Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2233

สรุปบท ตอนที่ 2233 จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทร: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 2233 จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทร จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2233 จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทร คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 2233 จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทร

เกาะเทพรุ้งมรกต

บนริมฝั่งทะเลแถบหนึ่ง

หลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ ในห้วงนิมิตของเขา คัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน คัมภีร์กระบี่จูคง คัมภีร์กระบี่มหาลมกรด ไปไร้หวน กระบี่พิฆาตมรรคชั่วพริบตา ห้ามรดกมรรคกระบี่นี้ มีการผสานและขานรับกันอยู่รางๆ ระหว่างกัน

เพียงแต่ยังคงยากเกินกว่าจะผสานอย่างแท้จริง

คัมภีร์กระบี่ชั้นเลิศห้าอย่าง ก็เหมือนจักรพรรดิกระบี่ชั้นเลิศห้าคน นึกอยากผสานเชื่อมต่อหนทางแห่งมหามรรคของพวกเขาให้กลายเป็นมรรคกระบี่ของตน… ยากเกินไป!

หลินสวินกลับไม่ได้รีบร้อน หนทางแห่งมรรคจักรพรรดิเดิมก็ไม่สามารถสำเร็จในก้าวเดียวอยู่แล้ว

สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินคาดไม่ถึงคือ จากความเร็วในการเคี่ยวกรำของเขาในตอนนี้ ใช้เวลานาไม่นานนักปราณก็จะทะยานถึงระดับจักรพรรดิขั้นสองขั้นสมบูรณ์แล้ว!

และตอนที่ไปทะลวงระดับจักรพรรดิขั้นสาม ก็จะพบเจอกับ ‘ปราการใจจักรพรรดิ’ นี่คือเคราะห์แรกบนเส้นทางแห่งระดับจักรพรรดิ

พักนี้หลินสวินเองก็ไตร่ตรองอยู่ตลอด เคราะห์นี้ย่อมเกี่ยวข้องกับสภาวะจิต เพียงแต่จะพบเจอเคราะห์ใหญ่ขนาดไหน หลินสวินกลับไม่รู้อะไรเลย

เขาขอคำแนะนำจากซี ต้าหวง คำตอบของทั้งคู่เหมือนกัน ปราการใจจักรพรรดิที่ระดับจักรพรรดิแต่ละคนพบเจอ ไม่มีอะไรใช้อ้างอิงได้เลย

ขณะกำลังใคร่ครวญ ในใจหลินสวินวูบไหวคราหนึ่ง สายตามองไปยังบริเวณไกลโพ้น

ไม่นานนักก็เห็นเงาร่างของอันเจิง อันเสวี่ยปรากฏขึ้น พุ่งเข้ามาทางนี้

มุมปากหลินสวินเจือรอยยิ้มบางที่คล้ายมีแต่ไม่มี ตอนที่เขาถ่ายทอดนัยเร้นลับของประทับปี้อั้นให้อันเจิงก็มั่นใจแล้วว่า อันเสวี่ยที่หลายปีมานี้เอาแต่เตรียมพร้อมจะบรรลุจักรพรรดิ หลังจากได้รู้เรื่องนี้จะต้องนั่งไม่ติดเป็นแน่!

และนี่ก็หมายความว่า แทนที่จะให้ตนเป็นฝ่ายไปร้องขอความช่วยเหลือจากอันเสวี่ย ไม่สู้ให้อีกฝ่ายมาหาถึงที่อย่างว่าง่ายๆ ดีกว่า

“พวกเจ้ามาแล้ว” หลินสวินหยัดตัว ไม่ได้วางมาดในฐานะบุคคลระดับจักรพรรดิ กล่าวให้ถูกคือ หากว่ากันแค่อายุ เขาถึงขั้นเด็กกว่าอันเจิงและอันเสวี่ยเสียอีก!

“ผู้อาวุโส ผู้นี้คือท่านพี่ในเผ่าของข้า…” อันเจิงเดินเข้ามาและแนะนำอย่างเคารพคราหนึ่ง

“คารวะผู้อาวุโส” อันเสวี่ยประสานมือ จากนั้นนัยน์ตาก็ทอดมองหลินสวิน กล่าวว่า “ดูท่าผู้อาวุโสน่าจะเดาสาเหตุการมาของข้าได้แล้ว ผู้น้อยก็ไม่กล้าปิดบัง ถึงจะไม่สามารถช่วยผู้อาวุโสเข้าวังมังกรได้ แต่กลับสามารถหาโอกาสให้ผู้อาวุโสติดต่อกับคนใหญ่คนโตเผ่าเจินหลงได้”

“เช่นนั้นก็พอ”

หลินสวินพยักหน้า อันเสวี่ยเป็นผู้หญิงที่ฉลาดหลักแหลมยิ่งคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย คล่องแคล่วพูดจาฉะฉาน แต่กลับมีจุดยืนของตัวเอง

เขาดีดนิ้วคราหนึ่ง ประทับนัยเร้นลับของประทับปี้อั้นสายหนึ่งก็พุ่งเข้าไปกลางคิ้วของอันเสวี่ย ฝ่ายหลังร่างกายแข็งทื่อ จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิอย่างไม่ลังเลสักนิด สงบจิตหยั่งรู้

เนิ่นนานอันเสวี่ยลืมตาขึ้นจากการนั่งสมาธิ เมื่อมองดูหลินสวินอีกครั้ง นัยน์ตาสุกใสก็เจือแววเคารพเกรงขามและไม่อยากจะเชื่ออย่างหนึ่ง

ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้ว ที่อันเจิงพูดมาทั้งหมดถึงกับเป็นเรื่องจริง มรดกประทับปี้อั้นที่พวกเขาเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นฝึกฝนในหลายปีมานี้ ไม่ได้สมบูรณ์สักนิด!

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชี้แนะอย่างยิ่ง!”

อันเสวี่ยโค้งกายคารวะ น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นจริงใจขึ้นมา “ราวๆ ครึ่งเดือนให้หลัง ผู้อาวุโสใหญ่คนหนึ่งของเผ่าเจินหลงจะมาเยือนเกาะเทพรุ้งมรกต ถึงตอนนั้นผู้น้อยจะหาโอกาสเข้าพบให้ผู้อาวุโส”

ในใจหลินสวินถอนหายใจโล่งอก กล่าวว่า “เช่นนั้นก็ลำบากแล้ว”

ครึ่งเดือน?

เขารอไหว

“ผู้อาวุโส ผู้น้อยมีคำขอที่อาจจะเกินเลยไปอย่างหนึ่ง อยากถามว่า ท่าน… ครอบครองมรดกประทับปี้อั้นซึ่งเป็นของเผ่าข้าได้อย่างไร” อันเสวี่ยลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังทำหน้าหนาเอ่ยถามออกไป

อันเจิงอึ้งไป ก่อนจะมองไปเช่นกัน นี่ก็เป็นข้อกังขาที่ใหญ่ที่สุดในใจเขาเหมือนกัน เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่กล้าถาม

หลินสวินกล่าวง่ายๆ “เรื่องนี้พูดไปก็ยาว เอาเป็นว่าไม่มีทางเป็นการขโมยไปจากเผ่าปี้อั้นของพวกเจ้าแน่นอน”

อันเสวี่ยและอันเจิงสบตากันปราดหนึ่ง นี่ย่อมไม่ใช่การแอบขโมยอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรมรดกที่พวกเขาเผ่าปี้อั้นเคี่ยวกรำกันนั้นก็มีจุดบกพร่อง ส่วนมรดกประทับปี้อั้นที่หลินเต้ายวนคนนี้ครอบครองกลับสมบูรณ์!

อันเสวี่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กล่าวเสียงเบา “ผู้อาวุโส ท่าน… มอบมรดกสมบูรณ์นี้เอาไว้ได้หรือไม่ ข้าเชื่อว่าเผ่าปี้อั้นของข้าจะต้องซาบซึ้งผู้อาวุโส มองผู้อาวุโสเป็นผู้มีพระคุณสูงสุดของเผ่าแน่ หนำซ้ำ ไม่ว่าผู้อาวุโสมีข้อเรียกร้องอะไร ขอเพียงเผ่าข้าสามารถทำให้ได้ จะต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน!”

หลินสวินคล้ายยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม “เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนรุ่นหลังอย่างเจ้าจะตัดสินใจได้ ต่อไปหากมีโอกาส ข้าก็ไม่ถือที่จะทำเช่นนี้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”

อันเสวี่ยรู้สึกผิดหวังน้อยๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่นางก็รู้ดี เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนรุ่นหลังอย่างนางจะยื่นมือจัดการได้จริงๆ

หลินสวินครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าว “เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกคนอื่น หากข้าสามารถกลับจากเผ่าเจินหลงอย่างราบรื่น บางทีอาจจะพูดคุยเรื่องนี้กับคนใหญ่คนโตในเผ่าปี้อั้นของพวกเจ้า”

เขาไม่อยากหาเรื่องวุ่นวาย ยิ่งไม่อยากถูกปัญหามาหาถึงที่

หากเรื่องนี้ถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นพวกนั้นรู้เข้า จะต้องใช้ทุกวิธีทาง ‘รั้ง’ เขาเอาไว้อย่างแน่นอน!

ถึงแม้อันเสวี่ยและอันเจิงจะรู้สึกประหลาด แต่ก็ยังตกปากรับคำ

ไม่นานนักทั้งคู่ก็รีบร้อนจากไป

หลินสวินอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง ในที่สุดตอนนี้เขาก็ระบุเรื่องหนึ่งได้อย่างชัดเจนแล้ว

มรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรของท่านลู่ ห่างไกลจากคำว่าเรียบง่ายอย่างที่ตนเคบคิดเอาไว้!

“ในที่สุดก็มาแล้ว” บนหน้าผาริมฝั่งทะเล หลินสวินลืมตาจากการนั่งสมาธิ จิตรับรู้พาดขวางกลางอากาศ และสัมผัสถึงกลิ่นอายของ ‘คนใหญ่คนโต’ ผู้นั้นของเผ่าเจินหลงได้ทันที

เป็นชายที่สวมชุดม่วง สองตาเจือสีน้ำตาล รูปร่างสูงล่ำแข็งแกร่ง เป็นผู้มีปราณระดับจักรพรรดิขั้นหก!

ผู้ที่มุ่งหน้ามาในครั้งนี้ย่อมไม่ได้มีแค่คนผู้นี้เท่านั้น ลำพังแค่ผู้ติดตามที่ปรากฏตัวพร้อมกับเขาก็มีกันนับพันคน กลิ่นอายแต่ละคนล้วนแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

เพียงแต่สำหรับหลินสวินแล้ว นอกจากชายชุดม่วงคนนี้ก็ไม่มีใครที่เข้าตาอีกเลย!

ในวันนั้นมีข่าวกระจายออกมา ชายชุดม่วงผู้นั้นเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของเผ่าเจินหลง นามว่าอ๋าวซิงหลิน ฉายา ‘จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทร’!

และในเวลานั้นอันเจิงก็รีบร้อนมาหา เชิญหลินสวินไปเป็นแขกที่เขาประกายรุ้ง

ช่วงโพล้เพล้

เขาประกายรุ้ง ในคฤหาสน์อันวิจิตรงดงามแห่งหนึ่ง สัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นสี่คนอย่างพวกอันเทียนสุ่ย อันเทียนหลินมาด้วยตนเอง รอต้อนรับจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรที่มาเยือนที่นี่อย่างเอิกเกริก

ในงานเลี้ยงอาหารเครื่องดื่มพร้อมพรัก บรรยากาศครื้นเครง

จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรนั่งสันโดษอยู่ตรงตำแหน่งประธาน ท่าทางองอาจเคร่งขรึม ดุงดั่งจอมราชันที่สูงส่งคนหนึ่งกำลังรับการต้อนรับขับสู้จากเหล่าขุนนาง

พวกอันเทียนสุ่ยไม่มีใครไม่ยินดีกันสักคน แต่ละคนต่างกระตือรือร้นยิ่ง ฉายแววต่ำต้อยที่คล้ายมีแต่ไม่มี ท่าทีก้มหมอบอย่างยิ่ง

อย่าว่าแต่คนใหญ่คนโตอย่างจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรเลย ต่อให้เป็นชาวเผ่าคนหนึ่งที่มาจากเผ่าเจินหลง พวกอันเทียนสุ่ยก็ยังไม่กล้าละเลย

หลังดื่มสุราไปสามรอบ ในที่สุดสายตาของจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรก็มองไปทางอันเสวี่ยที่นั่งอยู่ไม่ไกลมาโดยตลอด เอ่ยปากเสียงเรียบ

“นี่ก็คือผู้กล้าที่สะดุดตาที่สุดในหมู่คนรุ่นหลังของเผ่าเจ้าหรือ”

อันเทียนสุ่ยรีบกล่าวเป็นพัลวัน “ใช่แล้ว อันเสวี่ย รีบคารวะใต้เท้าจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรเร็วเข้า!”

อันเสวี่ยหยัดตัวลุกขึ้นแล้วก้มหัวคารวะอย่างเคารพ “คารวะใต้เท้า”

จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรร้องอืมคราหนึ่ง สายตากวาดสำรวจอันเสวี่ย ก่อนจะข้างของลวกๆ ออกไป เป็นยันต์สีทองที่แสงมรรคคลุมเครือสอดประสานชิ้นหนึ่ง ตกอยู่ตรงโต๊ะเบื้องหน้าอันเสวี่ย

“ใช้เลือดบริสุทธ์ของเจ้าลงชื่อประทับลายมือลงไปบนยันต์แผ่นนี้ซะ” น้ำเสียงราบเรียบ เจือกลิ่นอายทำทาน

ตอนนี้อันเสวี่ยรู้แล้ว ขอเพียงทำเช่นนี้ ชะตาชีวิตของตนก็จะถูกเผ่าเจินหลงบงการอย่างแน่นหนา หากฝ่าฝืน ยันต์ผืนนี้ก็จะมอบอาการบาดเจ็บสาหัสถึงชีวิตที่สุดให้แก่ตน

แต่หากไม่ทำ ก็ไม่สามารถได้รับคำชี้แนะจากจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทร ชั่วชีวิตไร้วาสนาบรรลุจักรพรรดิ!

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์