หน้าเรือนสีดำ ร่มโลหิตเหมือนฝาปิด ใต้ร่มชุดเขียวทรงสง่า เส้นผมดุจสีหมึกพลิ้วไหว
“การชดเชยจำเป็นต้องชดใช้ สมบัติที่คุณชายจะขายก่อนหน้านี้ เรือนเร้นหมอกของข้าจะรับไว้ด้วยราคาตลาดของโลกภายนอกทั้งหมด”
เสียงของหญิงที่เรียกตัวเองว่าชิงอิงอ่อนหวานดึงดูด นางพูดพลางพลิกมือที่ขาวกระจ่างดุจหิมะ ป้ายหยกสีม่วงป้ายหนึ่งปรากฏออกมา
“ทั้งภายหน้าขอเพียงคุณชายถือของสิ่งนี้มา ยามค้าขายกับเรือนเร้นหมอกของข้า สมบัติทั้งหมดจะยึดตามราคาตลาดเก้าส่วน”
ฟุ่บ!
ป้ายหยกสีม่วงกลายเป็นแสงสายหนึ่ง แหวกอากาศมาปรากฏอยู่ข้างหน้าหลินสวิน
ป้ายหยกมีขนาดเท่าฝ่ามือ แวววาวสว่างกระจ่าง ด้านบนมีหมอกเมฆสีม่วงอบอวล แปลงเป็นคำว่าเร้นหมอกสองคำ
หลินสวินใคร่ครวญเล็กน้อยก็รับของสิ่งนี้มาพลางกล่าว “ขอบคุณมาก”
จากนั้นหลินสวินก็ลาจากไป
ชิงอิงไม่ปฏิเสธ มองส่งเงาร่างเขาจนค่อยๆ หายไป
ใต้ร่มโลหิตที่แดงสดดุจอัคคี บนใบหน้าที่มองเห็นเป็นระยะๆ เผยแววใคร่ครวญวูบหนึ่ง
ชายชราที่เหมือนคนแคระปรากฏตัวโดยไร้สุ้มเสียง กล่าวอย่างนอบน้อม “คุณหนู”
“คุณชายคนนั้นจากไปแล้วหรือ”
“ขอรับ”
“ฮูหยินเยี่ยนล่ะ”
“คุณหนูโปรดชี้แนะ”
“จุดจบของคนที่ไม่ทำตามกฎ เจ้าไม่เข้าใจหรือ”
ชายชราแคระเหงื่อออกเต็มหน้าทันที “ผู้น้อยเข้าใจแล้ว”
ชิงอิงหันหลังกลับ ชุดกระโปรงเขียวพลิ้วไหว นางถือร่มโลหิตเดินเข้าไปในเรือนสีดำนั่น
“ภายในหนึ่งเค่อ ข้าต้องการข้อมูลทั้งหมดของคุณชายคนนั้น”
เสียงที่อ่อนหวานก้องอยู่กลางอากาศ แต่ตัวนางได้หายไปแล้ว
ชายชราแคระเหมือนยกภูเขาออกจากอก เช็ดเหงื่อที่ซึมเต็มหน้าผาก
ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลเรือนเร้นหมอกแห่งเมืองหลินอัน ชายชราแคระก็เหมือนนายเหนือหัวของตลาดมืดใต้ดินแห่งนี้ สามารถเข่นฆ่าได้ตามใจ มีอำนาจล้นฟ้า
บุคคลระดับมหาอริยะทั่วไปล้วนไม่ถูกเขาเห็นอยู่ในสายตา!
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชิงอิง เขากลับดูต่ำต้อยและถ่อมตนเช่นนั้น ไม่กล้าไม่เคารพใดๆ อย่างสิ้นเชิง
ก็มีแค่เขาที่รู้ดีที่สุด ว่าสถานะของคุณหนูชิงอิงในเรือนเร้นหมอกโดดเด่นและสูงส่งระดับใด!
‘ฮูหยินเยี่ยน อย่าหาว่าข้าไร้น้ำใจเลย ข้าแค่ทำตามคำสั่ง…’
ชายชราแคระทอดถอนใจ หันหลังจากไป
ไม่ถึงหนึ่งเค่อ
ชายชราแคระปรากฏตัวอยู่หน้าเรือนสีดำอีกครั้ง
“คุณหนู สืบข่าวได้แล้วขอรับ”
เขากล่าวด้วยความเคารพ
ประตูใหญ่ของเรือนเปิดออกโดยไร้สุ้มเสียง ในเรือนใหญ่หมอกควันอบอวล เงาร่างทรงสง่าสีเขียวร่างหนึ่งนั่งสันโดษอยู่ในนั้น ร่มโลหิตคันนั้นลอยบนห้วงอากาศเหนือกายนางอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง
“คนผู้นี้ชื่อว่าอวี่เสวียน เมื่อวานนั่ง ‘ยานลมกรด’ ของหอเสียงสวรรค์แห่งเขตแดนดาราจื่อเหิงมาถึงเมืองหลินอัน ผู้น้อยจับตัวผู้โดยสารที่อยู่บนยานลมกรดได้คนหนึ่ง เมื่อไต่สวนสักพักก็พบสิ่งน่าสงสัยบางส่วน”
ชายชราแคระพูดพลางหยิบม้วนหยกม้วนหนึ่งออกมา โค้งตัวส่งมอบให้
ในม้วนหยกบันทึกเรื่องทุกอย่างของหลินสวิน ตั้งแต่ขึ้นยานลมกรดจนถึงเรื่องที่ทำทั้งหมดในภายหลังอย่างละเอียด
เช่นการทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันของหลิ่วชิงเยียน สังหารผู้แข็งแกร่งมากมายของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ถูกพวกอู้หมิงผู้ทรงฌานหลุดพ้นแห่งแดนกษิติครรภ์จับจ้อง กำราบทายาทตระกูลจินเทียน…
อ่านถึงตรงนี้นัยน์ตาของชิงอิงก็อดฉายแววอัศจรรย์ไม่ได้ คล้ายเดาอะไรได้รางๆ
เมื่ออ่านต่อไปก็ทำให้นางอึ้งงันเล็กน้อย
คืนนั้นพวกอู้หมิงแห่งแดนกษิติครรภ์และจินเทียนเสวียนเยวี่ยลงมือพร้อมกัน หลังจากถูกอวี่เสวียนตีพ่ายทีละคน จักรพรรดิกระบี่วายุก็ลงมือด้วยตัวเอง…
แต่ต่อมาอวี่เสวียนกลับไม่ตาย เป็นพวกอู้หมิงแห่งแดนกษิติครรภ์ที่หายไปแทน ท่าทีของจักรพรรดิกระบี่วายุดูคุ้มครองอวี่เสวียน ทั้งยังให้จินเทียนเสวียนเยวี่ยเป็นผู้ติดตามข้างกายของอวี่เสวียนด้วย!
ทุกอย่างล้วนดูผิดปกติถึงเพียงนั้น
‘คืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่’
ชิงอิงจมสู่ภวังค์ความคิด
ครู่ใหญ่นางจึงเอ่ยถาม “ยังมีข่าวอื่นอีกไหม”
ชายชราแคระรีบร้อนกล่าว “ได้ยินว่าข่งอวี้ของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์พาคนบุกขึ้นยานลมกรด และถูกจักรพรรดิกระบี่วายุกำราบด้วยตัวเอง…”
“ข่งอวี้นี่ช่างโง่ยิ่งนัก มหาจักพรรดิมรรคกระบี่ที่มีชื่อเสียงมาสามหมื่นปีคนหนึ่ง มีหรือจะหวาดกลัวความเป็นมาของเขา”
น้ำเสียงของชิงอิงเผยแววดูถูก
จากนั้นนางก็พูดว่า “ผู้เฒ่าเฮ่อ เจ้าคิดว่าบนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ ใครกล้าฆ่าพวกเขาโดยไม่เกรงใจสักนิด ภายใต้สถานการณ์ที่รู้ชัดว่าเป็นผู้สืบทอดของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์บ้าง”
ชายชราแคระอึ้งค้างไป
ไม่รอให้ตอบ ชิงอิงก็กล่าวด้วยตนเอง “เมื่อนานมาแล้วอาจจะมี แต่ในช่วงแสนปีนี้นอกจากพวกอันตรายที่ไม่เสียดายชีวิตแห่งโลกมืดพวกนั้นแล้ว ก็แทบไม่มีใครกล้าทำเช่นนี้”
ชายชราแคระรู้สึกแบบเดียวกัน
เรือนมรรคดึกดำบรรพ์ แค่ชื่ออย่างเดียวก็ทำให้ทั่วหล้าหวั่นหวาดได้ ผู้สืบทอดที่มาจากสำนักนี้ เดินไปที่ไหนย่อมถูกคนปฏิบัติด้วยความเคารพนับถือถึงที่สุดไม่ใช่หรือ
เสียงที่อ่อนหวานของชิงอิงเจือความดึงดูดเฉพาะตัว “แต่เมื่อหกปีก่อน ในแหล่งสถานคุนหลุนกลับมีคนทำเช่นนี้แล้ว ทั้งคนที่ฆ่ายังไม่ใช่แค่ผู้สืบทอดของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ในหกเรือนมรรคใหญ่และสิบเผ่านักรบใหญ่ ไม่รู้มีผู้สืบทอดที่ล้มตายในมือคนผู้นี้กี่คน”
“หลินสวิน!” ชายชราแคระแทบจะพูดโดยไม่ต้องคิด
“ไม่ผิด เป็นเขานั่นแหละ”
ชิงอิงกล่าว “ผู้เฒ่าเฮ่อ เจ้าไม่คิดว่าอวี่เสวียนนี่มีรูปแบบการกระทำที่คล้ายกับหลินสวินอยู่บ้างหรือ”
ชายชราแคระสูดหายใจเย็นเยียบ “คุณหนู ท่านสงสัยว่าคนเมื่อครู่นั้นก็คือหลินสวินหรือ”
“บนโลกนี้หลินสวินที่ตีฝ่าวงล้อมอย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน ทำให้ทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราต่างรู้สึกตระหนก คนแบบนี้บนโลกยังจะมีคนที่สองปรากฏตัวได้อีกหรือ”
เสียงของชิงอิงแผ่วเบา “บางทีอาจปรากฏตัวอีก แต่… ไม่มีทางเป็นผู้แข็งแกร่งของเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่อย่างแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์