Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1973

ตอนที่ 1973 ต้นไม้เล็กสีเขียวอันแปลกพิสดาร
สิ่งที่ปรากฏในหัวหลินสวินเป็นภาพเทือกเขาอันลึกลับแถบหนึ่ง

ภูเขาลูกนี้เวิ้งว้างคล้ายไร้สิ้นสุด ตั้งตระหง่านสูงชะลูดดุจดั่งเชื่อมขอบฟ้า ปรากฏกลิ่นอายน่าสะพรึงที่พังทลาย ผุผัง เสื่อมโทรม

ภาพของภูเขาทั้งลูกประทับตรึง แต่ยามเมื่อหลินสวินย้อนคิดถึง ยังคงรู้สึกถึงความกดดันที่แม้แต่จะหายใจยังลำบากอย่างหนึ่ง

ภูเขาลูกนี้มีชื่อเรียกว่าปู้โจว!

เป็นประทับหนึ่งที่หลี่เสวียนเวยมอบให้หลินสวินยามพบกันที่สำนักยุทธ์เสวียนจี

และภาพประทับนี้ ก็เป็นลักษณะของเขาปู้โจวที่จวินหวนได้เห็นเองกับตา หลังจากมาถึงเขตต้องห้ามเซียนโบราณก่อนหน้านี้นานมาแล้ว

บนเขานี้เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างต้นกำเนิด ซ่อนภัยอันตรายหายนะไว้มากมาย แต่ก็เป็นเขาลูกนี้ที่จวินหวนกำหนดชัด ว่าศุภโชคที่เกี่ยวกับมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นต้องซ่อนอยู่ในนั้น!

หลินสวินจดจำภาพที่เกี่ยวข้องกับเขาปู้โจวเงียบๆ ก่อนคิดขึ้นมาได้อย่างฉับไว ‘จากที่ศิษย์พี่สามว่ามา พลังต้นกำเนิดอสนีบางส่วนที่ถือกำเนิดในเขตต้องห้ามเซียนโบราณแห่งนี้ บางทีอาจสามารถทำให้ไม้โพธิ์เหี่ยวแห้งกิ่งนั้นฟื้นคืนขึ้นมาได้ หากมีโอกาสจะพลาดไม่ได้…’

‘แต่เรื่องเร่งด่วนคือต้องไปเสาะหาเขาปู้โจวก่อน มีแต่ไปถึงที่นั่น บางทีอาจจะสามารถสาวถึงเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับมหาสมบัติแรกกำเนิดได้มากขึ้นอีกขั้น…’

ครู่หนึ่งผ่านไปหลินสวินก็ตัดสินใจ

สวบ!

เงาร่างเขาวูบไหว สำแดงไอซวนหนีปิดซ่อนกลิ่นอายทั่วร่างไว้อย่างสมบูรณ์ พุ่งโฉบไปข้างหน้า

ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎราชันอริยะที่เข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณในครั้งนี้ รวมตัวเขาด้วยมีทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดคน

ดูเหมือนคนน้อย ทว่าแต่ละคนล้วนมีพลังสะท้านโลก เรียกได้ว่าอยู่เหนือสุดในระดับเดียวกัน ยิ่งไม่ขาดพวกร้ายกาจที่พลิกฟ้าถึงขีดสุดจำนวนหนึ่ง

นี่ก็หมายความว่า เมื่อเกิดศึกช่วงชิงย่อมต้องเป็นการต่อสู้เลวร้ายที่นองเลือดแน่!

ทว่าหลินสวินกลับไม่ได้เกรงกลัว

ในแดนลับโลกาสวรรค์ สิ่งที่เขาใช้คือกายมรรคทองขาว แต่ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณแห่งนี้ เพื่อจะช่วงชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้น หลินสวินย่อมไม่เก็บงำใดๆ อีกต่อไป

ฮูม…

เพิ่งเดินทางได้ไม่ทันไร ห้วงอากาศก็พลันปริออกเป็นรอยแยกสีดำมหึมาสายหนึ่ง นกปีศาจสีเลือดที่รูปร่างอัปลักษณ์และบิดเบี้ยวฝูงหนึ่งบินโฉบออกมาจากในนั้น ดุจดั่งเมฆเลือดแถบหนึ่ง

พวกมันรูปร่างคล้ายค้างคาว แต่กลับปกคลุมด้วยเกล็ดสีเลือด ดวงตาแดงฉาน เขี้ยวฟันดำสนิท ในปากส่งเสียงแผดร้องที่ดุกร้าวราวผัโหยหวน กลายเป็นคลื่นเสียงสีเลือดน่าสะพรึงแผ่กว้างครอบฟ้าคลุมดิน

หลินสวินที่แต่เดิมเคลื่อนตัวอย่างล่องหน ตอนที่เตรียมจะหลบเลี่ยง ก็พบว่าสี่ทิศแปดทางล้วนมีแต่คลื่นเสียงสีเลือดที่พลุ่งพล่านราวระลอกคลื่น ไม่มีที่ให้หลบสักนิด ทำได้เพียงเข้าปะทะตรงๆ

ตูม!

เสียงกระหึ่มสะเทือนฟ้าดังออกมา ต้นไม้ใบหญ้าภูเขาหินแถวนั้นแหลกเป็นจุณ ชั้นเมฆบนเวิ้งฟ้าล้วนแตกกระจาย

เงาร่างหลินสวินซวนเซ อดตกใจไม่ได้ พลังแข็งแกร่งยิ่งนัก

คลื่นเสียงสีเลือดนั่นประทับด้วยพลังแห่งมหามรรคที่พิสดารและแปลกตา พุ่งโจมตีเข้ามาราวกระแสน้ำหลาก อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาล้วนสามารถสังหารระดับกึ่งจักรพรรดิได้!

แกว๊กๆ!

เสียงร้องสะเทือนฟ้า ฝูงนกปีศาจที่บิดเบี้ยวอัปลักษณ์คล้ายค้างคาวนั่นพุ่งเข้ามา กลิ่นอายพลุ่งพล่าน มีอานุภาพกวาดซัดจักรวาล

หลินสวินหนีโดยไม่ลังเล

หากสู้สุดกำลังเขามั่นใจว่าจะกำจัดสิ่งมีชีวิตดุร้ายฝูงนี้ได้แน่ แต่พอคิดว่าต้องเปลืองพลังกายกับเรื่องนี้ นั่นก็ไม่คุ้มกันเลย

จนกระทั่งหนีออกจากวงล้อมเป็นชั้นๆ ได้ คราวนี้หลินสวินจึงตะปบแรงๆ คราหนึ่ง

วู้ม…

มือใหญ่สีเขียวที่ประหนึ่งปิดฟ้าข้างหนึ่งควบรวม จับกุมสิ่งมีชีวิตดุร้ายสีเลือดตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดเอาไว้

จากนั้นเขาก็เผ่นหนีสุดกำลังโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลัง

ไกลออกไปยังคงได้ยินเสียงแผดร้องเดือดดาลของสิ่งมีชีวิตดุร้ายสีเลือดฝูงนั้น ดังสะท้อนกลางฟ้าดินไม่หยุด

ปึง!

ระหว่างทางหลินสวินออกแรงที่ฝ่ามือ ร่างสิ่งมีชีวิตดุร้ายที่ถูกจับตัวนั้นแตกระเบิด ชิ้นส่วนแยกกระจุยกระจาย ฝนเลือดยังไม่ทันสาดกระเซ็นออกมาก็ถูกทำลายล้างเกลี้ยง

มีเพียงมุกสีเลือดแวววาวโปร่งแสงขนาดราวก้อนทองแดงก้อนหนึ่งร่วงลงมา ถูกหลินสวินคว้าไว้ในมือ

สังเกตอย่างละเอียดครู่หนึ่งหลินสวินก็ตัดสินได้คร่าวๆ ว่า นี่น่าจะเป็น ‘ลูกกลอนพลัง’ ที่บรรจุแก่นมหามรรคโหมคลั่งเม็ดหนึ่ง หากกลืนลงไป จะเทียบเท่ากับหลอมโอสถเทพที่ประเมินมูลค่าไม่ได้ต้นหนึ่ง

สิ่งที่อัศจรรย์ที่สุดคือ พลังมหามรรคในลูกกลอนพลังนี้ต่างจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง เมื่อหลอมพลังและดูดซับไปแล้ว หาใช่โอสถเทพราคาควรเมืองอะไรจะเทียบชั้นได้

‘มิน่าผู้อาวุโสไท่ซูหงถึงบอกว่า แม้เขตต้องห้ามเซียนโบราณแห่งนี้จะมีอันตรายยิ่งยวด แต่ก็มาพร้อมกับมหาวาสนาด้วยเช่นกัน แค่สัตว์ร้ายตัวหนึ่งเท่านั้น ลูกกลอนพลังของมันหากเอาไปโลกภายนอก ย่อมขายได้ราคาสูงลิ่วแน่นอน’

หลินสวินเก็บลูกกลอนพลังไว้ มรรควิถีในปัจจุบันของเขา ยังไม่ต้องการวัตถุภายนอกเหล่านี้ช่วยเหลือเป็นการชั่วคราว

ระหว่างทางต่อจากนั้น หลินสวินยิ่งรอบคอบระมัดระวังมากขึ้น

ภูผาธาราเวิ้งว้างนี้เก่าแก่และดั้งเดิม ซ่อนปริศนาและความลึกลับ มีสถานที่มากมายถึงขั้นสามารถหลบหลีกการสอดส่องของจิตรับรู้ได้

และบ่อยครั้งก็เป็นสถานที่เหล่านี้ ที่เป็นไปได้สูงว่าอาจซ่อนอันตรายอันเป็นปริศนาอยู่!

แน่นอน ตลอดเส้นทางนี้หลินสวินหาได้ราบรื่นนัก ถึงขั้นประสบภัยและอุปสรรคบางอย่างอยู่บ่อยๆ

มีหญ้าเล็กเขียวมรกตที่รูปทรงคล้ายดาบคมชนิดหนึ่ง สามารถกลายเป็นปราณกระบี่เขียวมรกตที่ส่งเสียงดังชิ้งๆ กรีดหูเป็นสายๆ ฟันสังหารออกมา แน่นขนัดราวค่ายกลกระบี่ อานุภาพน่าสะพรึงไร้สิ้นสุด

เมื่อปะทะกัน หลินสวินถอยกระเด็นทุลักทุเล ไม่ใช่สู้ไม่ไหว แต่เพราะหญ้าเล็กเขียวมรกตเหล่านั้นปกคลุมแผ่ขยายทั่วภูเขา ฆ่าไม่หมดสักนิด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์