Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1971

ตอนที่ 1971 การเดินหมากที่แท้จริง
ศิษย์พี่สามรั่วซู่ไม่ได้รั้งอยู่นานก็จากไปแล้ว

ก่อนจากไปยังสื่อจิตบอกหลินสวินว่า เมื่อเข้าเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ขอเพียงชิงเอามหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นมาได้ ต่อให้ฐานะเปิดเผยก็ไม่เป็นไร

นี่ทำให้หลินสวินใจสงบลงมาก

ตอนนี้เขาหลอมร่างแยกมหามรรคออกมาห้าร่าง แต่ถ้าพูดถึงพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ยังเป็นพลังของร่างต้นอยู่ดี

หนำซ้ำในเขตต้องห้ามเซียนโบราณยังอันตรายหาใดเทียบ ไม่เหมือนกับแดนลับโลกาสวรรค์ ย่อมต้องเกิดเรื่องล้มตายมากมาย

หลินสวินแน่ใจมากว่าพวกร้ายกาจอย่างหมีอู๋หยา หวงฝู่เซ่าหนง หลิงหงจวง จะต้องมีไพ่ลับที่ใช้รักษาชีวิตอยู่แน่

เช่นสมบัติจักรพรรดิ วิชาลับเย้ยฟ้าบางวิชา

ทว่าหลินสวินไม่ได้กังวลเรื่องพวกนี้ ในมือเขาก็ไม่ขาดวิธีรักษาชีวิตเช่นกัน

รั่วซู่จากไปไม่นาน พวกหลินสวินทั้งหนึ่งร้อยแปดคนออกจากเรือนมรรคโลกาสวรรค์ไปยังเขาเมฆา ภายใต้การนำของระดับจักรพรรดิอย่างพวกไท่ซูหง!

เขาเมฆาตั้งอยู่เหนือสุดของโลกใหญ่หงเหมิง ขึ้นเหนือไปอีกก็จะเป็นแดนปริศนาที่ยังไม่เคยถูกคนสำรวจสภาพทั้งหมดจนถึงตอนนี้

ที่นั่นกว้างใหญ่ดั่งไร้สิ้นสุด ลึกลับหาใดเทียบ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่รู้ว่าดึงดูดผู้ฝึกปราณมาผจญภัยมากมายเท่าไร

แต่ที่รอดกลับมาได้จริงๆ กลับมีเพียงไม่กี่คน!

และเขตต้องห้ามเซียนโบราณซึ่งเป็นหนึ่งในแปดเขตต้องห้ามของโลกใหญ่หงเหมิง ก็ตั้งอยู่ในส่วนลึกของแดนปริศนาแห่งนั้น เป็นพื้นที่อันตรายที่ทำให้ระดับจักรพรรดิยังไม่กล้าย่างกรายเข้าไปง่ายๆ!

……

เหล่าจักรพรรดิออกเดินทาง นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่สามารถสะเทือนทั่วหล้าได้ ย่อมไม่อาจมีใครกล้าขัดขวางในเวลาแบบนี้

ตามที่หลินสวินเข้าใจ ต่อให้ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณก็ต้องเปลืองเวลาไปเกือบหนึ่งเดือนจึงไปถึง

แต่เมื่อมีระดับจักรพรรดิอย่างพวกไท่ซูหงพาไป สามชั่วยามผ่านไปพวกเขาทั้งกลุ่มก็มาถึงอย่างปลอดภัย

เขาเมฆา!

เมื่อได้เห็นภูเขาลูกใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือสุดของโลกใหญ่หงเหมิงแห่งนี้ พวกหลินสวินต่างอึ้งไปอย่างอดไม่ได้

ก็เห็นว่าใต้เวิ้งฟ้ามีเมฆหมอกสีขาวโพลนเป็นชั้นๆ ดั่งหินผากองสุม ปูอยู่เหนือผืนดิน บดบังห้วงอากาศและท้องนภาไว้หมด

มองจากไกลๆ ไอเมฆกลายเป็นภูเขา สูงตระหง่านเทียมฟ้า ประหนึ่งปราการที่ตัดพาดกลางฟ้าดิน ชวนให้สั่นสะท้าน

แต่ทันใดนั้นพวกหลินสวินก็สังเกตได้อย่างฉับไวว่า พลังระเบียบมหามรรคที่อบอวลไปทั้งฟ้าดินแห่งนี้ ก่อนจะมาถึงเขาเมฆาก็ถูกสกัดกั้นเอาไว้ ไม่อาจแทรกซึมเข้ามาได้

ความรู้สึกนี้พิสดารนัก เปรียบดั่งประตูบานหนึ่งกั้นขวางพลังฟ้าดินของพื้นที่ที่พวกเขายืนอยู่เอาไว้ข้างนอก

ส่วนภายในประตูก็เป็นโลกอันเป็นปริศนาโดยสิ้นเชิงแห่งหนึ่ง!

“นี่ก็คือเขาเมฆา หนึ่งในปราการระหว่างโลกใหญ่หงเหมิงกับแดนปริศนา มีอีกชื่อว่าภูเขากั้นแดน ปราการทำนองนี้ ในโลกใหญ่หงเหมิงมีมากมายนับไม่ถ้วน”

มีคนเอ่ยเบาๆ

“เมื่อพวกเราเข้าไปในนั้น สิ่งที่ต้องเผชิญหน้าก็คือโลกปริศนาแห่งหนึ่ง และอันตรายก็ซุกซ่อนอยู่ในปริศนาอันไร้สิ้นสุดนั้น!”

“ต้นไม้ใบหญ้าที่โตอยู่ในนั้น สรรพชีวิตที่กระจายอยู่ตามภูผาธาราล้วนต่างจากในโลกใหญ่หงเหมิงโดยสิ้นเชิง หนอนที่ไม่เตะตาตัวหนึ่งยังอาจเขมือบร่างของระดับจักรพรรดิได้ หรือหญ้าต้นเล็กที่ดูเหมือนธรรมดาต้นหนึ่งยังฟันดวงดาราร่วงได้…”

มีระดับจักรพรรดิรำพึง “แม้ทางเดินโบราณฟ้าดาราจะกว้างใหญ่ไพศาล แต่ในสายตาพวกข้าแล้ว แดนปริศนาจึงจะเป็นสถานที่ลึกลับไม่อาจหยั่งถึง ตั้งแต่อดีตไม่มีใครรู้ว่าแดนปริศนาแห่งนี้กว้างใหญ่เพียงไหนกันแน่ และจะไปสิ้นสุดไหน”

เหล่าคนรุ่นเยาว์อย่างพวกหลินสวินต่างจิตใจปั่นป่วน

ด้วยพลังต่อสู้ของพวกเขาตอนนี้ หากอยู่ในทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่ตระการตาที่สุดซึ่งอยู่ใต้ระดับจักรพรรดิ

แต่กลับไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามเข้าไปในแดนปริศนา!

สาเหตุก็ง่ายดายนัก แดนปริศนาอันตรายเกินไป อันตรายจนทำให้ระดับจักรพรรดิยังไม่กล้าย่างกราย

แน่นอนว่าบนโลกนี้มักมีพวกร้ายกาจที่ไม่กลัวตายมากมายเสมอ แต่เมื่อคนเหล่านี้เข้าไปในนั้นก็ไม่ต่างจากรนหาที่ตาย

ที่โชคดียิ่งอาจจะยังเอาชีวิตกลับมาได้สักครั้ง รอดชีวิตกลับมา

ท่ามกลางเสียงสนทนา ทุกคนก็มาถึงหน้าเขาเมฆาแล้ว

ไท่ซูหงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เพราะการถือกำเนิดของมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้น พลังกฎเกณฑ์ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณตอนนี้จึงพลันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว สามารถทำให้พวกเจ้าเข้าไปในนั้นได้อย่างปลอดภัย”

“แต่ก็เพราะเขตต้องห้ามเซียนโบราณเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน แม้แต่พวกข้ายังไม่อาจตัดสินได้ว่าอันตรายที่อยู่ในนั้นน่ากลัวขนาดไหนกันแน่ ยามพวกเจ้าอยู่ในนั้นจะต้องระมัดระวังรอบคอบสักหน่อย”

คำพูดนี้ทำเอาพวกหลินสวินต่างสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นไม่น้อย

“มีอันตรายมากมายก็ต้องมีศุภโชคมากเช่นกัน ยังไม่ต้องเอ่ยถึงมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้น ภายในเขตต้องห้ามเซียนโบราณต้องมีศุภโชคเหลือเชื่อมากมายกระจายอยู่ ถ้าพวกเจ้าคว้าไว้ได้ จะต้องนำประโยชน์อันไม่อาจประเมินได้มาให้ตัวเองอย่างแน่นอน”

ไท่ซูหงเอ่ยยังกำชับอีกรอบ แล้วสายตาก็มองไปที่ระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ “ทุกท่าน ลงมือได้แล้ว”

“ได้”

ระดับจักรพรรดิที่มาจากขุมอำนาจเรือนมรรคและเผ่านักรบคนอื่นๆ ต่างพากันพยักหน้า

“ทะยาน!”

ไท่ซูหงสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง ประทับมรรคที่มีแสงเทพสีทองคับฟ้าไหลหลั่งชิ้นหนึ่งก็ปรากฏออกมา เหนือประทับมรรคมีลายมรรคฟ้าประทานแน่นขนัดประทับไว้ชั้นหนึ่ง

“พุ่ง!”

จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นแห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์โพล่งออกมา เตากำยานสำริดที่วาดสัญลักษณ์สัตว์มงคลนับไม่ถ้วนชิ้นหนึ่งก็ทะยานขึ้นฟ้า มีปรากฏการณ์อย่างหมื่นสัตว์คำราม สุริยันจันทราสั่นไหวอุบัติขึ้นท่ามกลางความคลุมเครือ

“มา!”

จักรพรรดิลมศิลาเมฆแห่งเรือนมรรคยุทธจักรสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง กระบี่ยักษ์เจิดจ้าตระการตาเล่มหนึ่งปรากฏ พื้นผิวของกระบี่ยักษ์สะท้อนภาพน่ากลัวอย่างเหล่าเทพกรำศึก ผีสางหลั่งเลือด

ในขณะเดียวกัน จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงแห่งเรือนมรรคจักรวาลก็เรียกคทาหยกสมปรารถนาสีเขียวเล่มหนึ่งออกมา จักรพรรดิมารผลาญนภาแห่งเรือนมรรคเหล่ามารเรียกม้วนภาพออกมาม้วนหนึ่ง ภายในม้วนภาพแสดงโลกสีโลหิตแห่งหนึ่ง มีเงาร่างของเทพมารสามพันตนควบคุมบัญชาอยู่ในนั้น

สมบัติทั้งห้าชิ้นนี้ได้แก่

‘ประทับทองอัคคีทักษิณ’ ของเรือนมรรคโลกาสวรรค์

‘เตามงคลสรรพวิญญาณ’ ของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์

‘กระบี่มรรคสังหารเทพ’ ของเรือนมรรคยุทธจักร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์