Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1923

ตอนที่ 1923 ไร้ข้าไร้ลักษณ์ ไร้ข้าไร้ตัวตน
จวนอวี๋เหิงจากไปแล้ว รู้แพ้รู้ชนะ จากไปอย่างเด็ดเดี่ยว

เหิงเซียวผ่อนคลายไปทั้งกาย

จากความห้าวหาญและความหยิ่งในศักดิ์ศรีที่จวนอวี๋เหิงแสดงออกมา ผ่านการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ครั้งนี้ เขาไม่มีทางคิดแค้นผูกพยาบาทสำนักยุทธ์เสวียนจีแน่

หลังคุยกับหลินสวินอยู่ครู่หนึ่งเหิงเซียวเองก็บอกลาจากไป ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้ถามเลยว่าในกล่องสำริดที่จวนอวี๋เหิงทิ้งเอาไว้ ปิดผนึกศาสตราจักรพรรดิอะไรไว้

หลินสวินย้อนกลับถ้ำสถิตแล้วเปิดกล่องสำริดออกทันที

สิ่งที่สะท้อนอยู่ในสายตาคือแสงศักดิ์สิทธิ์สีเงินที่อ่อนโยนราวกับน้ำ สว่างไสวพร่างพราว กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์น่ากลัว

จานหยกใบหนึ่งวางอยู่ในกล่องสำริดนิ่งๆ โปร่งแสงแวววาวราวหิมะ ให้ความรู้สึกสัมบูรณ์ที่สมบูรณ์แบบไร้บกพร่อง

เมื่อมองอย่างละเอียด ในจานหยกมีสัญลักษณ์ลายมรรคแปลกประหลาดสองสาย ราวกับปลาคู่หนึ่ง แบ่งแยกลักษณ์ผสานหยินหยาง สองลักษณ์โคจรซึ่งกันและกัน

ท่ามกลางความเลื่อนลอย หลินสวินเพียงรู้สึกใจสั่น ราวกับอยู่ในโลกที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่ง

ในโลกนี้ขุ่นมัวไร้นาม ปรากฏร่องรอยมหามรรคที่ไพศาลวุ่นวายมากมาย ราวกับไส้เดือนนับไม่ถ้วนกำลังบิดตัว หนาแน่นไร้ขอบเขต

ร่องรอยมหามรรคแต่ละสายล้วนสั่งสมท่วงทำนองมรรคอันลึกลับ อธิบายแก่นแท้มหามรรค เพียงแต่ดูกระจัดกระจายและโกลาหลเกินไป ทำให้คนปวดหัว ทรมานจนแทบจะกระอักเลือด

ด้วยมรรควิถีในตอนนี้ของหลินสวิน รวมถึงระดับการหยั่งรู้ต่อมหามรรค ตอนที่เห็นภาพนี้ยังจิตใจปั่นป่วนสับสน

ถึงขั้นที่มองนานไป สภาวะจิตล้วนมีสัญญาณกระสับกระส่ายยากสงบ สั่นสะท้านประหนึ่งจะพังทลาย

เป็นเพราะรอยมหามรรคนับไม่ถ้วนนั้นวุ่นวายสับสนเกินไป

และตอนนี้เองจานหยกใบหนึ่งผุดออกมา แวววาวเป็นประกาย ปรากฏสัญญาณแห่งความสัมบูรณ์

พอมันหมุนไปรอบๆ สัญลักษณ์ประหลาดที่ราวกับปลาสองตัวก็พริบวาบ รวมร่องรอยมหามรรคที่กระจัดกระจายนับไม่ถ้วนเข้าด้วยกัน ผสานเข้าไปในจานหยก…

จากนั้นภาพอันน่าตะลึงปรากฏขึ้น ร่องรอยมหามรรคที่กระจัดกระจายอยู่ถูกจัดเรียง แบ่งแยก จากนั้นถูกอนุมานไม่หยุด สำแดงเป็นความอัศจรรย์อันเป็นแก่นแท้ถึงที่สุดพร้อมๆ กับการหมุนวนของจานหยก!

ตูม!

ถึงตอนนี้หลินสวินหัวใจสะท้าน แต่ละภาพหายไปจากสมอง แต่หลินสวินกลับรู้ที่มาของศาสตราจักรพรรดิที่อยู่ตรงหน้าแล้ว

จานมหามรรคไร้ตัวตน!

มหามรรคไร้รูป ลักษณ์เกิดจากใจ

ไร้ข้าไร้ลักษณ์ ไร้ข้าไร้ตัวตน!

พูดง่ายๆ ก็คือ แท้จริงแล้วมหามรรคไร้ลักษณ์ไร้นาม สิ่งที่ผู้ฝึกปราณหยั่งถึง ล้วนเป็นร่องรอยมหามรรคที่สภาวะจิตของตนมองเห็น

และร่องรอยมหามรรคที่ผู้ฝึกปราณแต่ละคนมองเห็น ถูกกำหนดให้แตกต่างกัน

หากสามารถทำให้สภาวะจิตสำแดงสภาวะว่างเปล่าไร้ตัวตนที่ไร้ข้าไร้ลักษณ์ ก็จะสามารถหยั่งถึงแก่นอัศจรรย์ที่จริงแท้ที่สุดของมหามรรค!

และจานมหามรรคไร้ตัวตน ก็คือสมบัติจักรพรรดิที่ช่วยผู้ฝึกปราณหยั่งรู้และอนุมานมหามรรค!

เข้าใจจุดนี้หลินสวินอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้ ตระหนักได้ว่าแม้จานมหามรรคไร้ตัวตนจะไม่ใช่อาวุธต่อสู้ แต่ความมหัศจรรย์ของสมบัติชิ้นนี้กลับเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน!

อนุมานร่องรอยแห่งมหามรรค หยั่งรู้แก่นแท้แห่งมหามรรค เท่ากับช่วยผู้ฝึกปราณในการหยั่งรู้และทำความเข้าใจนัยเร้นลับแห่งมหามรรคทั่วหล้า

‘มีสมบัตินี้ ยังต้องห่วงว่าเขตแดนมรรคของข้าจะไม่บรรลุถึงขั้นสมบูรณ์อีกหรือ’

ทันใดนั้นหลินสวินพลันตระหนักได้ถึงคุณค่าของจานมหามรรคไร้ตัวตน ในใจก็ถอนหายใจตกตะลึงไม่หยุด

หากไม่เห็นกับตา เขาคิดไม่ถึงเลยว่าบนโลกนี้จะถึงกับมีสมบัติจักรพรรดิที่แปลกประหลาดและมหัศจรรย์เช่นนี้อยู่

และเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตน จวนอวี๋เหิงที่ยอมมอบสมบัติจักรพรรดิชิ้นนี้ให้ก็ทำให้หลินสวินยิ่งไม่กล้าดูถูก

รู้แพ้รู้ชนะเป็นเรื่องหนึ่ง แต่สามารถส่งศาสตราจักรพรรดิที่เยี่ยมยอดและมหัศจรรย์เช่นนี้ออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว แม้เป็นบุคคลระดับจักรพรรดิยังยากจะทำได้!

จนถึงตอนนี้หลินสวินมีศาสตราจักรพรรดิ คือ ขวดไร้ขอบเขต โคมไร้มลทิน ประทับไร้ชีพ ธงไร้ระเบียบ และจานไร้ตัวตน ทั้งหมดห้าชิ้นแล้ว!

พูดอีกอย่าง เก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุน หลินสวินครอบครองไว้แล้วห้าชิ้น!

หลังสังเกตและพินิจจานมหามรรคไร้ตัวตนครู่ใหญ่ หลินสวินถึงค่อยเก็บสมบัติชิ้นนี้ แล้วเปิดหีบสำริดใหญ่นั่นอีกครั้ง

ในหีบนี้นอกจากสมบัติทั้งสองอย่างประทับไร้ชีพและธงไร้ระเบียบ ยังมีก้อนดินเทาขุ่นก้อนหนึ่งและไม้เทพที่เน่าเปื่อยอีกท่อน

หลินสวินมองอยู่นานก็ไม่เห็นอะไรพิเศษ อีกทั้งแม้ใช้จิตรับรู้สัมผัสก็ไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายของสมบัติสองชิ้นนี้

เขาหัวใจกระตุกวูบ นึกถึงเจ้าเฒ่าตนหนึ่งขึ้นมา

ฮูม…

เมื่อหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ ต้นบรรพชนหลอมจิตพลันปรากฏกลางอากาศ

ต้นบรรพชนหลอมจิตต้นนี้เคยท่องฟ้าดารากับมหาจักรพรรดิแยกฟ้า มีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง อีกทั้งร่างเดิมของมันก็เป็นไม้เทพชนิดหนึ่ง ทันทีที่มันปรากฏตัวก็ตะโกนอย่างตื่นเต้น “โอ๊ยๆ! นี่… นี่ นี่คือดินปราณแรกกำเนิดหรือ”

เสียงเต็มไปด้วยความยากจะเชื่อ

ดินปราณแรกกำเนิด!

หลินสวินหัวใจสะท้าน

ตอนนั้นอู้เชวียวิญญาณอาวุธของธนูวิญญาณไร้แก่นสารเคยพูดถึงเรื่องหนึ่ง

สี่ไม้เทพบรรพกาลอย่างฝูซาง ชางอู๋ เจี้ยนมู่ คุนอู๋ ล้วนถือกำเนิดในแดนบ่อเกิดแรกกำเนิด มีลายมรรคของบ่อเกิดแรกกำเนิดตามธรรมชาติ

ในตำนานกล่าวว่า เพียงแค่รวบรวม ‘รากปฐมจิตวิญญาณ’ ของไม้เทพทั้งสี่ครบ ใช้เจตวัตถุฟ้าประทานทั้งสี่อย่างดินปราณแรกกำเนิด ดินมหัศจรรย์ห้าสี ทรายวิญญาณดาราขุ่นใส วารีแรกปฐมหล่อเลี้ยง ก็จะสามารถให้กำเนิดต้นกล้าของต้นบ่อเกิดแรกกำเนิดได้

พอถึงเวลานั้น ขอเพียงแค่เลี้ยงต้นกล้านี้ไว้ในกาย ก็จะมีส่วนช่วยอย่างเหลือเชื่อต่อการฝึกปราณมรรคจักรพรรดิ!

อิงตามที่อู้เชวียพูด ในการต่อสู้ระดับจักรพรรดิ ใครสามารถครอบครองต้นบ่อเกิดแรกกำเนิด ก็เท่ากับมี ‘กฎเกณฑ์แรกกำเนิด’ ควบคุมรากฐานแห่งพลังมรรคแรกกำเนิด ระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ ใช่ว่าจะเทียบได้

ในหลายปีมานี้ หลินสวินเก็บ ‘รากปฐมจิตวิญญาณ’ ของต้นเทพฝูซางได้จากหุบเขาตะวันคล้อย อาณาเขตของเผ่าอีกาทอง

จวนอวี๋เหิงกำลังรักษาแผล นิ่งเงียบไม่พูดจา

ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่นี้สร้างแรงสะเทือนมาให้เขาอย่างถึงที่สุด

“นายน้อย ท่านไม่จำเป็นต้องท้อแท้ รอพวกเรากลับไปถึงแคว้นกลางมรรค เพียงแค่ปล่อยข่าวว่าจินตู๋อีครอบครองประทับไร้ชีพ ธงไร้ระเบียบ ก็จะมีคนไล่ฆ่าคนผู้นี้เอง!”

หญิงที่งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้คนหนึ่งพูดเสียงเบา

จวนอวี๋เหิงเงยหน้าขึ้น แววตาเย็นเยียบน่ากลัว กล่าวว่า “ถ้าเจ้ากล้าพูดอีกประโยค ข้าจะถอดเอ็นถลกหนังเจ้าทันที!”

หญิงงามผู้นั้นสั่นไปทั้งตัว สีหน้าซีดเผือด

จวนอวี๋เหิงไม่ได้สนใจนาง สายตากวาดมองผู้หญิงคนอื่นๆ แล้วเอ่ยว่า “เรื่องวันนี้อย่าเผยแพร่ออกไปแม้แต่คำเดียว ได้ยินหรือไม่”

เหล่าหญิงสาวล้วนหน้าเปลี่ยนสี รีบพยักหน้าตอบรับ

จวนอวี๋เหิงสูดหายใจลึกคราหนึ่ง พูดออกมาทีละคำ “ไม่ว่าจะเป็นจานไร้ตัวตนหรือศาสตราจักรพรรดิอื่น ข้าย่อมต้องเอาชนะชิงคืนมาเอง พวกเจ้าไม่ต้องยุ่งมากเรื่อง!”

ในใจเหล่าหญิงสาวยิ่งหวาดกลัว

……

เช้าตรู่วันถัดมา

หลินสวินตื่นจากการทำสมาธิก็ได้รับข่าวจากเหิงเซียว ว่าบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักยุทธ์เสวียนจีหวนกลับสำนักแล้ว

หลินสวินกับเหิงเซียวจึงเข้าสู่เขตหวงห้ามหลังเขาอีกครั้งทันที

“อา…”

ยามป๋อหยาจื่อที่เงาร่างผอมซูบอยู่ในชุดคลุมสีเทาเห็นหลินสวิน ก็อ้าปากหมายจะเรียกว่าอาจารย์เล็ก แต่สุดท้ายก็ฝืนเปลี่ยนเป็นคำว่า “สหายน้อย” แทน

หลังจากหลินสวินเข้าไปคารวะทักทาย ก็ถามว่า “เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่”

ป๋อหยาจื่อยิ้มพยักหน้า “ทางเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงข้าได้จัดการเรียบร้อยแล้ว หากสหายน้อยรีบ ตอนนี้ก็ไปได้เลย”

“เช่นนั้นก็ออกเดินทางเถอะ”

หลินสวินตัดสินใจ

“ได้”

ป๋อหยาจื่อเองก็ไม่ใช่คนพิรี้พิไร พาหลินสวินออกจากสำนักยุทธ์เสวียนจีอย่างไร้เงียบเชียบไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น

ร่วมทางกับผู้ยิ่งใหญ่ที่บรรลุจักรพรรดิมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล หลินสวินไม่กังวลว่าระหว่างทางจะเจออุปสรรคอะไร

และความจริงก็เป็นเช่นนี้

เพียงแค่สองวันภายใต้การนำทางของป๋อหยาจื่อ พวกหลินสวินก็มาถึงริมฝั่งแม่น้ำเจียงอย่างราบรื่น!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์