ภูเขาลูกนี้เวิ้งว้างคล้ายไร้สิ้นสุด ตั้งตระหง่านสูงชะลูดดุจดั่งเชื่อมขอบฟ้า ปรากฏกลิ่นอายน่าสะพรึงที่พังทลาย ผุผัง เสื่อมโทรม
ภาพของภูเขาทั้งลูกประทับตรึง แต่ยามเมื่อหลินสวินย้อนคิดถึง ยังคงรู้สึกถึงความกดดันที่แม้แต่จะหายใจยังลำบากอย่างหนึ่ง
ภูเขาลูกนี้มีชื่อเรียกว่าปู้โจว!
เป็นประทับหนึ่งที่หลี่เสวียนเวยมอบให้หลินสวินยามพบกันที่สำนักยุทธ์เสวียนจี
และภาพประทับนี้ ก็เป็นลักษณะของเขาปู้โจวที่จวินหวนได้เห็นเองกับตา หลังจากมาถึงเขตต้องห้ามเซียนโบราณก่อนหน้านี้นานมาแล้ว
บนเขานี้เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างต้นกำเนิด ซ่อนภัยอันตรายหายนะไว้มากมาย แต่ก็เป็นเขาลูกนี้ที่จวินหวนกำหนดชัด ว่าศุภโชคที่เกี่ยวกับมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นต้องซ่อนอยู่ในนั้น!
หลินสวินจดจำภาพที่เกี่ยวข้องกับเขาปู้โจวเงียบๆ ก่อนคิดขึ้นมาได้อย่างฉับไว ‘จากที่ศิษย์พี่สามว่ามา พลังต้นกำเนิดอสนีบางส่วนที่ถือกำเนิดในเขตต้องห้ามเซียนโบราณแห่งนี้ บางทีอาจสามารถทำให้ไม้โพธิ์เหี่ยวแห้งกิ่งนั้นฟื้นคืนขึ้นมาได้ หากมีโอกาสจะพลาดไม่ได้…’
‘แต่เรื่องเร่งด่วนคือต้องไปเสาะหาเขาปู้โจวก่อน มีแต่ไปถึงที่นั่น บางทีอาจจะสามารถสาวถึงเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับมหาสมบัติแรกกำเนิดได้มากขึ้นอีกขั้น…’
ครู่หนึ่งผ่านไปหลินสวินก็ตัดสินใจ
สวบ!
เงาร่างเขาวูบไหว สำแดงไอซวนหนีปิดซ่อนกลิ่นอายทั่วร่างไว้อย่างสมบูรณ์ พุ่งโฉบไปข้างหน้า
ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎราชันอริยะที่เข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณในครั้งนี้ รวมตัวเขาด้วยมีทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดคน
ดูเหมือนคนน้อย ทว่าแต่ละคนล้วนมีพลังสะท้านโลก เรียกได้ว่าอยู่เหนือสุดในระดับเดียวกัน ยิ่งไม่ขาดพวกร้ายกาจที่พลิกฟ้าถึงขีดสุดจำนวนหนึ่ง
นี่ก็หมายความว่า เมื่อเกิดศึกช่วงชิงย่อมต้องเป็นการต่อสู้เลวร้ายที่นองเลือดแน่!
ทว่าหลินสวินกลับไม่ได้เกรงกลัว
ในแดนลับโลกาสวรรค์ สิ่งที่เขาใช้คือกายมรรคทองขาว แต่ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณแห่งนี้ เพื่อจะช่วงชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้น หลินสวินย่อมไม่เก็บงำใดๆ อีกต่อไป
ฮูม…
เพิ่งเดินทางได้ไม่ทันไร ห้วงอากาศก็พลันปริออกเป็นรอยแยกสีดำมหึมาสายหนึ่ง นกปีศาจสีเลือดที่รูปร่างอัปลักษณ์และบิดเบี้ยวฝูงหนึ่งบินโฉบออกมาจากในนั้น ดุจดั่งเมฆเลือดแถบหนึ่ง
พวกมันรูปร่างคล้ายค้างคาว แต่กลับปกคลุมด้วยเกล็ดสีเลือด ดวงตาแดงฉาน เขี้ยวฟันดำสนิท ในปากส่งเสียงแผดร้องที่ดุกร้าวราวผัโหยหวน กลายเป็นคลื่นเสียงสีเลือดน่าสะพรึงแผ่กว้างครอบฟ้าคลุมดิน
หลินสวินที่แต่เดิมเคลื่อนตัวอย่างล่องหน ตอนที่เตรียมจะหลบเลี่ยง ก็พบว่าสี่ทิศแปดทางล้วนมีแต่คลื่นเสียงสีเลือดที่พลุ่งพล่านราวระลอกคลื่น ไม่มีที่ให้หลบสักนิด ทำได้เพียงเข้าปะทะตรงๆ
ตูม!
เสียงกระหึ่มสะเทือนฟ้าดังออกมา ต้นไม้ใบหญ้าภูเขาหินแถวนั้นแหลกเป็นจุณ ชั้นเมฆบนเวิ้งฟ้าล้วนแตกกระจาย
เงาร่างหลินสวินซวนเซ อดตกใจไม่ได้ พลังแข็งแกร่งยิ่งนัก
คลื่นเสียงสีเลือดนั่นประทับด้วยพลังแห่งมหามรรคที่พิสดารและแปลกตา พุ่งโจมตีเข้ามาราวกระแสน้ำหลาก อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาล้วนสามารถสังหารระดับกึ่งจักรพรรดิได้!
แกว๊กๆ!
เสียงร้องสะเทือนฟ้า ฝูงนกปีศาจที่บิดเบี้ยวอัปลักษณ์คล้ายค้างคาวนั่นพุ่งเข้ามา กลิ่นอายพลุ่งพล่าน มีอานุภาพกวาดซัดจักรวาล
หลินสวินหนีโดยไม่ลังเล
หากสู้สุดกำลังเขามั่นใจว่าจะกำจัดสิ่งมีชีวิตดุร้ายฝูงนี้ได้แน่ แต่พอคิดว่าต้องเปลืองพลังกายกับเรื่องนี้ นั่นก็ไม่คุ้มกันเลย
จนกระทั่งหนีออกจากวงล้อมเป็นชั้นๆ ได้ คราวนี้หลินสวินจึงตะปบแรงๆ คราหนึ่ง
วู้ม…
มือใหญ่สีเขียวที่ประหนึ่งปิดฟ้าข้างหนึ่งควบรวม จับกุมสิ่งมีชีวิตดุร้ายสีเลือดตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดเอาไว้
จากนั้นเขาก็เผ่นหนีสุดกำลังโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลัง
ไกลออกไปยังคงได้ยินเสียงแผดร้องเดือดดาลของสิ่งมีชีวิตดุร้ายสีเลือดฝูงนั้น ดังสะท้อนกลางฟ้าดินไม่หยุด
ปึง!
ระหว่างทางหลินสวินออกแรงที่ฝ่ามือ ร่างสิ่งมีชีวิตดุร้ายที่ถูกจับตัวนั้นแตกระเบิด ชิ้นส่วนแยกกระจุยกระจาย ฝนเลือดยังไม่ทันสาดกระเซ็นออกมาก็ถูกทำลายล้างเกลี้ยง
มีเพียงมุกสีเลือดแวววาวโปร่งแสงขนาดราวก้อนทองแดงก้อนหนึ่งร่วงลงมา ถูกหลินสวินคว้าไว้ในมือ
สังเกตอย่างละเอียดครู่หนึ่งหลินสวินก็ตัดสินได้คร่าวๆ ว่า นี่น่าจะเป็น ‘ลูกกลอนพลัง’ ที่บรรจุแก่นมหามรรคโหมคลั่งเม็ดหนึ่ง หากกลืนลงไป จะเทียบเท่ากับหลอมโอสถเทพที่ประเมินมูลค่าไม่ได้ต้นหนึ่ง
สิ่งที่อัศจรรย์ที่สุดคือ พลังมหามรรคในลูกกลอนพลังนี้ต่างจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง เมื่อหลอมพลังและดูดซับไปแล้ว หาใช่โอสถเทพราคาควรเมืองอะไรจะเทียบชั้นได้
‘มิน่าผู้อาวุโสไท่ซูหงถึงบอกว่า แม้เขตต้องห้ามเซียนโบราณแห่งนี้จะมีอันตรายยิ่งยวด แต่ก็มาพร้อมกับมหาวาสนาด้วยเช่นกัน แค่สัตว์ร้ายตัวหนึ่งเท่านั้น ลูกกลอนพลังของมันหากเอาไปโลกภายนอก ย่อมขายได้ราคาสูงลิ่วแน่นอน’
หลินสวินเก็บลูกกลอนพลังไว้ มรรควิถีในปัจจุบันของเขา ยังไม่ต้องการวัตถุภายนอกเหล่านี้ช่วยเหลือเป็นการชั่วคราว
ระหว่างทางต่อจากนั้น หลินสวินยิ่งรอบคอบระมัดระวังมากขึ้น
ภูผาธาราเวิ้งว้างนี้เก่าแก่และดั้งเดิม ซ่อนปริศนาและความลึกลับ มีสถานที่มากมายถึงขั้นสามารถหลบหลีกการสอดส่องของจิตรับรู้ได้
และบ่อยครั้งก็เป็นสถานที่เหล่านี้ ที่เป็นไปได้สูงว่าอาจซ่อนอันตรายอันเป็นปริศนาอยู่!
แน่นอน ตลอดเส้นทางนี้หลินสวินหาได้ราบรื่นนัก ถึงขั้นประสบภัยและอุปสรรคบางอย่างอยู่บ่อยๆ
มีหญ้าเล็กเขียวมรกตที่รูปทรงคล้ายดาบคมชนิดหนึ่ง สามารถกลายเป็นปราณกระบี่เขียวมรกตที่ส่งเสียงดังชิ้งๆ กรีดหูเป็นสายๆ ฟันสังหารออกมา แน่นขนัดราวค่ายกลกระบี่ อานุภาพน่าสะพรึงไร้สิ้นสุด
เมื่อปะทะกัน หลินสวินถอยกระเด็นทุลักทุเล ไม่ใช่สู้ไม่ไหว แต่เพราะหญ้าเล็กเขียวมรกตเหล่านั้นปกคลุมแผ่ขยายทั่วภูเขา ฆ่าไม่หมดสักนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์