Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1911

สรุปบท ตอนที่ 1911 เหนือศีรษะสามฉื่อมีความตาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1911 เหนือศีรษะสามฉื่อมีความตาย – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 1911 เหนือศีรษะสามฉื่อมีความตาย ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 1911 เหนือศีรษะสามฉื่อมีความตาย
เมื่อประกายแหลมเก้าชุ่นแดงสดนั้นปรากฏขึ้นในห้วงนิมิตของหลินสวิน พลังพิสดารก็แผ่กระจายออกมา

พลังนั้นอหังการและดุดัน น่าสะพรึงกลัวหาใดเทียบ!

เพียงแต่หลินสวินเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว โคจรเคล็ดมหาเวทบริกรรมโดยไม่ลังเล รูปจำลองจิตวิญญาณมั่นคงแน่วนิ่ง เปล่งแสงสว่างเหลือประมาณ

ไตรวิถีมกุฎ รวมวิถีมหามรรคทั้งสามสายอันได้แก่หลอมจิต หลอมปราณและหลอมกาย

ตั้งแต่ตอนที่หลินสวินยังไม่บรรลุระดับราชันก็ฝึกทั้งสามวิถีมกุฎไปพร้อมๆ กันแล้ว ความแข็งแกร่งในพลังจิตวิญญาณของเขาย่อมไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกจิตวิญญาณขอบเขตมกุฎในระดับเดียวกัน!

แต่เพียงพริบตาเดียว หลินสวินก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

เพราะแม้ประกายแหลมแดงสดนั้นถูกสกัดไว้ได้ แต่กลับฉายวาบพริบไหว แปลงเป็นเงาร่างพร่ามัวเหมือนว่างเปล่าร่างหนึ่งท่ามกลางความคลุมเครือ

เพียงแค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็ทำให้จิตวิญญาณของหลินสวินกดดัน รู้สึกหวาดผวาหาใดเทียบ

ก็เป็นตอนนี้ที่หลินสวินเข้าใจได้ในที่สุดว่าเหตุใดลู่ตู๋ปู้ถึงไม่ยินยอมขนาดนั้น บอกว่าชัยชนะของอู่หวงเป็นการอาศัยพลังจากภายนอก ไม่ใช่สิ่งของภายนอก!

เพราะพลังของประกายแหลมแดงสดนี้ไม่ได้เป็นของอู่หวงสักนิด!

ตูม!

ทันทีที่เงาร่างพร่ามัวนั้นปรากฏตัว ก็กลายเป็นแสงเลือดสายหนึ่งเหมือนกระบี่เทพสีแดงสด แทงใส่จิตวิญญาณของหลินสวิน

“กำราบ!”

ในสถานการณ์คับขันนี้ ความคิดหลินสวินขยับไหว

ประตูสวรรค์ที่ตั้งตระหง่านเงียบงันอยู่ในส่วนลึกของห้วงนิมิตมาโดยตลอดพลันส่งเสียงครืนครัน ราวกับตื่นจากการหลับไหลชั่วนิรันดร์

ที่ตามมาติดๆ คือพลังคลุมเครือสายหนึ่งกวาดออกมาจากประตูสวรรค์

ปึง!

แสงเลือดที่พุ่งมาสายนั้นระเบิดกระจุยเหมือนกระดาษเปื่อยทันที

“สมควรตาย…! นี่มันสมบัติชั้นไหนกัน!”

เสียงแหบแห้งโกรธเกรี้ยวเสียงหนึ่งดังขึ้น ก็เห็นว่าเงาร่างพร่ามัวนั้นเหมือนตกใจเกินเหตุ ปลีกตัวหนีโดยไม่ลังเล

แต่เขายังประเมินความน่ากลัวของประตูสวรรค์ต่ำเกินไป

พร้อมๆ กับพลังคลุมเครือที่แผ่ออกมา เงาร่างพร่าเลือนนั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตา ถูกสังหารอยู่ในห้วงนิมิตของหลินสวิน!

เรื่องทั้งหมดนี้พูดไปเหมือนช้า แต่ความจริงแล้วเร็วจนน่าเหลือเชื่อ

ตั้งแต่ที่ประกายแหลมแดงสดนั้นฝ่าเข้าไปในห้วงนิมิตจนถูกทำลายไปยังไม่ถึงชั่วพริบตา แต่ความอันตรายในนั้นมีเพียงตัวหลินสวินเองที่สัมผัสได้

และตอนนี้ อู่หวงได้ควบคุมจักระเทพนรกโลหิตทะลวงฟ้าฟันมาที่ศีรษะเขาแล้ว

ทุกคนในที่นั้นต่างจิตใจหดรัด

คนใหญ่คนโตอย่างเหิงเซียว ก้วนซวีเตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือแล้ว

แล้วก็เป็นตอนนี้เอง หุบเหวเปลวเพลิงปากหนึ่งที่มีอานุภาพกลืนกินสิบทิศพลันอุบัติขึ้นรอบตัวหลินสวิน

ตูม!

จักระเทพนรกโลหิตที่มีแสงโลหิตมากมายไหลเวียนถูกหุบเหวเปลวเพลิงขวางเอาไว้ เสียงปะทะดังเลื่อนลั่น ครั่นครืนเหมือนฟ้าร้อง

และตอนนี้หลินสวินหมุนตัวกลับไปแล้ว ดวงตาดำลุ่มลึก

เขายกนิ้วขึ้นดีด

ปราณกระบี่ไท่เสวียนที่ประหนึ่งพายุฝนทะยานออกมา

อู่หวงจะคิดได้อย่างไรว่าการโจมตีที่ต้องได้ผลแน่ๆ กลับถูกสกัดไว้ได้ เรื่องนี้เดิมทีก็ทำให้เขาประหลาดใจแล้ว ตอนนี้พอหลินสวินลงมือจึงเล่นงานเขาชนิดตั้งตัวไม่ติดทันที

ในการโจมตีนี้ ก็เห็นว่าอู่หวงมาไวแต่ไปไวยิ่งกว่า ร่างกายเหมือนถูกหมื่นกระบี่ฟันผ่า ถอยกระเด็นออกไปเสียงดังโครม กระแทกห้วงอากาศจนยุบตัว

เขาผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เลือดออกทั้งปากจมูก ยับเยินเป็นที่สุด จักระเทพนรกโลหิตยังเกือบกระเด็นหลุดมือไป!

“เจ้า… ทำไมถึงสกัดไว้ได้”

เขาสีหน้าบิดเบี้ยว ทำใจเชื่อได้ยาก

หนามโลหิตเทพ!

นั่นเป็นถึงวิชาก้นกรุของเขา พิสดารและน่ากลัว ได้ผลทุกครั้ง

แต่ตอนนี้จินตู๋อีคนนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด นี่ทำให้เขาไม่กล้าเชื่อ

ทั้งที่นั้นเงียบเชียบ

ขณะนี้จิตใจที่หดเกร็งอยู่เดิมของทุกคนในสนามต่างปั่นป่วนจนไม่อาจสงบได้แล้ว

ประกายแหลมแดงสดที่เคยทำให้ลู่ตู๋ปู้พ่ายแพ้ยับเยินนั้นกลับทำอะไรหลินสวินไม่ได้ นี่ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึง ไม่อาจคาดคิดได้

ส่วนคนใหญ่คนโตอย่างเหิงเซียว ก้วนซวีที่เดิมคิดจะลงมือช่วยเหลือก็ถอนหายใจโล่งอกนัก และต่างหวั่นไหวไม่ว่างเว้น

“ไม่มีการช่วยเหลือจากพลังภายนอกเช่นนี้ เจ้า… จะดิ้นรนไปได้อีกถึงตอนไหนกัน”

ยามพูดจา หลินสวินพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเลสักนิด

ปราณกระบี่ไท่เสวียนแน่นขนัดอยู่ทั่วร่างเขาราวกับพายุฝนโหมกระหน่ำ ไหลเวียนไม่ว่างเว้น ส่งเสียงดังชิ้งๆ ปลดปล่อยคมประกายล้ำเลิศ สะท้านฟ้าสะเทือนดินออกมา

นี่ก็ทำให้อานุภาพของเขายิ่งโชติช่วงชวนพรั่นพรึง

ตูม!

หลินสวินบุกทะลวงไปข้างหน้า

เขาในตอนนี้ไม่ออมมืออีกแล้ว มาดที่แสดงออกมาก็ต่างจากเมื่อครู่นี้

ชั่วขณะหนึ่งปราณกระบี่ตัดสลับไปมาในสนามประลอง ฉีกทึ้งห้วงอากาศให้เป็นรอยขาดน่าตกตะลึงรอยแล้วรอยเล่า

พริบตาเดียวอู่หวงก็ถูกกดดัน เผยท่าทางเป็นรองอย่างชัดเจน ไม่นานนักก็ถูกเล่นงานจนโงหัวไม่ขึ้น เพลี่ยงพล้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“แข็งแกร่งจริง!”

“จินตู๋อีโจมตีกลับแล้ว!”

ในที่นั้นมีเสียงอุทานดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า

สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความตระหนก หวาดหวั่นกับท่วงท่าการต่อสู้อันโอหังไร้ศัตรูของหลินสวิน

พวกลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวา ซูมู่หานต่างรู้สึกซับซ้อน กระทั่งตอนนี้พวกเขาจะยังไม่รู้ได้อย่างไรว่าพอเทียบกับจินตู๋อี พวกเขาต่างดูหม่นแสงกว่าอยู่บ้างอย่างไม่ต้องสงสัย!

บุคคลผู้ปรีชาสามารถในโลกนี้ ใช้เกณฑ์ว่าบรรลุมกุฎมรรคาหรือไม่มาแบ่งแยกอยู่ร่ำไป

แต่ในหมู่ผู้เหยียบย่างขอบเขตมกุฎ ก็มีการแบ่งแยกระดับสูงต่ำเช่นกัน

อย่างเฮ่อเหลียนฉี หยวนเหอ หลันอวิ๋นเคอ พอจะถือได้ว่าเป็นบุคคลชั้นหนึ่งในระดับเดียวกัน

อย่างพวกซูมู่หาน หวังถู เซี่ยอวี่ฮวาก็เรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดในระดับเดียวกัน เหมือนอัจฉริยะที่โดดเด่นในสายตาผู้คนในใต้หล้า

ส่วนลู่ตู๋ปู้ อู่หวง แต่ละคนเป็นดั่งผู้กล้าแห่งยุคที่ถือกำเนิดมาพร้อมกับมหาโชควาสนา ส่องแสงหมื่นจั้งดั่งดวงอาทิตย์กันทุกคน

แต่พอพวกผู้มีพรสวรรค์ อัจฉริยะ และผู้โดดเด่นอยู่ต่อหน้าจินตู๋อี กลับย่อมดูหมอง!

อู่หวงเดือดดาล กราดเกรี้ยวจนคลุ้มคลั่ง

เขาตั้งมั่นว่าต้องได้อันดับหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับถูกเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บไปทั่วเหมือนหมาตัวหนึ่ง ท่ามกลางสายตาจับจ้อง ทำให้เขาทั้งโกรธทั้งอายจนจะระเบิด

แต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนหรือต่อต้านอย่างไรก็ล้วนไม่มีประโยชน์เสียแล้ว

จักระเทพนรกโลหิตไม่ได้

ประตูกระหายเลือดไม่ไหว

ต่อให้มิพักสนใจสิ่งใดปานจะเอาชีวิตเข้าแลกก็ยังไม่ไหว!

ท่าทางถูกหลินสวินเผด็จศึกเล่นงานยับเยินโดยสมบูรณ์

ความจริงแล้ว หลินสวินก็ไม่ได้ลงมืออย่างโหดร้ายอยู่แล้ว มิเช่นนั้นด้วยความสามารถของอู่หวง ไม่มีทางยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้สักนิด

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะหลินสวินรู้ดีว่านี่เป็นการคัดเลือกถกมรรค ต่อให้ในใจเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่มีโอกาสสังหารอีกฝ่าย

ถึงอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นก้วนซวีหรือคนใหญ่คนโตคนอื่นที่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องถึงตายในการคัดเลือกถกมรรค

ฆ่าไม่ได้ ก็ทำได้เพียงเล่นงานอีกฝ่ายแรงๆ สักยกเพื่อระบายอารมณ์

โครม!

พอการต่อสู้ดำเนินไป ก็ยิ่งอู่หวงน่าอดสูตามไปด้วย เขาเสื้อผ้าขาดวิ่น ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ผิวหนังแตกระแหงเลือดไหลไปทั้งตัว รอยแผลนับไม่ถ้วน

หลายคนยังแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจอย่างอดไม่ได่

เมื่อกี้ยังเหิมเกริมหยิ่งผยองได้ปานนั้น คล้ายตัวเองดีเลิศกว่าทั้งโลก แต่ตอนนี้ท่าทางน่าอดสูเจ็บปวดโดยสมบูรณ์

โดยเฉพาะนักพรตหลัน ตัวเขานิ่งเหม่อ ทุกครั้งที่อู่หวงถูกกำราบ เขาก็จะสีหน้าเหยเก

“หยุดนะ!!”

ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวเอ่ยปากออกไปจะยุติการแข่งขันครั้งนี้ ความจริงแล้วเป็นเพราะออกจะทนดูอู่หวงถูกทรมานต่อไปไม่ไหวแล้ว

หลินสวินทำเป็นไม่ได้ยิน

เมื่อแรกสุด อู่หวงเคยพูดว่าถ้าตนไม่ยอมแพ้ ก็จะไม่รามืออย่างเด็ดขาด

ที่หลินสวินอยากทำในตอนนี้ก็คือเอาคำพูดของเขาคืนสนองไปที่ตัวเขาเอง!

โครม!

ปราณกระบี่ไท่เสวียนหนาแน่นคำรามลงมา เปล่งรัศมีเจิดจ้าดุจธารดาราเทลงสู่เก้าชั้นฟ้า สะท้อนฟ้าดิน

ด้วยการกระตุ้นของกลิ่นอายดุดันน่ากลัวไร้สิ้นสุดนั้น อู่หวงที่บางเจ็บสาหัสมานานแล้วก็รู้สึกสยดสยอง รับรู้ได้ว่าถ้าตนไม่ยอมแพ้อีก ย่อมไม่มีทางมีชีวิตรับการโจมตีนี้ไว้ได้แน่

“ข้ายอมแพ้!”

เขาคำรามออกมา เสียงเหมือนเค้นลอดไรฟัน

สวบ!

ปราณกระบี่เต็มฟ้าหยุดอยู่ห่างจากศีระษะของอู่หวงไปสามฉื่อ

เหนือศีรษะสามฉื่อมีทวยเทพ

แต่ตอนนี้สำหรับอู่หวงแล้ว เหนือศีรษะสามฉื่อมีความตาย!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์