Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1894

อู่หวง!

แค่ดูท่าทางเคารพนบนอบตอนที่เสอจื่อกับเสอหลิงอยู่ต่อหน้าเขา ก็ทำให้หลินสวินตัดสินได้ว่า ตำแหน่งของคนผู้นี้ในสำนักโบราณจรัสเทพจะต้องสูงส่งอย่างที่สุดแน่นอน

สวบ!

เกือบจะในทันทีที่สายตาของหลินสวินมองมา สายตาของอู่หวงก็มองมาทางหลินสวินด้วยเช่นกัน สายตาของทั้งสองคนปะทะกันกลางอากาศ

นัยน์ตาที่เจือประกายสีเทาขุ่นของอู่หวงวาววาบชวนสยองขึ้นมา คล้ายกับจะมองทะลุความลับทั่วตัวหลินสวิน กร้าวแกร่งและดุดัน

เปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่น ลำพังเพียงแค่การสบสายตาระดับนี้ ก็อาจถูกทำให้ตกใจจนขวัญหลุดวิญญาณกระเจิง สั่นเทิ้มด้วยความกริ่งเกรงหวาดผวา

เพียงแต่สีหน้าหลินสวินเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สา เก็บสายตากลับมา

‘ทูตจักรพรรดิ เขาก็คือจินตู๋อี!’

เสอหลิงสื่อจิตอยู่ข้างๆ สีหน้าเจือแววอึมครึม

อู่หวงร้องอืมคราหนึ่งด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก กล่าวว่า “ดูท่าทางเรียบๆ อันที่จริงเป็นพวกที่ซ่อนคมไว้ลึกยิ่งคนหนึ่ง ไม่แปลกที่ทำให้พวกเจ้าสองคนปราชัยได้โดยง่าย”

ประโยคเดียวทำเอาเสอหลิงและเสอจื่อที่อยู่ข้างๆ ล้วนสีหน้าแข็งทื่อ

และพร้อมกันนั้นหลินสวินก็มองเห็นพวกเจียงเหิง จีเฉียน จินเทียนเสวียนเยวี่ย เพียงแต่พวกเขาต่างฝ่ายต่างก็ทำเพียงส่งสายตา ไม่ได้กล่าวทักทายกัน

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้สืบทอดเจ็ดสำนักใหญ่ พวกฉู่ชิว กู่เจี้ยนสิง เกาหลิงเทียนล้วนผุดอารมณ์ตื่นเต้นไม่มากก็น้อย กระเหี้ยนกระหือรือหมายต่อสู้สักตั้ง

พวกเขาเป็นบุคคลชั้นนำที่ได้ผ่านการคัดเลือกรอบแรก แต่ไม่ว่าจะเป็นรากฐานพลัง ชื่อเสียง หรืออิทธิพล ล้วนห่างไกลจากบุคคลแห่งยุคที่เจิดจรัสหาใดเปรียบทั่วแคว้นเมฆา อย่างพวกลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวา หวังถูอยู่มากโข

ยามนี้ต่างฝ่ายต่างร่วมศึกถกมรรค ย่อมตื่นเต้นขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

ไม่เพียงแต่พวกเขา ผู้แข็งแกร่งจากเขตเข้าร่วมต่อสู้คนอื่นๆ อย่างพวกซูมู่หาน หลันอวิ๋นเคอ โหยวเทียนซิง เฮ่อเหลียนฉี ส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้กันทั้งสิ้น

ขณะเดียวกัน ผู้สืบทอดจากเจ็ดสำนักใหญ่ต่างก็สังเกตผู้ผ่านการคัดเลือกจากสิบเขตเข้าร่วมต่อสู้ใหญ่เหล่านี้ด้วยเช่นกัน

เพียงแต่ความสนใจของพวกเขาอยู่ที่ตัวของพวกอันดับหนึ่งสิบคนเท่านั้น

“นั่นก็คือซูมู่หาน ยอดอัจฉริยะที่ปฏิเสธการชักชวนจากเจ็ดสำนักใหญ่ตั้งแต่วัยเด็ก รากฐานพลังน่ากลัวถึงที่สุด”

“หลันอวิ๋นเคอผู้นี้ เขตแดนมรรค ‘ขวดสมบัติบุณฑริก’ ที่ครอบครอง คุณลักษณะเหนือธรรมดา ห้ามดูเบา”

“ทุกท่านอย่าได้ประเมินโหยวเทียนซิงนั่นต่ำไป ‘โถงหยกเก้าสี’ ของเขาอัศจรรย์หาใดเปรียบ เป็นผู้ฝึกปราณวิญญาณที่หาตัวจับยากในพันกาลคนหนึ่ง”

“ดูสิ เจ้าหมอนั่นก็คือจินตู๋อี ก่อนการคัดเลือกถกมรรคเป็นพวกไร้ชื่อคนหนึ่ง ยามนี้กลับเป็นม้ามืดที่มีคนตั้งความหวังสูงที่สุด เมื่อคืนก็เป็นเขานี่แหละที่กำราบอันดับหนึ่งอย่างเฮ่อเหลียนฉีในการโจมตีเดียวภายในหอประชันภูมิ”

“ที่แท้เขาก็คือจินตู๋อี”

ผู้สืบทอดของเจ็ดสำนักใหญ่ต่างพูดคุยเสียงเบา

และผู้ที่บุคคลแห่งยุคจากสำนักใหญ่อย่างพวกลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวา หวังถูให้ความสนใจมากที่สุด ก็คือซูมู่หานกับหลินสวิน

กิตติศัพท์ของซูมู่หานขจรขจายทั่วแคว้นเมฆานานแล้ว เป็นพวกสะดุดตาที่ชื่อเสียงเกรียงไกร ความแข็งแกร่งด้านรากฐานพลัง กร้าวแกร่งกว่าผู้สืบทอดแกนหลักมากมายของเจ็ดสำนักใหญ่อย่างพวกเขาด้วยซ้ำ

สิ่งนี้ย่อมทำให้ผู้คนให้ความสนใจเป็นพิเศษ

ส่วนจินตู๋อีที่หลินสวินปลอมตัวอยู่ ก็เป็นม้ามืดที่เพิ่งผงาดขึ้นไม่นานมานี้ เคยได้รับชัยชนะเก้าสิบเก้าครั้งรวด ยิ่งถึงขั้นเคยกำราบเฮ่อเหลียนฉีที่มีฐานะเป็นอันดับหนึ่งเหมือนกันในกระบวนท่าเดียว จะให้ผู้คนไม่อยากสนใจยังยาก

‘คนผู้นี้หาได้จงใจซ่อนคม หากแต่มรรควิถีที่มีอยู่ได้บรรลุถึงขั้นเรืองรองถึงขีดสุด ถึงได้ให้ความรู้สึกราบเรียบไร้ความโดดเด่นประหนึ่ง ‘ของดีย่อมซ่อนคม คนประหนึ่งหยกดิบ’’

ลู่ตู๋ปู้ก็จับสังเกตหลินสวินเช่นกัน หลังจากอึ้งไปน้อยๆ ก็คล้ายขบคิด

‘หวังว่าเขาจะเป็นอย่างที่อวี๋ฮูหยินว่า ประเมินค่าสูงอย่างไรก็ไม่เกินจริงแล้วกัน…’

นัยน์ตาดั่งฝันดุจมายาของเซี่ยอวี่ฮวาทอประกายคล้ายระลอกคลื่น

‘ข้าก็ยังคิดว่า ภายในใจเจ้าหมอนี่จะต้องเหงายิ่งเป็นแน่’

หวังถูที่สะพายกระบี่ยักษ์แต่กลับดูเหมือนเด็กน้อยยิ้มบางๆ สีหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสา

ในขณะเดียวกัน สายตามากมายก็ล้วนมองสำรวจหลินสวินทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ

สำหรับเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าหลินสวินสงบนิ่งและเยือกเย็นเรื่อยมา

จนกระทั่งตอนที่สัมผัสได้ว่า เฮ่อเหลียนฉีซึ่งอยู่ไม่ไกลก็ทอดสายตามองมาด้วยเหมือนกัน มุมปากหลินสวินผุดรอยยิ้มขึ้น จู่ๆก็สื่อจิตกล่าว

‘เมื่อคืนจู่ๆ ก็มีเจ้าเฒ่าคนหนึ่งมาเยี่ยมเยียนข้า เจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่’

เฮ่อเหลียนฉีอึ้งไป จากนั้นสีหน้าก็ขรึมลง ‘จินตู๋อี เจ้าพูดเรื่องอะไร เหตุใดข้าถึงฟังไม่เข้าใจ’

หลินสวินกล่าวสบายๆ ‘ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ข้าแค่อยากบอกว่า เจ้าเฒ่านั่นสุดท้ายก็ตายอย่างไม่น่าพิสมัยยิ่ง’

ไอสังหารภายในใจเฮ่อเหลียนฉีเดือดปะทุ เกือบระงับไว้ไม่อยู่ ครู่ใหญ่จึงกัดฟันกล่าวว่า ‘จินตู๋อี ความอัปยศเมื่อวานข้ายังไม่ลืมหรอกนะ!’

น้ำเสียงขุ่นมัว ไอสังหารผุดเผย

หลินสวินตอบกลับสามคำลวกๆ ‘ข้าจะรอ’

กล่าวจบก็ไม่มองเฮ่อเหลียนฉีอีกแม้แต่แวบเดียว

แกร๊ง!

เสียงระฆังมรรคก้องกังวานระลอกหนึ่งดังขึ้นบนเวทีหยกกลางอากาศบนจุดสูงสุดของยอดเขาเซียนยุทธ์แห่งนี้ กังวานสะท้านสะเทือน

บรรยากาศในที่นั้นพลันเปลี่ยนเป็นเคร่มงขรึมจริงจังขึ้นมาทันที

สายตาทุกคู่ล้วนมองไปทางเวทีหยกกลางห้วงอากาศสูง ที่ตรงนั้นเจ้าสำนักของเจ็ดสำนักใหญ่ต่างยืนตระหง่าน

ชายชราที่เป็นผู้นำ สวมเกี้ยวประดับอาภรณ์โบราณ หน้าตาซูบตอบ ยามลืมตาเจือลักษณ์ประหลาดมโหฬารที่ลวงตาดุจฟ้าดาราก็ไม่ปาน

คนผู้นี้ก็คือ ‘ก้วนซวี’ เจ้าสำนักสำนักยุทธ์ว่างเปล่า!

หลายปีก่อนมีข่าวลือว่าก้วนซวีได้ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิแล้ว รากฐานพลังลึกล้ำสุดหยั่ง

“การคัดเลือกรอบที่สองจะจัดขึ้นในเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่า เจดีย์นี้แบ่งออกเป็นเก้าชั้น แต่ละชั้นล้วนมี ‘วิญญาณศึกหลอมมรรค’ สถิตอยู่”

“สิ่งที่ผู้เข้าร่วมต่อสู้อย่างพวกเจ้าต้องทำ ก็คือกำราบวิญญาณศึกหลอมมรรคเหล่านี้ ขึ้นไปให้ถึงชั้นที่เก้าของเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่า”

“กำหนดเวลาคือหนึ่งก้านธูป!”

“หลังจากหนึ่งก้านธูป ผู้ที่ไปไม่ถึงชั้นที่เก้าถือว่าตกรอบ”

เสียงของก้วนซวีต่ำลึก กึกก้องทั่วลาน ทำเอาหัวใจผู้เข้าร่วมไม่น้อยล้วนบีบรัด และก็มีคนมากมายคึกคักอยากลอง ยิ่งตั้งตาคอยขึ้นเรื่อยๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์