บนยาน ก้วนซวีจัดงานเลี้ยงขึ้น เชิญพวกหลินสวินสิบคนมาร่วมดื่มสุราพูดคุยกัน
“แคว้นกลางมรรค นับตั้งแต่อดีตก็มีฉายาว่า ‘สถานที่รวมเหล่าจักรพรรดิ ดินแดนบรรพจารย์มรรคเร้นกาย’ พวกคนเช่นข้า หลังจากไปถึงที่นั่นก็ดูไม่ได้เลยสักนิด”
ก้วนซวีทอดถอนใจ “ที่นั่นเจริญรุ่งเรืองและเฟื่องฟูหาใดเปรียบ ไม่เพียงขุมอำนาจมากมาย ผู้แข็งแกร่งเหลือหลาย สุ่มเลือกออกมาหนึ่งขุมอำนาจ ไปอยู่ในแคว้นอื่นยังประหนึ่งเจ้าเหนือหัวก็ไม่ปาน”
พวกหลินสวินรับฟังเงียบๆ ในใจก็อดเลื่อนลอยไม่ได้
แคว้นกลางมรรค!
ใจกลางของโลกใหญ่หงเหมิง แดนมรรคแห่งหนึ่งที่รุ่งโรจน์ที่สุดทั่วทั้งฟ้าดารา ลือกันว่าความกว้างใหญ่ของแคว้นนี้เสมือนไร้ขอบเขตไร้สิ้นสุด ไม่อาจวัดได้สักนิด
หากเทียบแคว้นอื่นในโลกใหญ่หงเหมิงเป็นดั่งทะเลสาบที่มีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน เช่นนั้นแคว้นกลางมรรคก็เป็นมหาสมุทรใหญ่ผืนหนึ่ง!
“รอให้งานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้สิ้นสุด หากมีเวลาว่าง พวกเจ้าสามารถท่องชมแคว้นกลางมรรคกันได้ ดื่มด่ำความรุ่งเรืองและตระการของแดนมรรคแห่งนี้สักหน่อย นี่ย่อมมีประโยชน์อันประเมินค่าไม่ได้ต่อการฝึกปราณในภายหน้าของพวกเจ้าอย่างแน่นอน”
ก้วนซวีก็เหมือนผู้อาวุโสที่โอบอ้อมอารีคนหนึ่ง พูดคุยเรื่อยเปื่อยกับพวกหลินสวิน ไม่ได้วางมาดแต่อย่างใด
หลินสวินไม่รู้ว่าคนอื่นๆ คิดอย่างไร แต่อย่างน้อยความประทับใจที่เขามีต่อก้วนซวีก็ดีเยี่ยมยิ่ง นี่คือผู้อาวุโสที่ใจกว้าง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยิ่งคนหนึ่ง
“แน่นอน จุดหมายในการเดินทางของพวกเราในครั้งนี้คืองานชุมนุมถกมรรค รอให้ถึงแคว้นกลางมรรค ข้าจะพาพวกเจ้ามุ่งหน้าสู่ภูเขาเทพแสงเขียวทันที เรือนมรรคโลกาสวรรค์ที่ชื่อเสียงสะท้านโลกก็ตั้งอยู่บนนั้นด้วย”
“ถึงตอนนั้นระดับมกุฎราชันอริยะที่โดดเด่นที่สุดทั่วหล้า ต่างก็จะรวมตัวอยู่ที่นั่น เข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคเช่นเดียวกับพวกเจ้า”
“จากข้อมูลที่ข้าได้รับมา งานชุมนุมครั้งนี้มีผู้อาวุโสไท่ซูหง เจ้าสำนักเรือนมรรคโลกาสวรรค์เป็นเจ้าภาพด้วยตัวเอง!”
เมื่อก้วนซวีเอ่ยถึงตรงนี้ คนไม่น้อยต่างสูดหายใจสะท้าน
ไท่ซูหง!
บุคคลเทียมฟ้าคนหนึ่งที่แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิมาเนิ่นนานก่อนหน้านี้ ชื่อเสียงสะท้านฟ้าดารา อานุภาพสะเทือนสี่ทิศ มีฉายา ‘มหาจักรพรรดิยอดฟ้า’
“พอจะคาดเดาได้ว่า ยามที่งานชุมนุมถกมรรคเปิดม่าน จะต้องมีระดับจักรพรรดิมากมายปรากฏตัวในงานชุมนุมในฐานะแขกกิตติมศักดิ์เป็นแน่…”
นัยน์ตาก้วนซวียังเผยแววตั้งตาคอย
งานชุมนุมถกมรรคครั้งหนึ่ง ไม่เพียงทำให้มกุฎราชันอริยะที่โดดเด่นเฉิดฉายนับไม่ถ้วนทั่วหล้ามารวมตัวอยู่ในที่เดียว ยังดึงดูดบรรดาจักรพรรดิเข้ามาร่วมชม เรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์!
ตูม!
ทันใดนั้นไกลออกไปก็มีเสียงทำลายห้วงอากาศรุนแรงดังขึ้น
ก้วนซวีเงียบลงโดยพลัน หยัดกายขึ้นพาพวกหลินสวินเดินออกจากห้องโดยสาร ก็เห็นว่าในห้วงอากาศไกลออกไปมี ‘อสูรมังกรตะพาบเพลิง’ ตัวมหึมาหาใดเปรียบดุจดั่งแผ่นดินใหญ่ลอยฟ้า กำลังแล่นโฉบอยู่กลางห้วงอากาศ
บนหลังอสูรมังกรตะพาบเพลิงแบกภูเขาเทพงามวิจิตรลูกหนึ่ง บนภูเขาเทพมีหอเรือนตั้งเรียงรายเป็นทิวแถว
“ฮ่าๆๆ สหายยุทธ์ก้วนซวีเองหรือ”
บนอสูรมังกรตะพาบเพลิงปรากฏเงาร่างล่ำสันอย่างที่สุดสายหนึ่ง ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น
“ที่แท้ก็สหายยุทธ์ซางหยานี่เอง”
ก้วนซวียิ้มพลางประสานมือคารวะ
“เฮ้อ ต้องเร่งเดินทาง ไม่คุยเล่นกับเจ้าแล้ว รอให้ถึงภูเขาเทพแสงเขียว ข้าค่อยไปชวนเจ้าดื่มสุรากันทีหลัง”
“ดี!”
“ขอตัวก่อน”
เงาร่างล่ำสันสายนั้นกล่าวทักทาย แล้วบังคับอสูรมังกรตะพาบเพลิงห้อตะบึงจากไป
“คนผู้นี้คือเจ้าสำนักสำนักยุทธ์หมู่ดารา สำนักอันดับหนึ่งของแคว้นดารา รับหน้าที่พาสิบอันดับแรกแคว้นดารามาร่วมงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้เหมือนกับข้า”
ก้วนซวีเอ่ยอธิบายประโยคหนึ่ง
“แคว้นดารา? ข้าจำได้ว่าอันดับหนึ่งแคว้นดาราชื่อสวีชิงเจียน คนผู้นี้ดูดีมีสง่า หน้าตาดุจภาพวาด ถูกมองเป็นเซียนอันดับหนึ่งแห่งแคว้นดารา”
มีคนหัวเราะเบาๆ “น่าเสียดายแล้ว เมื่อครู่ดันไม่ได้เห็นท่วงท่าสง่างามของโฉมงามแห่งยุคคนนี้กับตาตัวเอง”
คนไม่น้อยก็พลอยหัวเราะขึ้นมาด้วย
ในงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงหมู่ดาวพราวพร่าง ยังมีโฉมงามแห่งยุคในกระดานยอดจรัสฟ้าดารามากมายปรากฏตัวอีกด้วย!
สองวันให้หลัง
ยานสมบัติแล่นเข้าสู่อาณาเขตแคว้นกลางมรรค!
น่าเสียดาย เพื่อเร่งเดินทางพวกหลินสวินไม่สามารถดื่มด่ำทิวทัศน์ของแคว้นกลางมรรคอย่างละเอียดได้
“นี่คือ ‘เส้นทางห้วงอากาศ’ เชื่อมสู่ภูเขาเทพแสงเขียว เข้าไปในนั้น ภายในเวลาหนึ่งก้านธูปก็สามารถไปถึงเรือนมรรคโลกาสวรรค์”
เบื้องหน้ากำแพงเมืองเก่าแก่แห่งหนึ่ง มีอุโมงค์รุ้งวิเศษเป็นสายๆ ลอยอยู่ ก้วนซวีชี้ไปที่รุ้งวิเศษสายหนึ่งภายในนั้นแล้วกล่าวขึ้น
เส้นทางห้วงอากาศ!
เส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างเขตแดน เข้าไปในนั้นก็สามารถไปถึงปลายทางได้โดยตรง
มีเพียงขุมอำนาจใหญ่โตอย่างหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่เท่านั้น จึงจะสามารถจัดวางเส้นทางวิเศษอัศจรรย์เช่นนี้ได้
หากเคลื่อนย้ายผ่านกระบวนค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ ก็ต้องผ่านกระบวนค่ายกลหลายต่อ ไม่เพียงสิ้นเปลืองผลึกมรรคมหาศาล ตอนที่เปลี่ยนกระบวนค่ายกลยังวุ่นวายถึงขีดสุด
ถึงอย่างไรแคว้นกลางมรรคนี่ก็กว้างใหญ่เกินไป ประหนึ่งกว้างขวางไร้ขอบเขต หากไม่อาศัยเส้นทางห้วงอากาศ ลำพังเพียงแค่จะไปถึงภูเขาเทพแสงเขียวยังต้องห้อทะยานไม่รู้กี่วันกี่คืน
“ไป”
ก้วนซวีหยิบป้ายคำสั่งโลกาสวรรค์อันลึกลับชิ้นหนึ่งออกมา โบกเบาๆ คราหนึ่ง ทันใดนั้นรุ้งวิเศษกลางห้วงอากาศสายหนึ่งก็ทอประกายแสงงดงามออกมา และปรากฏประตูบานหนึ่ง
เสียงสวบดังขึ้นหนึ่งครา ภายใต้การนำของก้วนซวี ยานสมบัติแล่นเข้าไปในนั้น พริบตาก็อันตรธานหายไป
ภายในเส้นทางห้วงอากาศเป็นทิวทัศน์อีกแบบหนึ่ง ราวกับเข้าสู่โลกขุ่นมัวที่คลุมเครือเลือนรางแห่งหนึ่งก็ไม่ปาน
และภายในเส้นทางห้วงอากาศที่เชื่อมสู่ภูเขาเทพแสงเขียวเส้นนี้ พวกหลินสวินมองเห็นเงาร่างมากมายไม่ขาดสาย
บ้างโดยสารยานสมบัติขนาดมหึมา บ้างควบขี่บนสัตว์ยักษ์ บ้างเหยียบเมฆมงคล บ้างบังคับสมบัติวิเศษ…
ตลอดทางก้วนซวีทักทายผู้คนไม่หยุด พร้อมกันนั้นก็แนะนำฐานะของอีกฝ่ายให้พวกหลินสวินรู้จัก ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่มาจากแคว้นอื่นในโลกใหญ่หงเหมิงเช่นเดียวกับพวกเขา
อย่างเช่นแคว้นยมโลก แคว้นเขียว แคว้นหิมะเป็นต้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์