พลังนั้นอหังการและดุดัน น่าสะพรึงกลัวหาใดเทียบ!
เพียงแต่หลินสวินเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว โคจรเคล็ดมหาเวทบริกรรมโดยไม่ลังเล รูปจำลองจิตวิญญาณมั่นคงแน่วนิ่ง เปล่งแสงสว่างเหลือประมาณ
ไตรวิถีมกุฎ รวมวิถีมหามรรคทั้งสามสายอันได้แก่หลอมจิต หลอมปราณและหลอมกาย
ตั้งแต่ตอนที่หลินสวินยังไม่บรรลุระดับราชันก็ฝึกทั้งสามวิถีมกุฎไปพร้อมๆ กันแล้ว ความแข็งแกร่งในพลังจิตวิญญาณของเขาย่อมไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกจิตวิญญาณขอบเขตมกุฎในระดับเดียวกัน!
แต่เพียงพริบตาเดียว หลินสวินก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย
เพราะแม้ประกายแหลมแดงสดนั้นถูกสกัดไว้ได้ แต่กลับฉายวาบพริบไหว แปลงเป็นเงาร่างพร่ามัวเหมือนว่างเปล่าร่างหนึ่งท่ามกลางความคลุมเครือ
เพียงแค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็ทำให้จิตวิญญาณของหลินสวินกดดัน รู้สึกหวาดผวาหาใดเทียบ
ก็เป็นตอนนี้ที่หลินสวินเข้าใจได้ในที่สุดว่าเหตุใดลู่ตู๋ปู้ถึงไม่ยินยอมขนาดนั้น บอกว่าชัยชนะของอู่หวงเป็นการอาศัยพลังจากภายนอก ไม่ใช่สิ่งของภายนอก!
เพราะพลังของประกายแหลมแดงสดนี้ไม่ได้เป็นของอู่หวงสักนิด!
ตูม!
ทันทีที่เงาร่างพร่ามัวนั้นปรากฏตัว ก็กลายเป็นแสงเลือดสายหนึ่งเหมือนกระบี่เทพสีแดงสด แทงใส่จิตวิญญาณของหลินสวิน
“กำราบ!”
ในสถานการณ์คับขันนี้ ความคิดหลินสวินขยับไหว
ประตูสวรรค์ที่ตั้งตระหง่านเงียบงันอยู่ในส่วนลึกของห้วงนิมิตมาโดยตลอดพลันส่งเสียงครืนครัน ราวกับตื่นจากการหลับไหลชั่วนิรันดร์
ที่ตามมาติดๆ คือพลังคลุมเครือสายหนึ่งกวาดออกมาจากประตูสวรรค์
ปึง!
แสงเลือดที่พุ่งมาสายนั้นระเบิดกระจุยเหมือนกระดาษเปื่อยทันที
“สมควรตาย…! นี่มันสมบัติชั้นไหนกัน!”
เสียงแหบแห้งโกรธเกรี้ยวเสียงหนึ่งดังขึ้น ก็เห็นว่าเงาร่างพร่ามัวนั้นเหมือนตกใจเกินเหตุ ปลีกตัวหนีโดยไม่ลังเล
แต่เขายังประเมินความน่ากลัวของประตูสวรรค์ต่ำเกินไป
พร้อมๆ กับพลังคลุมเครือที่แผ่ออกมา เงาร่างพร่าเลือนนั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตา ถูกสังหารอยู่ในห้วงนิมิตของหลินสวิน!
เรื่องทั้งหมดนี้พูดไปเหมือนช้า แต่ความจริงแล้วเร็วจนน่าเหลือเชื่อ
ตั้งแต่ที่ประกายแหลมแดงสดนั้นฝ่าเข้าไปในห้วงนิมิตจนถูกทำลายไปยังไม่ถึงชั่วพริบตา แต่ความอันตรายในนั้นมีเพียงตัวหลินสวินเองที่สัมผัสได้
และตอนนี้ อู่หวงได้ควบคุมจักระเทพนรกโลหิตทะลวงฟ้าฟันมาที่ศีรษะเขาแล้ว
ทุกคนในที่นั้นต่างจิตใจหดรัด
คนใหญ่คนโตอย่างเหิงเซียว ก้วนซวีเตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือแล้ว
แล้วก็เป็นตอนนี้เอง หุบเหวเปลวเพลิงปากหนึ่งที่มีอานุภาพกลืนกินสิบทิศพลันอุบัติขึ้นรอบตัวหลินสวิน
ตูม!
จักระเทพนรกโลหิตที่มีแสงโลหิตมากมายไหลเวียนถูกหุบเหวเปลวเพลิงขวางเอาไว้ เสียงปะทะดังเลื่อนลั่น ครั่นครืนเหมือนฟ้าร้อง
และตอนนี้หลินสวินหมุนตัวกลับไปแล้ว ดวงตาดำลุ่มลึก
เขายกนิ้วขึ้นดีด
ปราณกระบี่ไท่เสวียนที่ประหนึ่งพายุฝนทะยานออกมา
อู่หวงจะคิดได้อย่างไรว่าการโจมตีที่ต้องได้ผลแน่ๆ กลับถูกสกัดไว้ได้ เรื่องนี้เดิมทีก็ทำให้เขาประหลาดใจแล้ว ตอนนี้พอหลินสวินลงมือจึงเล่นงานเขาชนิดตั้งตัวไม่ติดทันที
ในการโจมตีนี้ ก็เห็นว่าอู่หวงมาไวแต่ไปไวยิ่งกว่า ร่างกายเหมือนถูกหมื่นกระบี่ฟันผ่า ถอยกระเด็นออกไปเสียงดังโครม กระแทกห้วงอากาศจนยุบตัว
เขาผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เลือดออกทั้งปากจมูก ยับเยินเป็นที่สุด จักระเทพนรกโลหิตยังเกือบกระเด็นหลุดมือไป!
“เจ้า… ทำไมถึงสกัดไว้ได้”
เขาสีหน้าบิดเบี้ยว ทำใจเชื่อได้ยาก
หนามโลหิตเทพ!
นั่นเป็นถึงวิชาก้นกรุของเขา พิสดารและน่ากลัว ได้ผลทุกครั้ง
แต่ตอนนี้จินตู๋อีคนนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด นี่ทำให้เขาไม่กล้าเชื่อ
ทั้งที่นั้นเงียบเชียบ
ขณะนี้จิตใจที่หดเกร็งอยู่เดิมของทุกคนในสนามต่างปั่นป่วนจนไม่อาจสงบได้แล้ว
ประกายแหลมแดงสดที่เคยทำให้ลู่ตู๋ปู้พ่ายแพ้ยับเยินนั้นกลับทำอะไรหลินสวินไม่ได้ นี่ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึง ไม่อาจคาดคิดได้
ส่วนคนใหญ่คนโตอย่างเหิงเซียว ก้วนซวีที่เดิมคิดจะลงมือช่วยเหลือก็ถอนหายใจโล่งอกนัก และต่างหวั่นไหวไม่ว่างเว้น
“ไม่มีการช่วยเหลือจากพลังภายนอกเช่นนี้ เจ้า… จะดิ้นรนไปได้อีกถึงตอนไหนกัน”
ยามพูดจา หลินสวินพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเลสักนิด
ปราณกระบี่ไท่เสวียนแน่นขนัดอยู่ทั่วร่างเขาราวกับพายุฝนโหมกระหน่ำ ไหลเวียนไม่ว่างเว้น ส่งเสียงดังชิ้งๆ ปลดปล่อยคมประกายล้ำเลิศ สะท้านฟ้าสะเทือนดินออกมา
นี่ก็ทำให้อานุภาพของเขายิ่งโชติช่วงชวนพรั่นพรึง
ตูม!
หลินสวินบุกทะลวงไปข้างหน้า
เขาในตอนนี้ไม่ออมมืออีกแล้ว มาดที่แสดงออกมาก็ต่างจากเมื่อครู่นี้
ชั่วขณะหนึ่งปราณกระบี่ตัดสลับไปมาในสนามประลอง ฉีกทึ้งห้วงอากาศให้เป็นรอยขาดน่าตกตะลึงรอยแล้วรอยเล่า
พริบตาเดียวอู่หวงก็ถูกกดดัน เผยท่าทางเป็นรองอย่างชัดเจน ไม่นานนักก็ถูกเล่นงานจนโงหัวไม่ขึ้น เพลี่ยงพล้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“แข็งแกร่งจริง!”
“จินตู๋อีโจมตีกลับแล้ว!”
ในที่นั้นมีเสียงอุทานดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า
สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความตระหนก หวาดหวั่นกับท่วงท่าการต่อสู้อันโอหังไร้ศัตรูของหลินสวิน
พวกลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวา ซูมู่หานต่างรู้สึกซับซ้อน กระทั่งตอนนี้พวกเขาจะยังไม่รู้ได้อย่างไรว่าพอเทียบกับจินตู๋อี พวกเขาต่างดูหม่นแสงกว่าอยู่บ้างอย่างไม่ต้องสงสัย!
บุคคลผู้ปรีชาสามารถในโลกนี้ ใช้เกณฑ์ว่าบรรลุมกุฎมรรคาหรือไม่มาแบ่งแยกอยู่ร่ำไป
แต่ในหมู่ผู้เหยียบย่างขอบเขตมกุฎ ก็มีการแบ่งแยกระดับสูงต่ำเช่นกัน
อย่างเฮ่อเหลียนฉี หยวนเหอ หลันอวิ๋นเคอ พอจะถือได้ว่าเป็นบุคคลชั้นหนึ่งในระดับเดียวกัน
อย่างพวกซูมู่หาน หวังถู เซี่ยอวี่ฮวาก็เรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดในระดับเดียวกัน เหมือนอัจฉริยะที่โดดเด่นในสายตาผู้คนในใต้หล้า
ส่วนลู่ตู๋ปู้ อู่หวง แต่ละคนเป็นดั่งผู้กล้าแห่งยุคที่ถือกำเนิดมาพร้อมกับมหาโชควาสนา ส่องแสงหมื่นจั้งดั่งดวงอาทิตย์กันทุกคน
แต่พอพวกผู้มีพรสวรรค์ อัจฉริยะ และผู้โดดเด่นอยู่ต่อหน้าจินตู๋อี กลับย่อมดูหมอง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์