Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2031

สรุปบท ตอนที่ 2031 หนึ่งรอดพ้น: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2031 หนึ่งรอดพ้น – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 2031 หนึ่งรอดพ้น ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 2031 หนึ่งรอดพ้น

“จะมาแล้วหรือ…”

หลี่เสวียนเวยเงยหน้ามองไปยังเวิ้งฟ้า

ตูม!

โลกว่างเปล่าที่เขาอยู่พังทลายประหนึ่งเครื่องแก้ว ทำให้สายตาของเขามองเห็นได้ชัดเจน ว่าในท้องนภาที่อยู่ส่วนลึกสุดนั้นมีพลังลึกลับกำลังรวมตัวกันอยู่รางๆ

‘ศิษย์น้องหลี่ ควรไปแล้ว’

เสียงสุภาพอ่อนโยนของรั่วซู่ดังขึ้นในใจหลี่เสวียนเวย

หลี่เสวียนเวยพยักหน้า เงาร่างพลันหายไป

เขาเมฆา

บรรยากาศกดดันหาใดเปรียบ

ผู้สืบทอดแห่งคีรีดวงกมลห้าคนอย่างหลินสวิน รั่วซู่ จวินหวน ผู่เจิน เสวี่ยหยา รวมตัวกับพวกจี้เสวียนและซย่าสิงเลี่ย

ห่างออกไประดับจักรพรรดิมากมายสีหน้าจริงจัง ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม

ในที่ลับยิ่งมีเฒ่าดึกดำบรรพ์นับไม่ถ้วนซุ่มเงียบและไม่เคยลงมือเช่นกัน คล้ายกำลังเฝ้ารออะไรอยู่

เมื่อเงาร่างของหลี่เสวียนเวยปรากฏ ศัตรูมากมายในที่นั้นล้วนหยุดหายใจ

มาอีกคนแล้ว!?

นี่ทำให้พวกเขาใจสั่นสะท้าน

กลับเห็นจวินหวนกล่าวพึมพำ “ศิษย์พี่หลี่ พลังต่อสู้ของท่านแข็งแกร่งกว่าศิษย์พี่ผู่เจินมาก เหตุใดกลับมาช้าเช่นนี้”

หลี่เสวียนเวยพลันยิ้มขื่น “เดิมทีข้าคิดว่าแค่จัดการเจ้าเฒ่าที่มาจากโลกมืดสองคนเท่านั้น ไหนเลยจะคิดว่าพวกเขายังมีผู้ช่วย สุดท้ายก็ฆ่าไปแค่สามคน ทำให้สองคนที่เหลือหนีไปได้”

คำพูดนี้กล่าวอย่างสบายๆ แต่นัยในคำพูดกลับทำให้ทุกคนขนพองสยองเกล้า

“เรื่องพวกนั้นล้วนไม่สำคัญ หลังจากนี้พวกเราต้องเผชิญหน้ากับศึกหินแล้ว…”

สีหน้ารั่วซู่เผยแววเคร่งขรึมเสี้ยวหนึ่ง

สายตาของนางมองไปยังส่วนลึกของเวิ้งฟ้าโดยตลอด คล้ายกำลังอนุมานอะไรอยู่

“ศิษย์พี่วางใจ ครั้งนี้ต่อให้เอาชีวิตเข้าแลก ข้าก็จะชิงโอกาสมาให้ศิษย์น้องเล็กแน่นอน” ผู่เจินกล่าวด้วยเสียงแน่นหนัก

เสวี่ยหยายิ้มรับ “พวกเราเฝ้ารอมาเกือบแสนปีแล้ว แพ้หรือชนะอยู่ที่การกระทำในครั้งนี้ หากช่วยเป็นกำลังสร้างคีรีดวงกมลขึ้นใหม่ได้ ต่อให้ตายเก้าครั้งก็ไม่เสียใจ”

“เหอะ! พวกเรารอมาแสนปีไม่ง่ายเลยกว่าจะสบโอกาส พูดจาไม่เป็นมงคลเช่นนี้ได้อย่างไร”

จวินหวนถลึงตามองผู่เจินกับเสวี่ยหยาคราหนึ่งพลางกล่าว “ข้าจะพูดแค่ประโยคเดียวสี่คำ ร่วมเป็นร่วมตาย”

หมดจดชัดเจน แต่มีความเด็ดเดี่ยวอย่างหนึ่ง

“ใช่ ร่วมเป็นร่วมตาย”

นัยน์ตาหลี่เสวียนเวยฉายแววเศร้าอาดูร “ปีนั้นพวกศิษย์พี่เก่ออวี้ผูประสบเคราะห์ ทำให้ข้ารู้สึกผิดมาถึงตอนนี้ ครั้งนี้จะไม่มีทางให้เรื่องแบบเดียวกันเปิดฉากขึ้นอีก…”

เมื่อพูดถึงพวกเก่ออวี้ผู ในใจพวกรั่วซู่ จวินหวนต่างมืดมนไปพักหนึ่ง

นี่คือความเจ็บปวดเดียวที่ไม่อาจลบไปจากใจของพวกเขา!

หลินสวินเห็นภาพต่างๆ นี้แล้วอดกล่าวมึนงงไม่ได้ “ศิษย์พี่ทุกท่าน พวกท่านกำลังพูดอะไรกันแน่”

การแสดงออกของพวกรั่วซู่เวลานี้ราวกับจะไปสู้สุดชีวิต นี่ทำให้ในใจเขารู้สึกกดดันอย่างไม่อาจอธิบายได้

“ศิษย์น้อง ประเดี๋ยวเจ้าก็รู้แล้ว”

เสียงของรั่วซู่นุ่มนวล ตบบ่าหลินสวินพลางกล่าว “สำหรับตอนนี้ เจ้าแค่คอยดูก็พอ”

หลินสวินกล่าวอืมออกมาคำหนึ่ง ความจริงในใจเขาก็เดาได้รางๆ ทุกอย่างนี้เกรงว่าคงเกี่ยวข้องกับพลังระเบียบต้องห้ามนั่น…

“ศิษย์พี่ ลงมือได้เลยหรือไม่” จวินหวนเอ่ยถาม

“รออีกหน่อย”

รั่วซู่กล่าวอย่างใคร่ครวญ

ในที่นั้นเงียบสงัดแปลกประหลาด การประชันหมากนี้เหมือนตกอยู่ในสภาพหยุดนิ่งที่แปลกพิกล

ศัตรูเงียบไป เหมือนว่ารออะไรอยู่

ก่อนที่พวกรั่วซู่จะจากไป ก็คล้ายว่าเฝ้ารออะไรอยู่เช่นกัน

ทางเดินโบราณฟ้าดารา ในเขตแดนดาราที่อลหม่านและรกร้างว่างเปล่าแห่งหนึ่ง

ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หิมะน้ำแข็งต้นหนึ่งหยั่งรากกลางอากาศ รากพลิ้วไหว กิ่งก้านยืดขยายไปยังส่วนลึกของฟ้าดารา ดาวดวงโตมากมายล้อมอยู่ระหว่างกิ่งก้าน

จักจั่นทองตัวหนึ่งนอนคว่ำอยู่บนใบไม้ที่โปร่งแสงดุจหิมะน้ำแข็งใบหนึ่งในนั้น

“มหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า รอดพ้นเพียงหนึ่ง อาไป๋ ยังจำสหายน้อยหลินสวินคนนั้นได้ไหม”

“ทำไมพูดถึงเจ้าเด็กนั่นอีกแล้ว”

เสียงหงุดหงิดหนึ่งดังขึ้น ห่างจากต้นไม้นี้ไปไม่ไกล เด็กสาวชุดขาวคนหนึ่งกำลังนั่งสมาธิ ได้ยินดังนี้ก็กล่าวพึมพำอย่างรำคาญ

ผิวของนางหมดจดเหมือนหยกขาวที่ใสบริสุทธิ์และแวววาวที่สุดบนโลก ผมยาวดำขลับทั้งศีรษะมัดไว้หลวมๆ อยู่เบื้องหลัง เผยให้เห็นใบหน้างามพริ้มเพรา คิ้วดั่งจันทร์เสี้ยว นัยน์ตางามประณีตดุจเคลือบเงา

แม้แต่เสียงก็ใสไพเราะเสนาะหู ราวกับกระดิ่งลมที่พลิ้วไหว

จักจั่นทองกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “ปีนั้นตอนอยู่ที่ป่าต้นหม่อน ข้าเคยพูดว่าเขามาจากคีรีดวงกมล เหมือนกับคนผู้หนึ่งยิ่ง”

เด็กสาวชุดขาวมุ่นคิ้วใคร่ครวญครู่ใหญ่แล้วส่ายหัวกล่าว “ผ่านมานานมากแล้ว ข้าลืมไปนานแล้ว”

จักจั่นทองกล่าว “เจ้าก็รู้ แต่เจ้าไม่อยากให้พูดถึงเขา”

“เจ้าจะพูดถึงคนเฮงซวยที่สู้จนบ้าคลั่งนั่นอีกทำไม”

ในดวงตาของเด็กสาวชุดขาวฉายแววโหดเหี้ยม “ปีนั้นหากไม่ใช่เขาอวดดี เจ้ากับข้ามีหรือจะต้องรออยู่ที่ป่าต้นหม่อนมาตลอดเหมือนคนโง่”

“ไม่เหมือนกัน”

จักจั่นทองถอนใจเบาๆ “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตั้งแต่เส้นทางมุ่งสู่ฟากฝั่งฟ้าดาราถูกปิด ผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของคีรีดวงกมลอย่างเขาก็เป็นคนเดียวที่เกือบทำสำเร็จ”

เด็กสาวชุดขาวกล่าวชัดทีละคำ “ไม่ว่าเขาจะทำเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตน หรืออยากจะทำลายพันธนาการที่ครอบคลุมเหนือทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ สุดท้ายเขาก็ล้มเหลว!”

ใต้หอดูดาวหลวง ผู้อาวุโสที่ผมเผ้าหนวดเครากระเซิง ร่างผอมเหมือนไม้ฟืนคนหนึ่งแหงนคอตะโกน

บนท้องถนนผู้คนสัญจรคลาคล่ำ แต่เหมือนไม่มีใครรับรู้ถึงการมีอยู่ของผู้อาวุโสร่างผอมคนนี้ ถึงขั้นไม่ได้ยินแม้แต่เสียง

ราชครูถาม “ละทิ้งมหามรรค หลบซ่อนมาหลายปี ตอนนี้เจ้า… อยากก้าวออกมาแล้วหรือ”

ผู้อาวุโสร่างผอมตะคอกด่า “ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีความหวังเสี้ยวหนึ่ง ถ้าไม่ไปแล้วยังจะอยู่ในสถานที่แร้นแค้นนี่อีกทำไม”

คนผู้นี้ แน่นอนว่าเป็นเฒ่าโดดเดี่ยวแห่งเรือนโอบดารานิทราบุหลัน

“แร้นแค้นหรือ… นี่เป็นถึงแดนต้นกำเนิดมหามรรคของทั่วฟ้าดารานะ…”

ราชครูพึมพำ แววตาทอดมองไปทั่วจักรวรรดิจื่อเย่า ราวกับเห็นทะเลกลืนวิญญาณที่ห่างไกล รวมถึงแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณด้วย

“ข้าถามเจ้าว่าจะไปหรือยัง”

เฒ่าโดดเดี่ยวกล่าวอย่างหงุดหงิด

“ไม่ไปได้ด้วยหรือ”

ราชครูยิ้มขื่นพลางส่ายหัว

วันนี้ราชครูของหอดูดาวหลวงแห่งจักรวรรดิจื่อเย่าและเฒ่าโดดเดี่ยวหายไปพร้อมกัน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยดึงดูดความสนใจของผู้ใด

ในสายตาของคนทั่วไป พวกเขาดูแก่เกินไป แก่จนถึงขั้นไร้คนเหลียวแล

บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่เรียกว่าฤาษีไร้นาม

แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล

เล่าลือว่าแม่น้ำทุกสายทั่วหล้าหมื่นพิภพ รวมไปถึงสายน้ำในธารดาราของส่วนลึกแห่งจักรวาล สุดท้ายจะมารวมอยู่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ลึกลับและดึกดำบรรพ์นี้

ตั้งแต่สมัยบรรพกาล รอบด้านของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์โอบล้อมด้วยคีรีเทพห้าลูก แยกออกเป็นอิ๋งโจว เผิงไหล ฟางหู ไต้อวี่ หยวนเจี้ยว

คีรีเทพแต่ละลูกบนล่างเหยียดยาวสามหมื่นลี้ ระหว่างภูเขาห่างกันเจ็ดหมื่นจั้ง ด้านบนทะลุธารดารา ด้านล่างประชิดนรกขุมที่เก้า

แต่หลังจากศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิครั้งบรรพกาลปะทุขึ้น ภูเขาเทพห้าลูกนี้ก็หายไป แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีสภาพเหมือน ‘ตาสมุทร’ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เปลี่ยนจนต่างไปจากสมัยบรรพกาล

หลายปีก่อนหลินสวินที่ยังเด็กเคยเข้าไปใน ‘แดนลับอสูรมารอริยะ’ ของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ได้รับ ‘มรรคคาถา’ บทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดมา

และได้รับมรดกของ ‘วิชาอริยะยุทธ์’ มาด้วย

ก่อนหน้านี้ไปอีก ตอนที่ทางเดินโบราณฟ้าดารายังไม่ถูกปิด ลั่วทงเทียนเจ้าแห่งห้องโถงมรรคาสวรรค์ที่มาจากฟากฝั่งฟ้าดาราเคยปรากฏตัวในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์…

และมีข่าวลือว่า ประตูทางเข้าสำนักคีรีดวงกมลก็ตั้งอยู่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วย

สรุปคือ แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มีตำนานที่ลึกลับมากเกินไป

และตอนนี้ในส่วนลึกของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก็มีเงาร่างหนึ่งค่อยๆ ตื่นจากการเก็บตัวเงียบในกาลเวลาไร้สิ้นสุดแล้วลืมตาขึ้น

“ในที่สุดก็มาถึงแล้ว…”

พริบตานี้ ไอพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงไร้ขอบเขตซัดสาดออกมา

………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์