเมื่อครู่นั้นก็ทำให้เขาตระหนักได้ว่า หญิงที่ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายประหลาดและลึกลับนี่ฐานะต้องไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง!
เพียงแต่นางอยากพบตนแค่เพื่อขอโทษจริงหรือ
………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์