เป็นเสวียนจิ่วอิ้นนั่นเอง!
เด็กหนุ่ม ‘เสี่ยวจิ่ว’ ที่เคยโดยสารยานลมกรดเหินข้ามฟ้าดารามาพร้อมกับหลินสวินและจินเทียนเสวียนเยวี่ยคนนั้น
“เป็นเจ้า?”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยอึ้งไป แต่ไม่ถึงขั้นตกใจ
เพราะในข้อมูลที่สืบรู้มาก่อนหน้านี้ทำให้นางรู้ว่า เด็กหนุ่มใบหน้ายิ้มแย้มคนนี้ ยามนี้เป็นอันดับหนึ่งในศึกถกมรรคแคว้นทองแดงแล้ว!
เขามาเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรค เดิมก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“ฮ่า แม่นางเสวียนเยวี่ยยังจำข้าได้”
เด็กหนุ่มชุดป่านหัวเราะร่วน เห็นได้ชัดว่ากระตือรือร้นยิ่ง “คนนั้นน่ะ ข้าจำได้ว่าเจ้าร่วมเดินทางพร้อมกับพี่อวี่เสวียนไม่ใช่หรือ แล้วเขาเล่า”
กล่าวพลาง สายตาของเขาก็เริ่มมองสำรวจบนร่างพวกหลินสวิน ลู่ตู๋ปู้ อู่หวง
“คุณชายอวี่เสวียนไม่อยู่”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยกล่าว
เด็กหนุ่มชุดป่านร้องอ้อคราหนึ่ง จู่ๆ ก็ยิ้มสนิทมนมสื่อจิตว่า ‘ตอนที่อยู่บนยานลมกรดก่อนหน้านี้ ข้าก็ดูออกแล้วว่าเจ้าอวี่เสวียนนี่เคยปลอมตัวเปลี่ยนโฉมหน้า ตอนนี้ก็น่าจะเปลี่ยนอีกสถานะมาปรากฏตัวอีกแล้วกระมัง หากข้าเดาไม่ผิด จินตู๋อีที่อยู่ทางนั้นใช่เจ้าหมอนั่นหรือไม่’
นัยน์ตาสุกใสของจินเทียนเสวียนเยวี่ยหดรัด
แต่ไม่รอให้นางเอ่ยปาก เด็กหนุ่มชุดป่านก็โบกมือกล่าวว่า ‘ไม่ต้องอธิบาย ในใจข้ารู้ดีก็พอแล้ว จริงสิ เจ้าช่วยข้าไปบอกเขาที ในงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้พวกเราล้วนเป็นพวกเดียวกัน เว้นแต่จะเป็นไปตามกฎจึงต้องต่อสู้แลกเปลี่ยนกัน หาไม่ ระหว่างพวกเราจะฆ่าแกงกันเองไม่ได้เชียว’
กล่าวพลางเขาก็ยิ้มหันไปพยักหน้าให้กับหลินสวินที่อยู่ไม่ไกลนัก แล้วหมุนตัวเดินออกไป
จินเทียนเสวียนเยวี่ยขมวดคิ้วงามมุ่น เจ้าหมอนี่กำลังหยั่งเชิง หรือมองฐานะของคุณชายออกแล้วจริงๆ กันแน่
‘คุณชาย เมื่อครู่…’
จากนั้นนางก็สื่อจิตเล่าคำพูดเด็กหนุ่มชุดป่านเมื่อครู่ให้หลินสวินฟังทั้งหมด
หลินสวินใคร่ครวญแล้วกล่าวว่า ‘เจ้าเด็กนี่น่าจะไม่ได้มีเจตนาร้าย ไม่ต้องกังวล’
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพยักหน้า แล้วสื่อจิตอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ ‘คุณชาย พวกเราจะเป็นพันธมิตรกับเจ้าหมอนั่นจริงๆ หรือ’
หลินสวินกล่าวง่ายๆ ‘เคลื่อนไหวตามสถานการณ์ก็พอ’
พร้อมๆ กับเวลาเคลื่อนคล้อย บรรดาผู้แข็งแกร่งที่มาถึงหน้าภูเขาเทพแสงเขียวก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ แทบจะเป็นสิบอันดับแรกของแคว้นอื่นๆ ในโลกใหญ่หงเหมิงทั้งสิ้น
“ไหนว่าในงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้ พวกปีศาจแห่งยุคบางส่วนจากฟ้าดาราโลกอื่นๆ ก็จะมาร่วมด้วย เหตุใดจนป่านนี้ยังไม่เห็นเลยเล่า”
มีคนงึมงำ
“พวกปีศาจแห่งยุคพวกนี้ล้วนมีผู้อาวุโสข้างกายพามา มาถึงตั้งแต่แรกแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำการคัดเลือกถกมรรคอะไรก็สามารถเข้าร่วมในงานชุมนุมถกมรรคได้แล้ว ไม่ใช่คนประเภทเดียวกับพวกเรา”
มีคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือแววเหน็บแนม
พวกเขาที่อยู่ในที่นี้ก็ถือว่าเป็นผู้กล้ากลุ่มหนึ่งที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดในแต่ละแคว้น ไม่เพียงพื้นเพไม่ธรรมดา ยังเป็นพวกชั้นยอดในหมู่คนรุ่นเดียวกัน สะดุดตายิ่งยวด
ทว่าก่อนหน้านี้กลับยังต้องผ่านการคัดเลือกครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าจะคว้าคุณสมบัติเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้มาได้
เมื่อเทียบกันเช่นนี้แล้ว เหล่าปีศาจแห่งยุคที่มาจากโลกอื่นในฟ้าดารา ไม่ต้องคัดเลือกก็มีคุณสมบัติระดับนี้ได้ ย่อมทำให้ในใจผู้คนรู้สึกไม่เสมอภาคยิ่ง
“ใช่แค่พวกเขาที่ไหน ผู้สืบทอดของหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ ก็สามารถเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคได้ตรงๆ เหมือนกันไม่ใช่หรือ”
“หากในใจไม่ยินยอม ในงานชุมนุมถกมรรคก็สามารถกำราบพวกเขาทีละคน เช่นนี้จึงจะสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ ไม่ใช่จะมาพูดจาส่อเสียดส่งๆ อะไรอยู่”
ขณะที่ในที่นี่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย จู่ๆ น้ำเสียงเยียบเย็นประดุจน้ำแข็งสายหนึ่งก็ดังขึ้น…
“ใครไม่ยอม ลุกออกมา!”
ประโยคเดียวทำเอาทั่วลานล้วนหันมองไปยังจุดเดียวกัน
ก็เห็นหน้าประตูภูเขาเก่าแก่แห่งนั้น ไม่รู้ปรากฏเงาร่างสายหนึ่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เอามือไพล่หลังกวาดสายตามองผู้คน
นี่คือชายหนุ่มที่รูปร่างสูงโปร่งยิ่งคนหนึ่ง สวมอาภรณ์สีสันงดงาม บนศีรษะสวมเกี้ยวประดับเมฆ ช่วงเอวผูกเข็มขัดหยกทองอร่าม บนใบหน้าหล่อเหลาเจือแววเยียบเย็นเหยียดหยันที่ไม่ปกปิดแต่อย่างใด
เขายืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว รอบกายมีแสงระเรื่อห้อมล้อม ทอประกายพร่างพราว มีมาดสง่างามสะท้านโลก มีแววเหยียดหยันที่ยากจะกล้ำกราย!
“ข่งเจา”
“ถึงกับเป็นเขา!”
“หรือว่า… เขาคิดจะลงมือก่อนงานชุมนุมถกมรรคจริงๆ”
ในลานมีเสียงฮือฮาดังขึ้นระลอกหนึ่ง บุคคลโดดเด่นจากแคว้นต่างๆ ไม่น้อยล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึม กริ่งเกรง และตกใจ
ข่งเจา!
อันดับห้ากระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ ผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ดาวดวงหนึ่งที่เด่นสะดุดตาที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง
ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว เขาก็คือยอดอัจฉริยะแห่งยุคคนหนึ่งที่ชื่อเสียงสะท้านฟ้าดารา ถูกคนรุ่นเดียวกันไม่รู้เท่าไหร่ชะเง้อแหงนมอง
และเมื่อเห็นเขาปรากฏตัว ก็ทำให้ผู้คนนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันที
หลายวันก่อนหน้านี้เคยมีข่าวแพร่ออกมา บอกว่าข่งเจาคุยโว หมายจะทำให้อันดับหนึ่งแต่ละแคว้นก้มหัวกันทุกคนก่อนหน้างานชุมนุมถกมรรค!
เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวของข่งเจาในเวลานี้ เสมือนกำลังพิสูจน์ข่าวนี้
ชั่วขณะนั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เดิมทีมีอยู่ทุกที่ในลาน ถึงกับเปลี่ยนเป็นเงียบกริบไร้สุ้มเสียงขึ้นมา
คนใหญ่คนโตเหล่านั้นที่นำทางผู้แข็งแกร่งแต่ละแคว้นมุ่งหน้ามา แต่ละคนต่างหน้าเปลี่ยนสี คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันเข้าประตูภูเขาเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ข่งเจานี่ก็กลับปรากฏตัวขึ้นมาก่อนแล้ว
หลินสวินเหลือบมองคนผู้นี้ปราดหนึ่ง สีหน้าเรียบเฉย ในใจกลับนึกถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา
ตอนที่อยู่บนยานลมกรด ตนฆ่าผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งไปไม่น้อยจริงๆ ต่อให้หลังมาถึงโลกใหญ่หงเหมิง พวกข่งอวี้ ข่งอิน ชวีเหราก็ถูกตนฆ่าเช่นกัน
แต่ว่าตอนนั้นตนใช้ฐานะของ ‘อวี่เสวียน’ ปรากฏตัว ต่อให้ข่งเจาสงสัยขึ้นมาอีก ก็เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะสงสัยมาถึงจินตู๋อี
แน่นอน เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่หลินสวินจะเกรงกลัวคนผู้นี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์