วิญญาณศึกหลอมมรรคที่สร้างขึ้นจากการวมตัวของกรวดทรายสีทองนับไม่ถ้วน ประหนึ่งวิญญาณศึกทองเหลืองมหึมาพุ่งโถมเข้าใส่
กลิ่นอายต่อสู้ที่น่าสะพรึงราวกับมรสุมกระโชก ทั้งที่มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่กลับครอบครองมรรคและวิชาที่สะท้านโลกถึงขีดสุด
เหมือนเช่นเวลานี้ มันปล่อยหมัดหนึ่งออกมา พลังหมัดดุจมังกรยักษ์สีเหลืองขุ่น คำรามออกมา ปลดปล่อยพลังทำลายล้างที่ดับทลายไร้ทัดเทียม
และมีสัญญาณรางๆ อย่างหนึ่งว่าจวนจะควบรวมออกมาเป็นเขตแดนมรรค!
สิ่งนี้ทำเอาหลินสวินยังอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
จากความเข้าใจของเขา วิญญาณศึกหลอมมรรคเพียงแค่วิวัฒน์มาจากพลังเร้นลับอย่างหนึ่งที่มีอยู่ในเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่าเท่านั้น
แต่ยามนี้ วิญญาณศึกหลอมมรรคตรงหน้านี้แทบจะกลายเป็นคนเป็นๆ แล้ว!
ปึง!
ขณะที่หลินสวินครุ่นคิด ฝ่ามือก็กดออกไป ซัดพลังหมัดของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายยิ่งยวด จากนั้นเงาร่างพริบไหวทันใด ไปโผล่อยู่ที่เบื้องหน้าอีกฝ่ายแล้วชกหมัดออกไป
เสียงระเบิดอึกทึกกึกก้อง วิญญาณศึกหลอมมรรคที่ดุจดั่งมกุฎราชันอริยะก็ไม่ปาน ถูกหลินสวินซัดแหลกในหมัดเดียวเหมือนกระดาษเปื่อย
ท่ามกลางทรายเหลืองปลิวว่อน หัวคิ้วหลินสวินขมวดมุ่น รับรู้ได้อยากฉับไวว่าหลังจากวิญญาณศึกหลอมมรรคที่มีพลังเร้นลับนี้สลายไป ได้ผสานเข้าสู่ฟ้าดินแถบนี้
‘นั่นคงจะเป็นพลังของเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่ากระมัง…’
หลินสวินขบคิด
เขาไม่ได้ชักช้า มุ่งหน้าต่อไป
ไม่ทันไรกลางทรายเหลืองระฟ้า วิญญาณศึกหลอมมรรคตนหนึ่งควบรวมออกมาอีกครั้ง
ตูม!
กลิ่นอายของมันล้นฟ้า เหยียบย่างห้วงอากาศโถมเข้าใส่
ครั้งนี้ฝ่ามือหลินสวินคว้าหมับ โคจรพลังเขตแดนมรรคที่สำเร็จไปส่วนใหญ่ กลางฝ่ามือราวกับหุบเหวลึกไร้ก้น คว้าวิญญาณศึกหลอมมรรคเอาไว้โดยพลัน
ปึง!
ร่างกายมหึมาสีทองอร่ามของวิญญาณศึกหลอมมรรคแตกกระจุย กลายเป็นทรายเหลืองเต็มฟ้า
และพร้อมกันนั้น พลังเร้นลับคลุมเครือวูบหนึ่งยังไม่ทันผสานในฟ้าดิน ก็ถูกพลังหมัดของหลินสวินกลืนกินอย่างบ้าคลั่ง
จากนั้นกระแสร้อนระอุแปลกประหลาดวูบหนึ่งกลายเป็นพลังเร้นลับที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ทะลักเข้าสู่ภายในกายหลินสวิน
หัวใจหลินสวินกระตุกวูบ โคจรเคล็ดวิชาหลอมครรภ์เทพอวัยวะต้นห้า พลังเร้นลับสายนี้พลันทะลักเข้าสู่หัวใจ ‘ครรภ์เทพเพลิงแดง’ ที่แต่เดิมฟูมฟักอยู่ในนั้นเติบโตขึ้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
‘นี่เป็นพลังระดับใดกัน ถึงกับสามารถสร้างประสิทธิภาพน่าทึ่งปานนี้ในการหลอมวิชามรรค’
หลินสวินไหวหวั่นในบัดดล
พลังปราณ จำเป็นต้องอาศัยการเกื้อหนุนจากไอวิญญาณและโอสถเทพมาหลอมและเลื่อนระดับ
มหามรรค จำเป็นต้องหยั่งถึงพลังมหามรรคฟ้าดินเพื่อใช้ควบคุม
วีถียุทธ์ จำเป็นต้องอ่านศึกษาคัมภีร์มรรค อาศัยปรีชาญาณแห่งตนมาเคี่ยวกรำและพัฒนา
หลินสวินฝึกปราณจนป่านนี้ ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีพลังรูปแบบไหนที่สามารถนำมาใช้เลื่อนระดับปราณวีถียุทธ์ได้ตรงๆ!
นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
‘บางที พลังลึกลับนี้ก็อาจมาจากเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่า…’
นัยน์ตาดำของหลินสวินทอประกาย
การเข้าร่วมการคัดเลือกรอบสองนี้ เดิมเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไร คิดแค่ว่าขอเพียงผ่านการทดสอบภายในเวลาหนึ่งก้านธูปก็พอแล้ว
แต่ยามนี้เขากลับค้นพบวาสนาชิ้นหนึ่ง!
เมื่อสังหารวิญญาณศึกหลอมมรรค สามารถเก็บพลังเร้นลับที่ช่วยเลื่อนระดับวีถียุทธ์ได้!
“ไป!”
หลินสวินมุ่งหน้าต่อไป ตอนที่เจอวิญญาณศึกหลอมมรรคตนที่สามก็ทำตามเดิมโดยไม่ลังเลสักนิด ยามสังหารคู่ต่อสู้ จะใช้พลังของเขตแดนมรรคกลืนกินพลังเร้นลับที่หลงเหลืออยู่
ดังคาด ในบริเวณหัวใจของเขา การหลอมครรภ์เทพเพลิงแดงรุดหน้าขึ้นอีกส่วน!
‘หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ยามไปถึงชั้นที่เก้า ไม่แน่ว่าจะสามารถทำให้ข้าหลอมกายมรรคเพลิงแดงออกมาได้…’
ในใจหลินสวินเหิมฮึก
เขาไม่เสียเวลาอีกต่อไป มุ่งหน้าเต็มกำลัง
……
ภายในเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่า
แดนลับทรายเหลืองชั้นแรกเช่นเดียวกัน เงาร่างลู่ตู๋ปู้พริบไหว รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ
ระหว่างทางทุกครั้งที่มีวิญญาณศึกหลอมมรรคขวางทาง ล้วนถูกเขาสังหารแหลกกระจุยในการโบกแขนเสื้อครั้งเดียว
เขาถึงขั้นคร้านจะเหลือบมองแม้แต่แวบเดียว ราวกับกำลังทำเวลา
ในฐานะผู้สืบทอดอันดับหนึ่งรุ่นปัจจุบันของสำนักยุทธ์ว่างเปล่า ลู่ตู๋ปู้ย่อมรู้ดี ว่าหลังจากสังหารวิญญาณศึกหลอมมรรคจะสามารถดูดซับพลังเร้นลับอย่างหนึ่งได้ มีประสิทธิภาพวิเศษอัศจรรย์อย่างที่สุดต่อการเลื่อนระดับวีถียุทธ์
แต่ลู่ตู๋ปู้ไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำ
หรืออาจกล่าวว่า เขาไม่ชายตาแลวิญญาณศึกหลอมมรรคในชั้นแรกเลย
จุดประสงค์ของเขาคือการไปถึงชั้นเก้าภายในเวลาสั้นที่สุด จากนั้นก็ไปล่าสังหารวิญญาณศึกหลอมมรรคที่ชั้นเก้า เพราะมีแต่วิญญาณศึกหลอมมรรคของชั้นเก้าเท่านั้นจึงจะแข็งแกร่งที่สุด น่าทึ่งที่สุด!
นี่ก็คือข้อดีของผู้สืบทอดสำนักยุทธ์ว่างเปล่า สามารถรู้ข่าวสารภายในบางส่วนที่คนอื่นไม่อาจล่วงรู้ได้ล่วงหน้า
ดูเหมือนเป็นการแข่งขันที่ยุติธรรม แต่อันที่จริงก็ยังมีจุดแตกต่างกันอยู่
……
“เห พลังระดับนี้ช่างน่าสนใจซะจริง…”
ในเวลาเดียวกัน นัยน์ตาเซี่ยอวี่ฮวาฉายประกายวาววับขึ้นมา นางเองก็สัมผัสได้อย่างฉับไวถึงความวิเศษอัศจรรย์ของพลังเร้นลับสายนั้น
“ฮ่าๆ ถึงกับมีประโยชน์ต่อการเลื่อนระดับวีถียุทธ์!”
“เจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่านี่สมกับเป็นสมบัติที่ถือกำเนิดจากแดนแห่งปริศนา”
“ต้องรีบทำเวลาไขว่คว้าแล้ว!”
พร้อมๆ กับเวลาที่เคลื่อนคล้อย บุคคลแห่งยุคอย่างหวังถู ผู้สืบทอดสำนักกระบี่จรดฟ้า หยวนเหอผู้สืบทอดสำนักธรรมคานาอัน หลังจากสังหารวิญญาณศึกหลอมมรรค ต่างก็ทยอยสัมผัสถึงการมีอยู่ของพลังเร้นลับนั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์