หลินสวินถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง กดบ่าป๋อชวนไว้กล่าวว่า “เจ้าไปแล้วใครจะนำทางให้ข้า”
ป๋อชวนเอ่ยอย่างกระวนกระวายใจ “พี่หลิน เจ้าเพิ่งมานรกอำพรางเลยยังไม่รู้ เมิ่งซิงจื่อนั่นสั่งเด็ดขาดว่าใครกล้าเดินทางกับข้า ผู้นั้นก็คือศัตรูของเขา หากข้ากับเจ้าเดินทางร่วมกัน ก็เท่ากับกำลังทำร้ายเจ้านะ!”
ขณะพูดเขาก็เล่าที่มาที่ไปของเมิ่งซิงจื่อให้หลินสวินฟัง
แต่ใครจะคิดว่าหลังจากหลินสวินฟังจบกลับทำหน้าคล้ายไม่ได้นำพา คร้านจะถกถึงปัญหานี้อีก กล่าวว่า “ตกลงเจ้าจะไปหรือไม่”
ป๋อชวนนิ่งอึ้ง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงกัดฟันเอ่ยตอบ “ไป!”
หลินสวินแย้มยิ้ม “นี่สิถึงจะถูก”
หนึ่งเค่อต่อมา
เงาร่างของทั้งสองปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทางวังน้ำวนสีเลือดแห่งหนึ่ง นี่คือเส้นทางเชื่อมสู่ชั้นที่สอง
สวบๆ!
ไม่นานร่างของทั้งสองก็เลือนหายไปในนั้น
…
นรกอำพรางชั้นที่สอง
ฟ้าดินในนี้ยังคงมืดครึ้ม แดงฉาน กดดัน กลางฟ้าดินเต็มไปด้วยกลิ่นอายเหี้ยมเกรียมและพินาศย่อยยับ ทำให้แม้แต่หายใจก็ยังลำบาก
ในขณะที่ปรากฏในฟ้าดินแห่งนี้ เงาร่างของป๋อชวนซวนเซคราหนึ่งจนแทบจะหกคะเมน
สาเหตุก็เพราะแรงกดดันในชั้นที่สองนี้ยิ่งน่าพรั่นพรึง เดินอยู่ในนั้นดั่งคล้ายแบกมหาคีรีไว้บนร่าง ได้รับการกดดันจากทั่วสารทิศ
หลิวสวินมองดูป๋อชวนคราหนึ่ง พอตัดสินใจได้เลาๆ แล้วว่า อย่างมากสุดอีกฝ่ายคงฝึกฝนได้แค่ในชั้นสองนี้เท่านั้น ถ้าลงลึกไปอีกย่อมต้องประสบเคราะห์เป็นแน่
ฟุ่บ!
เงาสีโลหิตหยาบดุจหัวแม่มือสายหนึ่งพุ่งทะลวงออกมาประหนึ่งสายฟ้าแลบ แทงเข้าท้ายทอยหลินสวินอย่างไร้สุ้มเสียง
หลินสวินหาได้เหลียวหลังก็คว้ามันเอาไว้อย่างง่ายดาย จับร่างสีโลหิตสายนี้ไว้แน่น
นี่เป็นวิญญาณร้ายตัวหนึ่ง เลือดลมทั่วร่างดั่งกระแสน้ำ โครงหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ดวงตาที่คล้ายเมล็ดถั่วเขียวทั้งคู่เต็มไปด้วยแววดุร้ายแดงก่ำ พลังที่มีไม่ด้อยไปกว่าระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิหนึ่งชั้นฟ้า
ทว่าตอนนี้กลับถูกหลินสวินจับไว้เสมือนไส้เดือนตัวหนึ่ง แม้แต่แรงขัดขืนยังไม่มี ในปากที่มีเขี้ยวยาวแน่นขนัดส่งเสียงร้องเล็กแหลมออกมา
“ไอดุร้ายไม่น้อยเลย…”
หลินสวินสังเกตอยู่ครู่หนึ่งแล้วออกแรงที่ฝ่ามือ แผดเผาวิญญาณร้ายสายนี้ทันที จากนั้นผลึกต้นกำเนิดมหามรรคขนาดเท่าเมล็ดซิ่งเมล็ดหนึ่งก็ปรากฏกลางฝ่ามือ เทียบกับผลึกต้นกำเนิดมหามรรคที่ได้จากชั้นหนึ่งแล้ว เห็นได้ชัดว่าคุณภาพเหนือกว่าช่วงหนึ่ง
มองเห็นหลินสวินล่าสังหารวิญญาณร้ายอย่างง่ายดายเช่นนี้ ป๋อชวนรู้สึกตาลายไปครู่หนึ่ง หากเปลี่ยนเป็นเขา ต้องเจอศึกเลวร้ายครั้งหนึ่งแหงๆ
“ไป ไปสำรวจความเร้นลับของชั้นนี้กันหน่อย”
หลินสวินเดินนำหน้าไปก่อน ป๋อชวนก็เพิ่งเข้าชั้นสองเป็นครั้งแรกเช่นกัน ให้เขานำทางต่อก็ไม่ได้มีความหมายเท่าไหร่แล้ว
เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป
ตลอดทางพวกหลินสวินพบเจอการโจมตีถึงสิบเก้าครั้ง วิญญาณร้ายที่ปรากฏแข็งแกร่งจนมีอานุภาพของระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดสองชั้นฟ้า ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังมีปราณระดับกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้า
สำหรับป๋อชวนแล้ว ชั้นที่สองนี้อันตรายมากยิ่ง หากไม่ใช่เพราะหลินสวินนำทาง เขาคงเผ่นหนีไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
ทว่าสำหรับหลินสวินแล้ว ไม่คณามือเลยสักนิด
เขาบุกตะลุยดุจผ่าลำไผ่ตลอดทาง!
ท่าทางที่ทำลายล้างอย่างง่ายดายนั้น ทำเอาป๋อชวนสะท้านจนเริ่มมึนชาตลอดทาง
เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่า หอวิหคทองแดงมีคนร้ายกาจที่เรียกได้ว่าเย้ยฟ้าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
…
หนึ่งวันให้หลัง
“ข้าต้องไปแล้ว ไปชั้นที่สาม”
หลินสวินตัดสินใจแล้ว ในช่วงหนึ่งวันมานี้เขาสำรวจความเป็นไปในชั้นที่สองของนรกอำพรางนี้อย่างชัดเจนแล้ว มีความรู้สึกเพียงอย่างเดียว…
น่าเบื่อ
ประโยชน์เพียงอย่างเดียวอาจจะเป็น ตลอดทางนี้สังหารวิญญาณร้ายรวบรวมผลึกต้นกำเนิดมหามรรคขนาดไม่ซ้ำได้หลายร้อยก้อน ทว่าล้วนเรียกได้ว่าล้ำค่ายิ่ง
ส่วนสมบัติมรดกเหมือนอย่างกระถางสมบัติสีเขียว กลับไม่พบเลยสักชิ้น เห็นได้ชัดเป็นอย่างที่ป๋อชวนว่าไว้ การปรากฏของสมบัติมรดกก็ต้องพึ่งโชคลาภเช่นกัน เป็นวาสนาที่พานพบได้แต่ไม่อาจร้องขอ
“พี่หลิน เจ้าวางแผนจะไปชั้นเก้าจริงๆ หรือ”
ป๋อชวนอดพูดไม่ได้ ตอนแรกสุดเขาไม่เชื่อคำของหลินสวินสักนิด คิดว่าอีกฝ่ายเพิ่งมาเยือน ไม่เข้าใจความน่ากลัวของนรกอำพราง
แต่ตอนนี้ เมื่อได้ร่วมเดินทางมากับหลินสวินจนบัดนี้ เขารับรู้ถึงความน่ากลัวในพลังต่อสู้ของหลินสวินนานแล้ว ในใจกลับเริ่มเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแล้ว
หลินสวินร้องอืมคราหนึ่ง แบ่งผลึกต้นกำเนิดมหามรรคส่วนหนึ่งที่ได้มาในช่วงหลายวันนี้ให้ป๋อชวน จากนั้นก็ตั้งใจจะบอกลา
ป๋อชวนอาลัยอาวรณ์ยิ่ง ทว่าเขารู้ดียิ่งกว่าว่าหากตนตามหลินสวินไปตลอด ก็ไม่มีโอกาสให้ตนได้ลงมือแม้แต่น้อย และย่อมไม่มีทางมีโอกาสเคี่ยวกรำมรรควิถีแห่งตนอย่างแน่นอน
ป๋อชวนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ประสานหมัดเอ่ย “พี่หลิน เช่นนั้นขอให้เจ้ารักษาตัวตลอดทางด้วย ข้าหวังยิ่งว่าเจ้าจะสามารถสำแดงความสง่างามของเจ้าหอวิหคทองแดงในปีนั้นได้อีกครั้ง ตะลุยสู่ชั้นที่เก้าในคราวเดียว!”
หลินสวินยิ้ม ตั้งท่าจะกล่าวอะไร จู่ๆ ก็ขมวดคิ้ว นัยน์ตาดำราวกับมีสายฟ้าวาบผ่าน ทอดมองไกลออกไป
ฮู้ม…
ห้วงอากาศไกลออกไปหอบม้วน สะท้อนเงาร่างเป็นสายๆ ผู้นำคือชายหนุ่มหน้าตาเหนือธรรมดา สวมชุดเกราะสีชาด ผมยาวพลิ้วไสว ข้างเอวเหน็บดาบยักษ์เล่มเขื่องไว้เล่มหนึ่ง
ข้างกายชายหนุ่มคนนี้รายล้อมด้วยชายหญิงกลุ่มหนึ่ง หลิ่วเซี่ยวและสตรีเย้ายวนนั่นก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
ยามมองเห็นชายหนุ่มรูปงามที่เป็นผู้นำ ป๋อชวนหน้าเปลี่ยนสีในบัดดล กล่าวอย่างไม่ลังเล “พี่หลิน เจ้ารีบไปเร็ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์