ตอนที่ 2319 จอมจักรพรรดิกษิติครรภ์
ฉางเจ๋อ
สัตว์เทพเก้าไม่เหมือน แปลงมาจากแรงปรารถนาสรรพชีวิต สังเวยชีวิตและมรรควิถีของบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งถึงปลุกให้ตื่นมาบนโลกได้…
วิธีการที่พิสดารสุดหยั่งระดับนี้ทำให้หลินสวินยังอดสะท้านไม่ได้
“บรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยจิ้นดูเหมือนร่วงหล่น แต่วิญญาณของเขาได้ผสานเข้าไปในตัวของสัตว์เทพฉางเจ๋อแล้ว จะไม่ใช่การนิพพานแล้วเกิดใหม่ครั้งหนึ่งได้อย่างไร นี่… ก็คือศุภโชคที่เขาเสาะแสวงหาเพื่อทะลวงระดับบรรพจารย์จักรพรรดิมาโดยตลอด!”
ห่างออกไปจักรพรรดิธรรมซวีเฟิงพึมพำ แววตาเจือแววคลุ้มคลั่งอย่างหาได้ยาก
‘หลินสวิน รีบไปทำลายซุ้มธรรมสีดำนั่นเร็ว! หาไม่ต่อให้ข้าสังหารเดรัจฉานนี่ได้ พลังทั่วร่างของมันก็จะถูกพุทธรูปของจอมจักรพรรดิกษิติครรภ์นั่นดูดซับ เป็นไปได้สูงว่าอาจทำให้อีกฝ่ายหล่อกายทองกุศลสำเร็จ คืนชีพอีกครั้งจากการหลับใหลหมื่นกาล!’
เสียงสื่อจิตของซีดังขึ้น ทำให้จิตใจหลินสวินสั่นไหว ที่แท้พุทธรูปไร้หน้านั่นก็เป็นรูปปั้นของบรรพจารย์ผู้บุกเบิกแดนกษิติครรภ์จริงๆ!
และในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ แดนกษิติครรภ์รวบรวมแรงปรารถนาสรรพชีวิตก็เพื่อให้จอมจักรพรรดิกษิติครรภ์หลอมกายทองกุศล กลายเป็น ‘เทพ’ ในการดับสิ้น!
หลินสวินเคลื่อนทะยานกลางห้วงอากาศแทบจะในทันที พุ่งไปทางซุ้มธรรมสีดำที่อยู่ห่างออกไป
“สยบ!”
ก็เห็นจักรพรรดิธรรมซวีเฟิงพลันยกมือขึ้น ลูกประคำสีดำเหินฟ้า ชักนำพลังระเบียบต้องห้ามเดือดพล่าน โจมตีลงมาทางหลินสวิน
เบื้องหน้าหลินสวินเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเปล่งแสง ผุดกลิ่นอายเพลิงหงส์ระเบียบอันงดงามออกมา เข้าปะทะกับอีกฝ่าย
ครืน โครม…
ลูกประคำและเตากระบี่ชนกระแทก ก็เหมือนพลังระเบียบสองเข้าปะทะกัน ก่อเกิดพลังดับฟ้าทำลายดินเอ่อล้น
“เจ้าก็ถึงกับครองพลังระเบียบด้วยหรือ” ดวงตาจักรพรรดิธรรมซวีเฟิงหดรัดลงน้อยๆ คล้ายคาดไม่ถึง สีหน้าที่เรียบเฉยเย็นชาปรากฏแววครัดเคร่งเสี้ยวหนึ่ง
ในความคิดของเขาก่อนหน้านี้ ที่หลินสวินสามารถเหยียบทำลายประตูภูเขาสำนักโบราณจรัสเทพได้ กุญแจหลักอยู่ที่ซีเป็นสำคัญ
หาไม่ลำพังแค่มกุฎมหาจักรพรรดิซึ่งมีปราณระดับจักรพรรดิขั้นสี่คนหนึ่ง คิดอยากพังสำนักโบราณจรัสเทพให้ย่อยยั เป็นการละเมอเพ้อพกอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้จักรพรรดิธรรมซวีเฟิงตระหนักได้ทันควันว่าตนให้ความสำคัญกับซีมากเกินไป ตรงข้ามกลับประเมินพลังต่อสู้ของหลินสวินต่ำไป!
“ฆ่า!”
จักรพรรดิธรรมซวีเฟิงเริ่มโจมตีเต็มกำลังโดยไม่ลังเล มองหลินสวินเป็นศัตรูตัวฉกาจ
ตูม!
รอบกายเขาผุดเงามายามุนินทร์สายแล้วสายเล่า บ้างบัญชาเก้าฟ้า บ้างยิ้มโอบอ้อมอารี บ้างหน้าตาดุร้าย บ้างก็หันหลังให้สรรพชีวิต….
และอานุภาพของจักรพรรดิธรรมซวีเฟิงก็ไต่ทะยานถึงขีดสุดในชั่วขณะเดียว ดุจดั่งนายเหนือหัวแห่งแคว้นธรรมอันพิสุทธิ์ ครอบครองวิชาธรรมเหนือสุด ชักพาพลังระเบียบต้องห้าม น่าสะพรึงถึงขีดสุด
“หลุดพ้นเป็นเครื่องชี้นำ ผู้หมกมุ่นไม่รู้แจ้ง ดับสิ้นคือที่พักพิง!”
เขาท่องสวดเสียงธรรม ก็เห็นพลังระเบียบต้องห้ามพร่างฟ้ากลายเป็นโซ่เทพ เกี่ยวรัดมุกประคำสีดำพวงนั้นเอาไว้ หว่านครอบลงมา ทุกที่ที่กวาดผ่านห้วงอากาศล้วนพังถล่มจมจ่อม บังเกิดเสียงระเบิดสนั่น พลานุภาพระดับนั้นน่าสะพรึงไร้ขอบเขต
หลินสวินใช้เตากระบี่เข้าปะทะ กระบี่มรรคหอบม้วนปราณกระบี่พร่างฟ้าพาดขวาง โชติช่วงไร้สิ้นสุด ท่ามกลางความเลือกรางเสมือนมีเสียงหงส์เซียนขับขานก้องกังวานเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน
นี่คือพลังของเพลิงหงส์ระเบียบที่ปลดปล่อยเต็มพิกัดในเวลานี้
ตูม!
ทั้งคู่ต่อสู้อย่างดุเดือด ชั่วอึดใจก็ปะทะกันไปหลายร้อยครั้ง โจมตีตรงๆ จนมืดฟ้ามัวดิน สุริยันจันทราหม่นแสง ทุกแห่งหนล้วนเป็นภาพสยดสยองของการพังถล่มย่อยยับ
นี่ทำให้สีหน้าของจักรพรรดิธรรมซวีเฟิงยิ่งคร่ำเคร่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่เคยคิดสักนิดว่าภายใต้การควบคุมพลังระเบียบต้องห้าม โจมตีด้วยมรรควิถีทั้งหมด ถึงกับยังไม่สามารถทำอะไรมกุฎมหาจักรพรรดิระดับจักรพรรดิขั้นสี่อย่างหลินสวินนี่ได้
และขณะเดียวกันหลินสวินก็อดขมวดคิ้วไม่ได้เช่นกัน
หากไม่ใช่เพราะพลังระเบียบต้องห้ามนั่น คนอย่างจักรพรรดิธรรมซวีเฟิงย่อมไม่สามารถขวางการโจมตีของเขาได้เด็ดขาด
“เปิด!”
หลินสวินตะโกนลั่น มรรควิถีทั้งตัวโคจรสุดขีด ร่างกายเดือดพล่านดุจหุบเหวใหญ่ มีพลานุภาพน่าสะพรึงที่กลืนกินเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดินอยู่รำไร
เขาควบคุมกระบี่มรรคไร้ก้นบึ้ง สำแดง ‘ไปไร้หวน’ เต็มพิกัด
จักรพรรดิธรรมซวีเฟิงนัยน์ตาหดรัด ตระหนักถึงความน่าระพรึงของกระบี่นี้ ตั้งท่าเตรียมจะต้านทานเต็มกำลัง
เงาแสงเจิดจ้าขาวโพลนแถบหนึ่งพลันสาดออกจากตัวหลินสวิน ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ล้วนบังเกิดความเงียบงันไปชั่วอึดใจ
พรูด!
เสียงอู้อี้สายหนึ่งดังขึ้น
จักรพรรดิธรรมซวีเฟิงเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก สายตาอึ้งงัน ริมฝีปากเฝื่อนขม “พรสวรรค์หุบเหวกลืนกินขั้นที่สองในตำนาน ถึงกับมีอยู่จริงๆ….”
เสียงยังไม่ทันสิ้นสุด รอยเลือดสายหนึ่งก็แผ่ขยายจากเหนือศีรษะไล่ลงมายังสันจมูก ริมฝีปาก ปลายคาง ลำคอ บริเวณอก จากนั้นร่างกายเขาก็ขาดออกเป็นสองท่อน แตกระเบิดกลางห้วงอากาศ
ยังไม่ทันรอให้เลือดสดพุ่งกระฉูดหลั่งรินออกมา ก็แตกสลายเป็นเถ้าธุลีลอยล่อง
ปึง!
ลูกประคำสีดำพวงนั้นร่วงตุบลงพื้น ฝุ่นควันคลุ้งตลบ แตกกระจายทั่วพื้น มืดมนอับแสง สูญเสียพลังวิญญาณทั้งหมด
หลินสวินถอนหายใจยาว ไม่แม้แต่จะมอง ตรงดิ่งไปทางซุ้มธรรมสีดำที่อยู่ไกลๆ นั่น
“โฮก!”
สัตว์เทพฉางเจ๋อที่กำลังต่อสู้ดุเดือดกับซีส่งเสียงคำรามเดือดสะเทือนฟ้าออกมา ราวได้รับแรงกระตุ้นครั้งใหญ่ หมายจะไปขวางหลินสวิน
ซีมีหรือจะปล่อยให้มันสมปรารถนา บุกโจมตีเต็มกำลัง ทวนศึกระเบียบสาดละอองแสงที่ปิดครอบฟ้าดิน เข้ากำราบสัตว์เทพฉางเจ๋อไว้อย่างแน่นหนา
ชั่วขณะหนึ่งฉางเจ๋อคำรามไม่หยุด แต่ก็ไม่สามารถดิ้นหลุด
และหลินสวินจะมาถึงหน้าซุ้มธรรมสีดำนั่นแล้ว สายตากวาดมองรูปปั้นของจอมจักรพรรดิกษิติครรภ์นั่น สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งก่อนกระตุ้นเตากระบี่
…เงาร่างเหล่านี้มีทั้งคนในโลกปุถุชนธรรมดาทั่วไป ชายหญิงเด็กแก่ ร่ำรวยแร้นแค้น ท่านอ๋องแม่ทัพ สามสำนักเก้าสาย ที่ควรมีล้วนมีหมด
และยังมีผู้ฝึกปราณ พลังปราณตั้งแต่ห้าระดับล่างไปจนถึงระดับราชัน ระดับอริยะ ระดับกึ่งจักรพรรดิ ระดับจักรพรรดิ…
ถึงตอนสุดท้าย ใต้หล้าทั้งบนล่างนี้ทุกแห่งหนล้วนมีแต่เงาร่างเบียดแน่น มีจำนวนนับร้อยล้าน!
ทันทีที่เงาร่างเหล่านี้ปรากฏก็พากันคุกเข่าลง ก้มกราบโขกศีรษะ เอ่ยว่า “แดนแห่งกษิติครรภ์ส่องสว่าง จักรวรรดิแห่งจอมจักรพรรดินิรันดร์กาล”
เสียงที่พร้อมเพรียงเป็นหนึ่งเดียวนั้นดังก้องทั่วใต้หล้าทั้งบนล่าง สะท้านสะเทือนจิตใจผู้คน!
“เห็นแล้วหรือไม่ พวกนี้ก็คือ ‘สรรพชีวิต’ ที่มาพึ่งใบบุญกับข้า เจตจำนงของพวกเขาก็คือเจตจำนงของข้า ความเป็นความตายของพวกเขาก็คือความเป็นความตายของข้า ต่อให้เจ้าจะมีพลังสังหารข้าให้ตายได้ แต่หากข้าตายไป สรรพชีวิตนี้ก็จะพลอยร่วงหล่นตามไปด้วย”
เสียงสายนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ยิ่งใหญ่แต่แผ่วเบา “นี่ก็หมายความว่า หนึ่งความคิดของเจ้า สามารถล้างสังหารสรรพชีวิตนับร้อยล้านพันล้านในโลกนี้! ความผิดนองเลือดระดับนี้ เจ้าหลินเต้ายวน… เกรงว่าจะไม่อาจรับไหวสักนิด!”
สวบ!
สายตาของสรรพชีวิตนับไม่ถ้วนต่างพากันมองมาทางหลินสวิน
ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าเป็นภาพลวงตา แต่ดวงตาของหลินสวินก็หดรัดลงทันควัน สรรพชีวิตเบื้องหน้านี้ ต้องเป็นเจ้าของแรงปรารถนาสรรพชีวิตที่ถูกแดนกษิติครรภ์รวบรวมเอาไว้ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดอย่างแน่นอน
แต่ละคนอยู่ในโลกใบนี้ ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเป็นๆ จำนวนนับร้อยล้าน มหาศาลถึงขั้นไม่อาจจินตนาการได้
ต่อให้หลินสวินกรำศึกมานานปี ฝึกปราณจนป่านนี้ สังหารศัตรูไปไม่รู้เท่าไหร่ ก็เกรงว่าจะไม่อาจเทียบจำนวนสรรพชีวิตทั้งหมดที่ได้เห็นตรงหน้านี้สักนิด
“เก็บรวบรวมแรงปรารถนาสรรพชีวิต ใช้หลอมกายทองกุศล เช่นนี้ก็สามารถใช้เจตจำนงแห่งตนมาแทนที่เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต ดังนั้นสรรพชีวิตจึงตกเป็นทาส วิธีการเช่นนี้บางทีอาจทำให้เจ้าคืนชีพจากการดับสูญได้ และอาจทำให้เจ้าก้าวข้ามระดับบรรพจารย์จักรพรรดิได้…”
หลินสวินถอนหายใจยาว แววตาเรียบนิ่งไร้แววหวั่นไหว “น่าเสียดาย สุดท้ายก็เป็นแค่ทางสายมารนอกคอกสายหนึ่ง”
เสียงยิ่งใหญ่นั้นดังขึ้นอีกครั้ง “ผู้ดึงดันไม่ประจักษ์แจ้งก็คือพวกนอกรีต สรรพชีวิตในใต้หล้านี้จะไม่มีวันอภัยให้เจ้า”
น้ำเสียงเพิ่งสิ้นสุดลง
สรรพชีวิตนับร้อยล้านที่กระจัดกระจายอยู่ทั้งบนล่างทั่วหล้าต่างหยัดกายลุกขึ้น สายตาราวกับจ้องศัตรูคู่แค้นก็ไม่ปาน พุ่งพรวดเข้าหาหลินสวินโดยไม่ลังเล
ตูมโครม!
โลกแห่งนี้สั่นโคลง สรรพชีวิตมากมายพุ่งเข้าใส่พร้อมกัน ภาพระดับนี้สามารถทำให้ใครก็ตามสิ้นหวังได้ชัดๆ ดุจดั่งตั้งตนเป็นศัตรูกับโลกทั้งใบ
“ข้ารู้เพียงว่า เจ้ายังไม่เคยหลอมกายทองกุศลสำเร็จอย่างแท้จริง”
หลินสวินเอ่ยเรียบๆ ย่างเท้าก้าวไปข้างหน้า
ร่างกายเขามีแสงมรรคอันว่างเปล่าไหลหลั่ง อาภรณ์พลิ้วไหว ผ่อนคลายเป็นอิสระ มองสรรพชีวิตที่กรูเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดินราวไร้ตัวตน
เขาเดินไปทั้งอย่างนี้ มุ่งหน้าไปยังพุทธรูปไร้หน้าที่ควบคุมฟ้าดินนั่น
ตลอดทางคนแออัดเบียดแน่น แห่แหนมาจากสี่ทิศแปดทางเหมือนมหาสมุทรมืดสนิทไร้สิ้นสุด หมายจะเขมือบกลืนกินจอกแหนเล็กจ้อยที่เคลื่อนที่ทวนกระแสอย่างเขา
……………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์