Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1898

สรุปบท ตอนที่ 1898 โกง?: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 1898 โกง? จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1898 โกง? คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 1898 โกง?
ชั้นที่แปด

ลู่ตู๋ปู้ที่สวมชุดนักพรตแขนกว้างราวกับบัณฑิตอ่อนแอ ยามนี้เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แสงศักดิ์สิทธิ์ไหลบ่าไปทั้งตัว ไอพลังยิ่งใหญ่คงอยู่ตราบนิรันดร์

ยามลืมตาเหมือนสุริยันจันทราเคลื่อนคล้อยอยู่ภายใน ดูดจิตชิงวิญญาณ

“ล่องลอยดั่งฝัน!”

ผมยาวของเขาปลิวไสว เบื้องหน้าปรากฏเขตแดนมรรคที่งามตระการทั่วทิศราวกับห้วงฝัน ภายในนั้นเผยปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่แห่งโลกหล้า ทุกข์สุขของสรรพชีวิต

ตูม!

ตรงหน้า วิญญาณศึกหลอมมรรคในชุดดำผมดำราวกับเซียนกระบี่แห่งยุคติดอยู่ในนั้นโดยไม่ทันตั้งตัว

“เคลื่อนคล้อยในฝันชั่วดีดนิ้ว ท้องทะเลเปลี่ยนเป็นผืนนาในชั่วขณะ!”

ลู่ตู๋ปู้กล่าวเนิบช้าเหมือนนายเหนือหัวคนหนึ่ง เมื่อเสียงของเขาดังขึ้น เขตแดนมรรคประหนึ่งมีสายน้ำแห่งกาลเวลาพวยพุ่ง

วิญญาณศึกหลอมมรรคชุดดำผมดำถูกฝังกลบอยู่ในนั้นทันที

เสียงกัมปนาทที่ลุ่มลึกราวฟ้าร้องดังขึ้น เขตแดนมรรคที่งามตระการกว้างใหญ่ไพศาลราวกับฝันร้าย อาศัยพลังที่น่ากลัวหาใดเปรียบกัดกินวิญญาณศึกหลอมมรรคที่ดิ้นรนไม่หยุดนั่นทีละน้อย

ลู่ตู๋ปู้สองมือไพล่หลัง สง่างามไร้เทียมทาน

‘หลังจากสังหารวิญญาณศึกหลอมมรรคในชั้นเก้าและดูดซับพลังต้นกำเนิดวิถียุทธ์ได้แล้ว ก็สามารถทำให้ ‘ล่องลอยดั่งฝัน’ ของข้าบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์!’

‘ถึงตอนนั้น ต่อให้ไปประลองกับบุคคลแห่งยุคทั่วหล้าในงานชุมนุมถกมรรค ข้าก็ไม่กลัวแล้ว!’

ลู่ตู๋ปู้ฮึกเหิมในใจ

ภายในชั้นที่แปดเช่นกัน

“อสูรสิบทิศ!”

สีหน้าอู่หวงเย็นชา ยามก้าวเดินมีหมอกควันหนาทึบดุจสีหมึกแผ่ออกมาราวม่านแห่งราตรีนิรันดร์ วิวัฒน์เป็นเขตแดนมรรคแห่งหนึ่ง

ในเขตแดนทางแดงก่ำ กระดูกขาวแต้มแต่ง อสูรมากมายพ่นหมอกสีดำออกมาคลุมตัวราวกับผีร้ายที่พุ่งออกมาจากนรก แล่นโฉบไปทั่วอย่างมืดฟ้ามัวดิน เผยความหยิ่งทะนงน่ากลัวด้วยการส่งเสียงเล็กแหลม เหี้ยมเกรียม คลั่งเกรี้ยวกราด

ชุดคลุมดำของอู่หวงเกิดเสียงสะบัดโบก ยืนอยู่ในนั้นราวกับเจ้าแห่งอสูร ราชันแห่งผีร้าย ในดวงตาสีน้ำตาลอมเทาคู่นั้นเต็มไปด้วยความไร้ปรานี

ในฐานะที่เป็นทูตจักรพรรดิของสำนักโบราณจรัสเทพ รากฐาน พรสวรรค์ รวมถึงพลังต่อสู้ของเขา ล้วนเรียกได้ว่าเป็นยอดบนโลก

หากไม่ใช่ว่ามาจากโลกมืด ด้วยพลังต่อสู้ของเขาคงก้าวขึ้นไปอยู่บนกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์นานแล้ว!

“ฆ่า!”

อู่หวงสะบัดมือ

อสูรสิบทิศพุ่งไปราวประตูนรกเปิดออก ผีร้ายอสูรเหลือคณากลุ้มรุมไปยังวิญญาณศึกหลอมมรรคที่อยู่ตรงหน้า

ในสายตาของคนใหญ่คนโตที่อยู่ในโลกภายนอกเหล่านั้น ลู่ตู๋ปู้และอู่หวงในตอนนี้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

มาดสง่างามไร้เทียมทานยามระเบิดพลังเต็มกำลังทำให้พวกเขาสั่นสะท้าน ถูกทำให้ตกตะลึงแล้ว

“ดี!”

ก้วนซวีเอ่ยชม สีหน้าตื่นเต้น

ลู่ตู๋ปู้ ผู้กล้าของสำนักยุทธ์ว่างเปล่า อัจฉริยะนิรันดร์ที่ผงาดเหนือแคว้นเมฆาคนหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็วต้องฉายแววเจิดจรัสอัศจรรย์ในงานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่จัดขึ้นแน่!

“ไม่เลวๆ…”

นักพรตหลันก็ผุดรอยยิ้มออกมา เพียงแต่ในใจกลับเสียดายอยู่บ้าง หากอู่หวงเป็นผู้สืบทอดของเกาะเทพเวหาทมิฬจริงก็คงดีมาก

สายตาของเขามองไปที่เหิงเซียว กำลังเตรียมจะเสียดสีกระทบกระเทียบสักหน่อย ก็พลันเห็นว่าเหิงเซียวถึงกับผุดลุกขึ้นปรบมือชื่นชม “ดี! ดี! ดี!”

ทุกคนต่างอึ้งไป

นักพรตหลันก็เคลือบแคลงอยู่ในใจ

ลู่ตู๋ปู้และอู่หวงล้วนไม่ใช่ผู้สืบทอดของสำนักยุทธ์เสวียนจี ทำไมเหิงเซียวนี่ถึงตื่นเต้นกว่าพวกเขา

เมื่อมองตามสายตาของเหิงเซียวไป คนใหญ่คนโตพวกนี้ก็เผยสีหน้าตื่นตะลึง เสียงสูดหายใจสะท้านดังตามมาติดๆ

ที่แท้ก่อนหน้านี้ยามที่พวกเขาถูกความสามารถที่แสดงออกมาของลู่ตู๋ปู้และอู่หวงดึงดูด ในชั้นที่เจ็ด หลินสวินได้สังหารวิญญาณศึกหลอมมรรคสามตัวอย่างง่ายดายประดุจผ่าลำไผ่แล้ว!

ส่วนพวกเซี่ยอวี่ฮวา หวังถูที่เดิมทีนำหน้าเขาอยู่ ก็ถูกแซงไปในคราเดียว!

“นี่…”

เจ้าสำนักของลัทธิเทพดาราเมฆจนคำพูด

“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมจินตู๋อีนี่ถึงเปลี่ยนเป็นทรงพลังเช่นนี้ได้ในชั่วขณะเดียว”

เจ้าสำนักสำนักกระบี่จรดฟ้าก็อึ้งไป

คนใหญ่คนโตอื่นๆ ก็ราวกับเห็นผี คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้แค่ในชั่วขณะ!

“คงไม่ใช่ว่า… เจ้าหมอนี่เพิ่งเริ่มเอาจริงเข้าตอนนี้กระมัง”

มีคนสันนิษฐาน ประโยคเดียวทำให้คนอื่นๆ ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก สั่นสะเทือนอยู่ในใจ

ก่อนหน้านี้ความเร็วของจินตู๋อีก็มั่นคงจนน่ากลัวแล้ว หลายคนต่างสงสัยว่าเขาลอบใช้พลังเต็มกำลังอยู่ก่อนแล้ว

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะประเมินพลังของเจ้าหนุ่มนี่ต่ำไป!

ยามนี้เมื่อเห็นความเร็วในการฆ่าฟันที่รวดเร็วรุนแรงหาใดเปรียบนั้นของเขา ก็พาให้คนรู้สึกยากจะเชื่อ

นั่นเป็นถึงวิญญาณศึกหลอมมรรคของชั้นที่เจ็ด แข็งแกร่งระดับใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขากลับถูกฆ่าทีละตัวเหมือนทำจากกระดาษ!

พวกเขาเพิ่งเข้าใจในตอนนี้ว่าเหตุใดเหิงเซียวถึงตื่นเต้นจนเป็นเช่นนั้น

ความสามารถที่เผยออกมาของจินตู๋อีในยามนี้ไม่ธรรมดาเกินไปจริงๆ ไม่ได้ด้อยไปกว่าลู่ตู๋ปู้และอู่หวงเลยแม้แต่น้อย!

“ความเร็วในการทะลวงด่านต่างจากการต่อสู้จริงอย่างสิ้นเชิง ถึงอย่างไรวิญญาณศึกหลอมมรรคนั่นก็ตายอยู่แล้ว แต่การต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง สิ่งที่ทดสอบยังมีสภาวะจิตและพลังเจตจำนงด้วย!”

นักพรตหลันเอ่ยปากแล้ว “จากที่ข้าดู จินตู๋อีนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่หากพูดว่าเขาเทียบกับลู่ตู๋ปู้และอู่หวงได้ ข้าก็ไม่อาจเห็นด้วย”

แต่ก็คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่เก็บงำตนเองเหมือนหยกหมองมัวคนนี้ ยามเผยประกายจะเจิดจรัสเช่นนี้!

เนิ่นนานกว่านักพรตหลันจะได้สติกลับมา เขาควบคุมความรู้สึกอย่างเต็มที่ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ตอนนี้จินตู๋อีมาถึงชั้นที่เก้าเหมือนลู่ตู๋ปู้และอู่หวงแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเขาจะ…”

เสียงพลันหยุดชะงักลง

ลูกตาเขาเกือบหลุดออกมา สีหน้าค้างอยู่อย่างนั้น

เพียงแต่ตอนนี้กลับไม่มีใครมองเขาเป็นตัวตลก ด้วยจิตใจของคนใหญ่คนโตทั้งหมดในตอนนี้ก็มึนงง ถูกทำให้ตกตะลึงจนเหมือนจะเสียการควบคุม

ชั้นที่เก้า แดนลับว่างเปล่า มีวิญญาณศึกหลอมมรรคแค่ตัวเดียว ทั้งเป็นตัวที่แข็งแกร่งและน่ากลัวที่สุด ไม่ต้องกล่าวถึงมกุฎราชันอริยะทั่วไป ต่อให้เป็นยอดบุคคลผู้เป็นเลิศในหมู่มกุฎราชันอริยะขั้นสมบูรณ์ ถ้าคิดจะสังหารมันก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก!

เหมือนลู่ตู๋ปู้และอู่หวงที่ต่อให้ใช้พลังเต็มกำลังแล้ว ก็ได้แต่ต่อสู้กับอีกฝ่ายจนยากจะแยกจากกัน ติดขัดไม่อาจไปต่อ ไม่มีทางตัดสินผลแพ้ชนะได้ในเวลาอันสั้น

แต่หลินสวินแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

หลังจากเขามาถึงชั้นที่เก้า ก็ยังสังหารวิญญาณศึกหลอมมรรคนั่นได้ในช่วงสั้นๆ ไม่กี่อึดใจเหมือนก่อนหน้านี้!

ท่าทางเผด็จการแข็งกร้าว บุคลิกที่ไม่อาจทัดเทียมนั้น ทำให้เหล่าคนใหญ่คนโต ณ ที่นั้นตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ทั้งหมดล้วนร้องเสียงหลง สั่นสะท้านพูดไม่ออก

“ปีศาจชัดๆ!”

มีคนอึดอัดอยู่นานกว่าจะพูดออกมาสามคำ

“น่าเหลือเชื่อ…”

มีคนทำหน้าไม่ถูก

“หากบอกว่าเจ้าหมอนี่เป็นศิษย์แกนหลักที่มาจากหกเรือนมรรคใหญ่ ข้าคงไม่มีทางคลางแคลงใดๆ แน่ บางทีอาจมีเพียงขุมอำนาจใหญ่โตมหึมาอย่างหกเรือนมรรคใหญ่ที่ฟูมฟักบุคคลเช่นนี้ออกมาได้”

มีคนทอดถอนใจอย่างยิ่ง

“ไม่ นี่ไม่ใช่เรื่องจริง จินตู๋อีนี่ต้องโกงแน่!”

ตอนนี้นักพรตหลันเสียอาการถึงที่สุด ร้องตะโกนลั่น

ตั้งแต่การคัดเลือกรอบที่สองเริ่มต้น เขาก็หมายหัวหลินสวินมาตลอด แต่ทุกครั้งจะถูกความสามารถที่แสดงออกมาของหลินสวินตบหน้า ทำให้ความคับข้องที่สะสมในใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ

มาถึงตอนนี้ เมื่อหลินสวินใช้ท่าทีที่ไม่อาจทัดเทียมแซงหน้าลู่ตู๋ปู้และอู่หวงอีกครั้ง เหตุการณ์นี้ก็เหมือนฝ่ามือที่ทั้งดังทั้งกังวานหวดใส่หน้าของนักพรตหลันอย่างหนักหน่วง ทำให้เขากรุ่นโกรธ ไม่อาจยอมรับ

ความจริงถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง คนใหญ่คนโตอื่นๆ ในที่นั้นก็ไม่กล้าเชื่อว่าในช่วงสำคัญที่สุดจะเกิดการพลิกผันเช่นนี้

ลู่ตู๋ปู้และอู่หวงที่เดิมถูกมองเป็นตัวเต็งในการคัดเลือกรอบที่สอง ถึงกับถูกม้ามืดอย่างจินตู๋อีข้ามหัวไปในตอนท้าย!

ก่อนหน้านี้ใครจะกล้าจินตนาการ

“นักพรตหลัน เจ้านี่น่าขันสิ้นดี การคัดเลือกครั้งนี้เกิดขึ้นในเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่า เจ้าคิดว่าสหายยุทธ์ก้วนซวีจะยอมทนให้เกิดเรื่องขี้โกงขึ้นหรือ”

เหิงเซียวกล่าวอย่างเย็นชา

………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์