ตอนที่ 2232 อันเสวี่ยมาหา
“ท่านลุงทั้งสอง นี่พวกท่านมาทำอะไรกันหรือ”
อันเจิงสีหน้าตะลึงงัน เขาเพิ่งออกมาก็ถูกผู้อาวุโสในเผ่าสองคนขวางไว้ บังคับพาเขาย้อนกลับไปเขาประกายรุ้ง
“เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ” ชายวันกลางคนชุดเทาขมวดคิ้ว สีหน้าขึงขัง นามว่าอันเทียนสุ่ย หนึ่งในสี่ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิที่ควบคุมดูแลเขาประกายรุ้ง
“ข้าทำไมหรือ”
อันเจิงยิ่งรู้สึกประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆ
“สมบัติที่เจ้าใช้ประมูลวารีแรกปฐมเอามาจากไหน” ชายชราที่สวมชุดแดง ใบหน้าแข็งกระด้างเย็นชาอีกคนหนึ่งเอ่ยถาม เขานามอันเทียนหลิน เป็นระดับจักรพรรดิคนหนึ่งเช่นกัน
อันเจิงกล่าวอย่างลังเล “สมบัติพวกนี้มีปัญหาหรือ”
“ปัญหาใหญ่เลย!”
อันเทียนสุ่ยกล่าว “วันนี้ตอนรุ่งเช้าเพิ่งมีข่าวส่งมา เผ่าจักรพรรดิเจินโห่วประสบหายนะครั้งใหญ่ ระดับจักรพรรดิในเผ่าเกือบถูกสังหารเกลี้ยง…”
อันเจิงอึ้งไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า “อย่าบอกนะ…”
เขาเดาความเป็นไปได้อย่างหนึ่งออก อดหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ ไม่ได้
“เจ้ายังไม่ถือว่าโง่นัก สมบัติที่เจ้าใช้สุรุ่ยสุร่ายในหอคันฉ่องสวรรค์วันนี้ หากไม่เหนือความคาดหมายก็น่าจะมาจากเผ่าจักรพรรดิเจินโห่วทั้งหมด!”
อันเทียนสุ่ยกล่าว “แน่นอน เผ่าจักรพรรดิเจินโห่วเจียนจะล่มสลายแล้ว ไม่มีทางเอาความเรื่องนี้แน่ เพียงแต่ข้าสงสัยว่าคนรุ่นหลังอย่างเจ้าเหตุใดถึงเข้ามาพัวพันเรื่องนี้ได้”
สายตาของอันเทียนหลินก็มองไปทางอันเจิงเช่นกัน
อันเจิงสีหน้าวูบไหวไม่นิ่งครู่หนึ่ง เพิ่งตั้งท่าจะพูดอะไรก็เห็นเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ เอ่ยปากเสียงเรียบ “ข้าเป็นคนให้เขาช่วยเอง”
ผู้ที่มาก็คือหลินสวิน!
พริบตานั้นอันเทียนสุ่ยและอันเทียนหลินต่างนัยน์ตาหดรัด จับจ้องหลินสวิน ในใจทั้งคู่ตกใจปนสงสัย
จากปราณของพวกเขา ถึงกับไม่สามารถมองฐานะของคนตรงหน้าออก!
“ขอบังอาจถามว่าสหายยุทธ์คือ?” อันเทียนสุ่ยประสานมือ สายตาเจือแววระแวดระวัง ในใจสงสัยหาใดเปรียบ ฆาตรกรที่เกือบเหยียบเผ่าจักรพรรดิเจินโห่วราบเป็นหน้ากลองนั่น เกรงว่าจะเป็นคนผู้นี้แล้ว
“หลินเต้ายวน” หลินสวินกล่าวง่ายๆ
บนทางเดินโบราณฟ้าดารา นี่คือชื่อที่สามารถทำให้สำนักใดก็ตามหวาดผวา แต่ในแดนเจินหลงกลับแปลกหูหาใดเปรียบ
อย่างน้อยพวกอันเทียนสุ่ยก็ได้ยินเป็นครั้งแรก
“ดูเหมือนว่าสหายยุทธ์จะไม่ได้มาจากเผ่าวิญญาณเมฆา”
อันเทียนสุ่ยกล่าวเสียงขรึม “แน่นอน เรื่องนี้ล้วนไม่สำคัญ ข้าเพียงแต่ใคร่รู้ เหตุใดสหายยุทธ์ต้องหลอกใช้คนรุ่นหลังในเผ่าข้าด้วย”
ขณะพูดเขาชี้ไปทางอันเจิง
“เจ้าคิดมากไปแล้ว”
หลินสวินกล่าวเสียงเรียบ “หากไม่ใช่เพราะจะชักนำความวุ่นวายที่ไม่จำเป็นบางส่วนมา ข้าคนแซ่หลินย่อมไม่ให้สหายน้อยอันเจิงต้องลำบาก”
เขาหยุดไปครู่ก่อนเอ่ยต่อไปว่า “ท่านทั้งสอง ให้ข้ากับสหายน้อยอันเจิงพูดคุยกันตามลำพังได้หรือไม่”
อันเทียนสุ่ยและอันเทียนหลินสบตากันปราดหนึ่ง ต่างจับทางความคิดของหลินสวินไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ยังพยักหน้า
หลินสวินพาอันเจิงที่มืดแปดด้าน มึนงงไปหมดออกไปไกลๆ ก่อนยื่นมือทำประทับผนึกปิดครอบพื้นที่แถบนี้เอาไว้ ถึงค่อยกล่าวว่า “ตอนนี้เจ้ารู้ฐานะของข้าแล้ว ในใจคิดเห็นอย่างไร”
อันเจิงยิ้มขื่น “ข้าเป็นแค่ผู้น้อยคนหนึ่ง เข้าไปพัวพันเรื่องใหญ่โตของพวกท่านไม่ได้หรอก”
กล่าวพลางเขายื่นขวดหยกสีทองที่ประทับผนึกใบหนึ่งให้หลินสวิน “ผู้อาวุโส ในประทับผนึกนี้ก็คือวารีแรกปฐม”
หลินสวินถือไว้ในมือ จิตรับรู้สำรวจเข้าไปในประทับผนึกแล้วพยักหน้า “ถูกต้อง เป็นสมบัติชิ้นนี้”
อันเจิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ประสานมือกล่าวว่า “ผู้อาวุโส เรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว ขอให้ท่านโปรดเมตตา ปล่อยผู้น้อยไปด้วย”
พวกน่าสะพรึงที่สามารถฆ่าเผ่าจักรพรรดิเจินโห่วเกือบหมดได้คนหนึ่ง จะให้อันเจิงกล้าไปสุงสิงด้วยอีกได้อย่างไร
หลินสวินขบคิดเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ข้าเคยรับปากไปแล้ว จะให้เจ้าได้เห็นอานุภาพแท้จริงของประทับปี้อั้น ย่อมไม่อาจคืนคำ”
เขายื่นมือออกมาชี้ ประทับมหามรรคสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในหัวคิ้วของอันเจิง
ตูม!
อันเจิงรู้สึกเพียงว่าสมองสั่นสะเทือน ประทับปี้อั้นสายหนึ่งปรากฏ แผ่อานุภาพน่าสะพรึงที่สยบสังหารจักรวาล ท่ามกลางความเลือนราง เขาเสมือนมองเห็นประทับมรรคสายนั้นถึงกับกลายเป็นเงาร่างบรรพชนแรกเริ่ม เหยียบย่ำทำลายฟ้าดารา เคลื่อนขวางสยบทั้งหล้า!
นั่นคืออานุภาพที่อันเจิงไม่เคยเห็นมาก่อน เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามรดกประทับปี้อั้นที่ตนเริ่มฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กจะถึงกับยิ่งใหญ่เพียงนี้ ถึงขั้นใช้คำว่าน่าเหลือเชื่อมาบรรยายได้!
ครู่ต่อมาอันเจิงเหงื่อชุ่มโชก สายตางุนงง จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำที่หลินสวินเคยพูด…
‘นี่ไม่ใช่ปัญหาของปราณ แต่เป็นปัญหาของมรดก’
นี่เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ
หากเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่หมายความว่ามรรคาของตนมีจุดบกพร่องมาตลอดหรือ
อารมณ์ของอันเจิงไหวหวั่น สภาพจิตใจล้วนมีร่องรอยของการสั่นคลอนอยู่รางๆ
หลินสวินตบไหล่เขาเบาๆ “วัวหายล้อมคอก แต่ยังไม่สายเกินไป ภายหน้าเจ้าตั้งใจหยั่งรู้ดีๆ ก็จะซ่อมแซมกลับมาได้”
สภาพจิตใจของอันเจิงมั่นคงขึ้นมาทันที สายตาของเขาซับซ้อน โค้งตัวกล่าวว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งที่ชี้แนะ”
กล่าวเสร็จเขาก็เดินออกไปยังไกลๆ จิตใจเหม่อลอย วิญญาณไม่อยู่กับร่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์