อ่านสรุป ตอนที่ 1893 อู่หวง จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 1893 อู่หวง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างน้อยในยามนี้ ชายวัยกลางคนผอมแห้งก็ถูกโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว
สิ่งที่ทำให้เขาใจสะท้านมากที่สุดคือ การติดอยู่ภายในเขตแดนมรรคนี้ประหนึ่งตกสู่หุบเหวลึกไร้สิ้นสุด ทั่วร่างถูกพลังกลืนกินอันน่าสะพรึงหน่วงเหนี่ยว จากพลังระดับกึ่งจักรพรรดิของเขา ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถดิ้นหลุดได้!
ชายวัยกลางคนผอมแห้งลนลานอย่างสิ้นเชิง จิตใจหวาดผวา นี่คือพลังที่มกุฎราชันอริยะคนหนึ่งจะมีได้หรือ
ตูม!
ไม่รอให้เขาคิดสะระตะ ก็รู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้าดำมืด ครู่ต่อมาทั่วร่างก็ถูกกำราบลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง ปากจมูกกระอักเลือด
ตอนที่การมองเห็นเปลี่ยนเป็นชัดเจนอีกครั้ง ก็เห็นพลังของเขตแดนมรรคนั้นไม่เหลืออยู่แล้ว มีแต่ชายหนุ่มที่ชื่อจินตู๋อีคนนั้นยืนอยู่เบื้องหน้า เอามือไพล่หลัง ปรายตามองเขาจากมุมสูง สายตาเจือแววเยาะหยันที่ไม่ปิดซ่อนแม้แต่น้อย
ชายวัยกลางคนผอมแห้งอึ้งงัน รู้สึกเหลวไหลอย่างบอกไม่ถูกไปพักหนึ่ง
กึ่งจักรพรรดิอยู่เหนือระดับอริยะ เฉียดใกล้ระดับจักรพรรดิ อย่าว่าแต่ฆ่าราชันอริยะทั่วไปเลย ต่อให้ฆ่ามกุฎราชันอริยะคนหนึ่งก็ยังไม่มีอะไรต้องพูดถึง
แต่ยามนี้สถานการณ์กลับพลิกผัน มกุฎราชันอริยะคนหนึ่ง กำราบกึ่งจักรพรรดิอย่างเขาได้อย่างง่ายดาย!
เรื่องนี้หากแพร่งพรายออกไป ใครจะกล้าเชื่อ
“ตอนนี้อยากจะบอกสักหน่อยหรือไม่ว่าใครให้เจ้ามา”
หลินสวินเอ่ยปาก น้ำเสียงราบเรียบ
“อย่าหวัง!”
ชายวัยกลางคนผอมแห้งตวาดเดือดดาล
พรูด!
ทันทีที่หลินสวินย่าวเท้าออกไป กระดูกเส้นเอ็นทั่วร่างชายวัยกลางคนผอมแห้งต่างก็เริ่มแตกระเบิดกระจุย เลือดสดๆ พุ่งกระเซ็นหลั่งรินออกมาจากร่างกายที่แตกแยก
ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้ใบหน้าของเขาเริ่มบิดเบี้ยว
“น่าเสียดาย เสี่ยวอิ๋นไม่อยู่ หาไม่เหตุใดต้องวุ่นวายปานนี้ด้วย”
หลินสวินพึมพำคราหนึ่ง นัยน์ตากลับยิ่งลุ่มลึกเยียบเย็นขึ้นเรื่อยๆ “จะถามเจ้าอีกครั้ง ใครใช้ให้เจ้ามา”
ชายวัยกลางคนผอมแห้งสีหน้าเกรี้ยวกราดกล่าวว่า “เจ้าสวะ ถ้ากล้าก็ฆ่าข้าสิ ต่อไปในแคว้นเมฆาแห่งนี้ย่อมไม่มีที่ให้เจ้ายืนแน่!”
ปึง!
หลินสวินออกแรงตรงปลายเท้า บดขยี้ปราณหัวใจและจิตดั้งเดิมของของชายวัยกลางคนผอมแห้งอย่างเด็ดขาด
ก่อนสิ้นใจชายวัยกลางคนผอมแห้งยังมีสีหน้าตื่นตะลึง คล้ายกับคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะกล้าปานนี้ พอได้ยินก็ลงมือตรงๆ เช่นนี้…
“เจ้าตายตาไม่หลับ เป็นเพราะนึกเสียใจภายหลังว่าไม่ได้กล่าวคำสั่งเสียมากขึ้นหน่อยใช่หรือไม่ น่าเสียดาย ข้าคร้านจะฟังต่อไปแล้ว ถึงไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่เจ้าตายไปย่อมต้องมีคนอดวิ่งออกมาไม่ได้ ถึงตอนนั้นข้าย่อมรู้ว่าใครเป็นคนใช้ให้เจ้ามา”
หลินสวินกล่าวพลางโบกแขนเสื้อหนึ่งครา
ฮูม…
ศพของชายวัยกลางคนผอมแห้งกลายเป็นเถ้าธุลี ดับสูญไปอย่างสิ้นเชิง
จัดการเรื่องทั้งหมดนี้เสร็จ หลินสวินหมุนตัวเดินไปยังเรือนพัก
ปึง!
พร้อมๆ กับที่เขาสาวเท้าออกมา พลังผนึกซึ่งปิดครอบพื้นที่นี้เอาไว้ราวกับกระจกแก้วที่แตกหัก พังครืนทีละส่วนมลายลับไป
ราตรีดุจสีหมึก สี่ด้านไร้สุ้มเสียง
หลินสวินยืนนิ่งอยู่หน้าเรือนพัก รอคอยอยู่เงียบๆ
หลังจากเวลาหนึ่งก้านธูปเต็มๆ จู่ๆ หลินสวินขยับตัว หายลับไปจากจุดเดิม
และเวลานี้เอง เงาร่างสายหนึ่งปรากฏตรงบริเวณเรือนพัก มองมาทางนี้ครู่หนึ่งแล้วจากไปอย่างรีบร้อน
ครานี้เป็นชายหนุ่มชุดเทาคนหนึ่ง เคลื่อนไหวว่องไว แต่เขาก็ไม่ได้ตระหนักเลยสักนิดว่า ยามที่เขาจากไป หลินสวินตามติดไปด้านหลังอย่างเงียบเชียบแล้ว
เมืองว่างเปล่ากว้างใหญ่ถึงขีดสุด ชายหนุ่มชุดเทาคนนี้ก็ระแวดระวังอย่างที่สุดเช่นกัน หลังจากวนอ้อมถนนใหญ่หลายหนถึงค่อยเลี้ยวเข้าไปยังพื้นที่ที่มีอาคารโบราณเก่าแก่ตั้งเรียงรายแถบหนึ่ง
สุดท้ายเขาก็มาถึงหน้าเรือนแห่งหนึ่งและหายตัวลับเข้าไป
หลินสวินมองเห็นภาพนี้จากที่ไกลๆ มุมปากผุดเส้นโค้งเย็นยะเยือก
เขาไม่ได้สืบต่อ หันตัวจากไปทันที
“สหาย บังอาจรบกวน ขอถามว่าเรือนแห่งนั้นเป็นที่พักของผู้ใดหรือ”
ระหว่างทางหลินสวินขวางผู้ฝึกปราณคนหนึ่งเอาไว้และทำการซักถาม
“พี่ชาย นี่เจ้าไม่รู้เลยหรือ นั่นเป็นที่พักของเฮ่อเหลียนฉี อันดับหนึ่งเมืองมายาทมิฬ” ผู้ฝึกปราณคนนั้นทำหน้าดูแคลน
หลินสวินคลี่ยิ้ม ไม่ได้ถือสาท่าทีของอีกฝ่าย กล่าวขอบคุณคราหนึ่งแล้วจากไปอย่างผ่าเผย
‘เฮ่อเหลียนฉี… เป็นเจ้าหมอนี่ดังคาด…’
ระหว่างทางขากลับหลินสวินคิดแล้วก็เข้าใจได้ วันนี้ในหอประชันภูมิ เฮ่อเหลียนฉีถูกตนกำราบในคราเดียว เรียกได้ว่าอับอายขายขี้หน้า ภายใต้สภาพที่ทั้งอับอายทั้งเดือดดาล จะส่งคนไปแก้แค้นก็สมเหตุสมผล
‘รอให้ศึกถกมรรคสิ้นสุดลง เจ้าอย่าให้ข้าจับเจ้าได้จะเป็นการดีที่สุด’
ในใจหลินสวินผุดไอสังหารขึ้นมาวูบหนึ่ง
และเวลานี้เอง ในเรือนพักที่เฮ่อเหลียนฉีอาศัยอยู่
“นายน้อยแย่แล้ว ผู้อาวุโสจันหายตัวไป!”
ชายหนุ่มชุดเทาที่ถูกหลินสวินสะกดรอยตามตลอดทาง หลังจากเข้าไปในเรือนพักก็รายงานอย่างตระหนกตกตื่น
เฮ่อเหลียนฉีที่กำลังร่ำสุราดับทุกข์รอฟังข่าวอึ้งไป “หายตัวไป?”
ชายหนุ่มชุดเทาพยักหน้า “บ่าวสงสัย… สงสัยว่าผู้อาวุโสจัน ขะ… เขาอาจจะประสบเหตุไม่คาดฝันเข้า…”
เห็นเพียงภาพเช่นนี้ หลินสวินก็ตัดสินได้ว่าเขามรรคลมเทพที่สำนักยุทธ์เสวียนจีตั้งอยู่ยังด้อยกว่าอยู่เล็กน้อย
สำนักยุทธ์ว่างเปล่านี้ ช่างสมกับเป็นสำนักอันดับหนึ่งของแคว้นเมฆา
ขบวนคนภายใต้การนำทางของเถาซงถิงมาถึงประตูเขาอย่างราบรื่น ทะยานอีกพักหนึ่งก็มาถึงเบื้องหน้ายอดเขาอันศักดิ์สิทธิ์อุดมสมบูรณ์ สูงตระหง่านงดงามลูกหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่านี่ก็คือยอดเขาเซียนยุทธ์ที่เถาซงถิงพูดถึง
บนจุดสูงสุดของยอดเขาเซียนยุทธ์ถึงกับใช้หินหยกเหล็กเทพสร้างสร้างเวทีหยกกลางอากาศ มีอาณาเขตถึงหมื่นจั้งเต็ม เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ท่ามกลางทะเลเมฆ ประหนึ่งวิมานแห่งเทพเซียน
ยามพวกหลินสวินมาถึง ผู้สืบทอดเจ็ดสำนักใหญ่ที่เข้าร่วมการคัดเลือกรอบสองล้วนรวมตัวกันอยู่บนเวทีหยกขนาดมหึมานั่นตั้งแต่ต้นแล้ว
แบ่งออกเป็นสำนักยุทธ์ว่างเปล่า ลัทธิเทพดาราเมฆ สำนักยุทธ์เสวียนจี เกาะเทพเวหาทมิฬ สำนักธรรมคานาอัน หอกระบี่เอกปฐม เขาวิญญาณประกายหงส์
ภายใต้การนำทางของเถาซงถิง ขบวนของพวกหลินสวินถูกจัดแจงไปอยู่ในพื้นที่ด้านข้างจุดหนึ่งบนเวทีหยก
“พวกเจ้ายืนอยู่ตรงนี้ อย่าเดินเพ่นพ่าน อีกเดี๋ยวเจ้าสำนักยุทธ์ว่างเปล่าจะประกาศเรื่องการคัดเลือกรอบสอง”
เถาซงถิงกำชับหนึ่งประโยคด้วยสีหน้าขึงขังแล้วหันตัวออกไป
“พี่จิน ท่านดูสิ นั่นก็คือลู่ตู๋ปู้ อันดับหนึ่งรุ่นปัจจุบันของสำนักยุทธ์ว่างเปล่า เป็นพวกอัศจรรย์ที่ชื่อเสียงก้องแคว้นเมฆา!”
เกาหลิงเทียนตาลุกวาว แฝงจิตต่อสู้ที่กระเหี้ยนกระหือรือ
หลินสวินมองตามสายตาเขาไป ก็เห็นตรงบริเวณที่ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์ว่างเปล่าอยู่ มีชายหนุ่มสวมชุดบัณฑิตแขนกว้าง ลักษณะคล้ายบัณฑิตอ่อนแอคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น
เขาดูเหมือนอบอุ่นและสงบนิ่งยิ่ง แต่ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์ว่างเปล่าใกล้ๆ ต่างแห่ห้อมอยู่ด้านหลังเขา ขับให้เขาดูคล้ายดาวล้อมเดือน เห็นได้ชัดว่าโดดเด่นจากผู้อื่นยิ่งยวด
‘เก็บซ่อนพลังไว้ภายใน จิตและเจตจำนงเชื่อมผสาน คนผู้นี้เห็นได้ชัดว่ามีสัญญาณจะทะลวงระดับแล้ว ดูท่าเพื่อจะเข้าร่วมศึกถกมรรค เขาถึงได้ข่มระดับพลังเอาไว้’
หลินสวินมองปราดเดียวก็ดูออกถึงความไม่ธรรมดาของลู่ตู๋ปู้ ภายในใจก็ไม่อาจไม่ยอมรับ ว่าชื่อเสียงที่เลื่องลือไม่ใช่เรื่องเท็จ ลู่ตู๋ปู้คนนี้ไม่ธรรมดายิ่งจริงๆ
“พี่จินท่านดู นั่นก็คือเซี่ยอวี่ฮวาจากลัทธิเทพดาราเมฆ แล้วก็หวังถูจากสำนักกระบี่จรดฟ้า เสวี่ยคงเจ๋อจากสำนักยุทธ์เสวียนจี…”
สายตาเกาหลิงเทียนยิ่งทอประกายมากขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางเหมือนเจอบุคคลในตำนาน น้ำเสียงยังเจือแววตื่นเต้นอยู่เสี้ยวหนึ่ง
หลินสวินมองตามไป จดจำบุคคลแห่งยุคที่ชื่อเสียงชวนทึ่งพวกนั้นทีละคน
บุคลิกดั่งฝันดุจมายาของเซี่ยอวี่ฮวาา รูปร่างหน้าตาราวกับเด็กน้อยของหวังถู ล้วนนำมาซึ่งความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้แก่หลินสวิน
และยามที่ทอดสายตามองไปยังจุดที่ผู้สืบทอดเกาะเทพเวหาทมิฬอยู่ สายตาของหลินสวินก็ตกที่ร่างชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่งตั้งแต่แรก
คนผู้นี้เงาร่างสูงล่ำกำยำเป็นที่สุด บุคลิกเนือยๆ ทั่วร่างรายล้อมด้วยพยับหมอกมัวหม่นเป็นสายๆ ผิวพรรณเนียนขาวดุจหยกงามก็ไม่ปาน ดวงหน้าสันโดษเย็นชา
ข้างกายเขา พวกเสอจื่อ เสอหลิงล้วนเปลี่ยนเป็นหม่นแสงลง ก็เหมือนใบไม้เขียวกลุ่มหนึ่งที่กลายเป็นของตกแต่ง
อู่หวง!
ในสมองหลินสวินปรากฏชื่อนี้ออกมาในทันใด
……………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์