ตอนที่ 2113 ผลึกต้นกำเนิดมหามรรคและสมบัติตกหล่น
ในจิตรับรู้ของหลินสวิน ระหว่างฟ้าดินที่ไกลออกไป มีวิญญาณดุร้ายเกือบร้อยตนกำลังพุ่งทะยานเข้ามา
ทั่วร่างวิญญาณร้ายพวกนี้อบอวลด้วยแสงโลหิต เหาะเหินทะยานเมฆา รูปร่างคล้ายภูตผีก็ไม่ใช่ คล้ายมารปีศาจก็ไม่เชิง ยามห้อตะบึงประหนึ่งกองทัพนรกอันน่าพรั่นพรึงกองหนึ่งออกกรีฑาทัพ
จู่ๆ โลกแห่งนี้ก็สั่นสะเทือน กลิ่นอายเข่นฆ่าคาวเลือดที่พาให้คนขนลุกขนพองพุ่งทะยานฟ้า
‘กลิ่นอายแต่ละตนถึงกับไม่ต่างจากผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้า!’
ชั่วพริบตาเดียวหลินสวินก็ชี้ขาดออกมา อดตกตะลึงไม่ได้ นี่ยังแค่นรกอำพรางชั้นหนึ่งเท่านั้น วิญญาณร้ายที่เกลื่อนกลาดก็แข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว
คาดการณ์เช่นนี้ พลังของชั้นที่เก้าจะน่าสะพรึงเท่าใดกัน
“คนใหม่รึ หากไม่ยากถูกกำจัดออกไปก็รีบๆ หลบซะ!”
ทันใดนั้นเสียงตวาดลั่นปานอสนีบาตรระลอกหนึ่งดังกระหึ่มมา
หลินสวินถึงเพิ่งสังเกตว่าในละแวกใกล้เคียงนี้มีกลิ่นอายกร้าวแกร่งสายหนึ่งซุ่มอยู่ นั่นเป็นชายอาภรณ์ดำผอมแห้งผู้หนึ่ง อานุภาพคมกริบเฉียบแหลม แววตาชวนสยอง
หลินสวินไม่ตกใจกลับดีใจ มีคนก็ดี อย่างน้อยจะได้รู้ข้อมูลที่แท้จริงของนรกอำพรางนี่ได้อีกหน่อย
“ยังมัวอึ้งอะไรอีกเล่า หลบเร็ว!”
ชายชุดดำตวาดลั่น
เขาฝึกปราณอยู่ชั้นหนึ่งมาหลายสิบปีแล้ว รู้สภาพในที่แห่งนี้ดีเป็นที่สุด ยามปกติจะไม่มีวิญญาณร้ายกลุ่มใหญ่เช่นนี้ปรากฏออกมา
ทันทีที่ถูกพวกมันปิดล้อม ผลที่ตามมานั่นคงเลวร้ายเกิดคาดเป็นแน่ ควรรู้ว่านั่นเป็นถึงฝูงวิญญาณร้ายนับร้อยพันที่มีพลังต่อสู้ระดับกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้า!
หลายสิบปีมานี้ชายชุดดำเคยเจอพวกวิญญาณร้ายกลุ่มใหญ่เช่นนี้เพียงสามครั้งเท่านั้น ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าเป็นปฏิปักษ์กับมัน
“สหายไม่ต้องกังวลไป ข้าเพิ่งมานรกอำพราง กำลังคิดจะทดสอบฝีมือกับวิญญาณร้ายพวกนี้สักหน่อย” หลินสวินกล่าวง่ายๆ
ขณะพูด วิญญาณร้ายฝูงนั้นที่แฝงกลิ่นอายคาวเลือดแสบจมูกทั่วฟ้าก็ปรากฏในครรลองสายตาแล้ว
ชายชุดดำอึ้งไป เกือบโมโหจนจะกลายเป็นหัวเราะใส่ เขายังไม่เคยเห็นใครที่อาจหาญเช่นนี้มาก่อน เพิ่งมาถึงชัดๆ ดันร้องว่าจะไปสู้กับวิญญาณร้ายทั้งกลุ่ม ออกจะโง่งมเกินไปแล้ว!
“เจ้า…”
ตอนที่ชายชุดดำกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง หลินสวินก็ชิงลงมือก่อนแล้ว
เขารวบนิ้วเป็นกระบี่ กรีดผ่ากลางห้วงอากาศคราหนึ่ง ปราณกระบี่สายหนึ่งก็พุ่งออกมา
ฉัวะ!
กระบี่นี้ประหนึ่งเบิกฟ้าผ่าดิน ลึกลับไร้ขอบเขต ตัดขวางผ่านอากาศ ฟันฉับลงมา ยามมองจากไกลๆ ประหนึ่งธารดาราไหลหลั่งจากเก้าชั้นฟ้า ศักดิ์สิทธิ์คลุมจักรวาล!
พรูดๆๆ!
ก็เห็นว่าวิญญาณร้ายมากมายนับร้อยพันที่เทียบได้กับกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้าเหล่านั้น ยังไม่ทันได้มาถึงก็ถูกปราณกระบี่สายนี้ปกคลุมแล้ว ร่างกายแตกระเบิดราวกระดาษเปื่อย กลายเป็นละอองเลือดนับไม่ถ้วนล่องลอย
ดับสิ้นมลายเกลี้ยง!
ชายชุดดำตะลึงงัน ดวงตาแข็งค้าง กระบี่เดียว ทำลายกองทัพวิญญาณร้ายขบวนหนึ่งเชียวหรือ
ครู่ใหญ่เขาถึงหันสายตาไปยังหลินสวิน กล่าวว่า “สหาย เจ้าก็เป็นคนของเรือนเร้นหมอกหรือ”
ในน้ำเสียงเจือแววเลื่อมใส
ขอเพียงเป็นคนที่เข้ามาฝึกฝนในนรกอำพรางได้ ล้วนเป็นผู้โดดเด่นที่ถูกคัดมาจากเรือนเร้นหมอกและหอวิหคทองแดง ชายชุดดำมีหรือจะไม่กระจ่างว่าเจ้าคนที่เพิ่งเข้ามานี่เป็นพวกชั้นยอดคนหนึ่ง
“นับว่าใช่กระมัง”
หลินสวินตอบลวกๆ ไปประโยคหนึ่งแล้วสาวเท้าไปเบื้องหน้า เป็นฝ่ายเริ่มสนทนากับชายชุดดำผู้นี้
ไม่นานก็ได้รู้ว่าชายชุดดำผู้นี้มีนามว่าป๋อชวน ปราณระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิหนึ่งชั้นฟ้า ทั้งยังเป็นผู้สืบทอดแกนหลักของเรือนเร้นหมอก ฝึกปราณอยู่ในนรกอำพรางชั้นหนึ่งนี่มานานสามสิบเก้าปีแล้ว
สามสิบเก้าปีก่อน ป๋อชวนเป็นผู้ฝึกปราณระดับมกุฎราชันอริยะขั้นสมบูรณ์
ทว่าเขาในตอนนี้มีปราณระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิหนึ่งชั้นฟ้าแล้ว นี่เรียกได้ว่าน่าตกตะลึงยิ่งนัก อย่างไรเสียปราณระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิใช่ว่าใครจะสำเร็จกันได้ง่ายๆ
เมื่อได้รู้จากปากป๋อชวนว่าก่อนที่ผู้แข็งแกร่งจะมาเคี่ยวกรำในนรกอำพราง ล้วนจะพกยันต์หยกคงชีพมาด้วยแผ่นหนึ่ง สีหน้าของสวินก็พลันดำมืดทันที
เขานึกถึงเจ้าหมาหน้าตุ่นที่ถีบส่งตนเข้ามาในวังน้ำวนตัวนั้นแล้วให้แค้นจนกัดฟันกึกๆ บัญชีนี้ย่อมคิดที่ต้าหวงโดยปริยาย
และเมื่อป๋อชวนรู้ว่า เป้าหมายของหลินสวินคราวนี้คือตะลุยไปถึงชั้นเก้า ก็อึ้งไปทั้งตัว
ชั้นที่เก้า!
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ในหมู่คนที่ปราณต่ำกว่าระดับจักรพรรดิมีเพียงเจ้าหอวิหคทองแดงคนเดียวที่เคยไปถึง และเป็นที่นั่นที่ทำให้เจ้าหอวิหคทองแดงบรรลุจักรพรรดิ!
ป๋อชวนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยปากถาม “พี่หลิน ก่อนเจ้าจะมาไม่มีใครบอกเจ้าเลยหรือ ว่านรกอำพรางนี่มีอันตรายมากแค่ไหน”
หลินสวินส่ายศีรษะ
ป๋อชวนเผยสีหน้าเป็นเช่นนี้ดังคาด เอ่ยว่า “พี่หลิน หาใช่ข้าขัดขาเจ้า แต่เจ้ายังไม่รู้จักนรกอำพรางดีพอ…”
ขณะพูดเขาก็บอกเรื่องราวบางส่วนที่ตนล่วงรู้กับหลินสวิน
“ก็หมายความว่าต่อให้พกยันต์หยกคงชีพมา ก็สามารถใช้ได้แค่สามชั้นแรกเท่านั้นหรือ” คราวนี้หลินสวินถึงกระจ่างขึ้นมาบ้าง
ป๋อชวนกล่าว “ถูกต้อง ชั้นที่สี่ลงไป วิญญาณร้ายที่กระจายตัวอยู่แข็งแกร่งเหลือคณา ผู้แข็งแกร่งที่มีปราณระดับมกุฎจักรพรรดิสามชั้นฟ้าอย่างเจ้าก็ไม่กล้าบุกเข้าไปง่ายๆ”
“ในหมื่นปีมานี้ มีเพียงพวกร้ายกาจไม่กี่สิบคนเท่านั้นที่เคยเสี่ยงเข้าชั้นสี่ลงไป”
“ส่วนชั้นที่เก้า… ว่ากันว่าแม้จะเป็นระดับจักรพรรดิเข้าไป ก็มักจะประสบเหตุไม่คาดคิด เป็นสถานที่เลวร้ายสุดขั้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์