Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2336

สรุปบท ตอนที่ 2336 มหามรรคของเจ้า ไร้สาระไม่จัดเจน: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2336 มหามรรคของเจ้า ไร้สาระไม่จัดเจน – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 2336 มหามรรคของเจ้า ไร้สาระไม่จัดเจน ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 2336 มหามรรคของเจ้า ไร้สาระไม่จัดเจน

หลินสวินมองรอบๆ แล้วนั่งลงตามใจ กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกที่เป็นดั่งสาวกผู้เลื่อมใสนับไม่ถ้วนเหล่านั้น

เงาร่างที่หันหลังให้กับสรรพชีวิตนั้นยังคงบรรยายนัยเร้นลับมหามรรคกลางฟ้าดิน

“การแจ้งมหามรรค ไม่มีสิ่งใดนอกจากคำว่าหยั่งรู้ กระนั้นมรรคที่สรรพชีวิตในใต้หล้านี้หยั่งรู้กลับต่างกันโดยสิ้นเชิง เปรียบดั่งภูเขาลูกหนึ่ง ต้องพินิจรูปลักษณ์ทั้งด้านตรงด้านข้าง ไกลใกล้สูงต่ำ…”

“พวกเราฝึกปราณ ใจตั้งมั่นในมรรค แต่กลับลุ่มหลงในมรรค จะแก้ปัญหายากข้อนี้อย่างไรเล่า ต่างคนต่างมีวิชาต่างกัน ข้าเห็นว่าเป้าหมายสุดท้ายของการแสวงมรรคก็คือหลุดพ้นจากมรรค รับคำชี้แนะจากมรรค เช่นนี้ก็จะไม่ถูกมหามรรครัดพัน…”

…เสียงอันยิ่งใหญ่นั้นพุ่งตรงสู่ใจคน ดุจดั่งระฆังกลองบอกโมงยาม วาจาไม่คลุมเครือ แต่กลับทำให้คนที่มีพลังปราณระดับต่างๆ เกิดความหยั่งรู้แตกต่างกันไป

ฟังไปครู่หนึ่งหลินสวินก็ต้องยอมรับ ว่าความรู้ความเข้าใจในมหามรรคของ ‘ท่านจอมมรรค’ ผู้นี้ถึงขั้นน่าตื่นตะลึงไปแล้ว

ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิทั่วไป เกรงว่ายังไม่อาจแสดงมหามรรคบางส่วนด้วยวิธีการอันเรียบง่าย ตรงไปตรงมา และไม่ซับซ้อนเช่นนี้

มหามรรคนั้นเรียบง่าย

การแสดงมหามรรคก็เป็นเช่นนี้

ยิ่งซับซ้อนคลุมเครือ กลับยิ่งไม่อาจพุ่งตรงไปที่แก่นแท้มหามรรค

แต่ ‘ท่านจอมมรรค’ ผู้นี้เข้าใจหลักที่ว่ามหามรรคนั้นเรียบง่ายอย่างที่สุด แก่นอัศจรรย์แห่งหมื่นมรรคทั่วหล้านี้ ถูกเขาหยิบมาแสดงบรรยายทั้งหมด งดงามแพรวพราว ให้ความรู้สึกจุดประกายอย่างถ่องแท้อยู่เป็นนิตย์

ก็ไม่แปลกที่สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิบางส่วนก้มหัวให้ นั่งขัดสมาธิอย่างเลื่อมใสอยู่ที่นี่ ประหนึ่งศิษย์กำลังฟังอาจารย์สอนสั่ง

รับฟังเช่นนี้อยู่สามสามชั่วยาม

จำนวนของผู้ฝึกปราณในบริเวณซากดวงกมลนี้ยิ่งมีมากขึ้น ส่วนคนที่ฟังมหามรรคอยู่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีใครยอมจากไปสักคน

กระทั่งตอนนี้หลินสวินยังไม่พบจุดที่ไม่เหมาะสมสักนิด เพราะมรรคที่ ‘ท่านจอมมรรค’ บรรยายนั้นไม่ใช่การล่อลวงจิตใจคน แต่กำลังถ่ายทอดการไขปัญหาจริงๆ

แต่นี่กลับทำให้หลินสวินกังขา

ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญรู้แจ้งลึกซึ้งเช่นนี้ในมหามรรค กลับบรรยายนัยเร้นลับมหามรรคให้ผู้ฝึกปราณที่มาเยือนเหล่านั้นทั้งวันทั้งคืน เป้าหมายของเขา… เป็นเพราะเหตุใดกันแน่

ทำเพื่อเลือกผู้สืบทอดคนหนึ่งก่อนแจ้งมรรคจากไปอย่างที่เขาป่าวประกาศจริงหรือ

กระทั่งเกือบสิบสองชั่วยามให้หลัง

จู่ๆ ‘ท่านจอมมรรค’ ก็เอ่ยว่า “ผู้รับฟังมหามรรคที่นี่อยู่ตลอดสิบวันนี้ สามารถเข้าเรือนข้ามารับฟังมหามรรคต่อได้”

“จำไว้ ผู้รับฟังมหามรรคไม่ถึงสิบวัน ห้ามเคลื่อนไหวเอง หาไม่แล้วข้าจะขับไล่เขาออกไป”

เสียงพูดเพิ่งเงียบลง

พรึ่บ!

ในลานที่เดิมเงียบสงัดครัดเคร่งมีกระแสคนดุจสายน้ำผุดขึ้น เงาร่างแน่นขนัดลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น มองที่เดียวกันด้วยแววตาศรัทธาคลั่งไคล้

และก็เป็นตอนนี้เอง หลินสวินมองเห็นว่าภูเขาเทพรูปดอกบัวมหึมานั่นถึงกับมีทางระเบียงสีสันแพรวพราวสายหนึ่งปรากฏออกมา พาดไปยังส่วนลึกของภูเขาเทพ ดูลึกลับหาใดเทียบ

กลุ่มคนที่ลุกขึ้นเหล่านั้นแทบจะโถมไปยังทางระเบียบนั้นเหมือนกลัวจะต้องเป็นฝ่ายตามหลัง ไม่ว่ามีคนเข้าไปเท่าไรล้วนหายลับไปในทันที

ส่วนผู้ฝึกปราณที่ไม่มีคุณสมบัติต่างก็เผยสีหน้าอิจฉา คล้ายปรารถนาจะตามเข้าไปด้วย

ดวงตาดำของหลินสวินไหวเคลื่อน “นี่กำลังทำอะไรหรือ”

“ขนาดเรื่องนี้สหายก็ยังไม่รู้หรือ” เหยียนจวิ้นประหลาดใจ

ก็เห็นเมิ่งเหลียนชิงที่นั่งอยู่ไม่ไกลเอ่ยปากว่า “ท่านจอมมรรคมีกฎว่าขอเพียงเป็นผู้ที่ฟังมหามรรคที่นี่ได้สิบวัน ล้วนสามารถเข้าไปยังเรือนของท่านจอมมรรคได้ มีโอกาสได้รับคัดเลือกเป็นศิษย์สายตรง”

“ตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อน ท่านจอมมรรคแสดงมหามรรคมาถึงตอนนี้ อย่างน้อยก็มีผู้ฝึกปราณเกือบสามแสนคนเข้าไปในเรือนนั้นแล้ว”

“ว่ากันว่าถ้าฟังมหามรรคในเรือนนั้นจะได้รับประโยชน์ที่ไม่อาจคาดคิด ต่อให้สุดท้ายไม่ถูกเลือกเป็นศิษย์สายตรง ประโยชน์ที่ได้รับก็ต้องเกินกว่าจะจินตนาการได้”

เนตรกระจ่างของนางเจือแววมุ่งหวังปรารถนาเช่นกัน “นี่ก็ถือเป็นการคัดเลือกทีละขั้นๆ ยามคัดเลือกศิษย์สายตรง ไม่มีใครทิ้งโอกาสเช่นนี้ไป”

พอได้ยินเมิ่งเหลียนชิงอธิบาย ชายหนุ่มผู้โดดเด่นที่อยู่ใกล้กันเหล่านั้นต่างมองมาที่หลินสวิน แววตาเจือความเย้ยหยัน เหมือนคิดไม่ถึงว่าเจ้าคนชื่อเต้ายวนผู้นี้ไม่รู้กระทั่งเรื่องพวกนี้ จะไม่รู้เรื่องรู้ราวเกินไปแล้ว

แน่นอนว่าในใจพวกเขายิ่งรู้สึกไม่ยุติธรรมมากกว่า ต่างคิดไม่ถึงว่าเมิ่งเหลียนชิงจะอธิบายให้คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเช่นนี้ด้วยตัวเอง ช่าง… น่าอิจฉาเกินไปแล้ว

หลินสวินไม่สนใจเรื่องพวกนี้สักนิด หลังจากได้ฟังเมิ่งเหลียนชิงอธิบาย เขาก็รู้สึกตกตะลึงขึ้นมา “มีผู้ฝึกปราณเกือบสามแสนคนเข้าไปใน ‘เรือน’ นั่นแล้วหรือ!?”

หลินสวินเอ่ยถาม “แม่นางเมิ่ง เช่นนั้นเจ้ารู้ไหมว่าช่วงที่ผ่านมานี้มีคนเดินออกมาจากเรือนนั้นหรือไม่”

เมิ่งเหลียนชิงอึ้งไป ส่ายหัวเอ่ยว่า “คง… ไม่มีกระมัง”

และตอนนี้เอง เสียงหัวเราะร่วนดังขึ้นระลอกหนึ่ง

“ล้อเล่นอะไรน่ะ ได้เข้าเรือนท่านจอมมรรคเป็นวาสนาที่ไม่ว่าผู้ฝึกปราณคนไหนก็เฝ้าฝัน นอกเสียจากจะถูกขับไล่ ก็มีแต่คนโง่เท่านั้นถึงจะออกมา”

“น้องเต้ายวนคนนี้ เจ้าจะไม่รู้เรื่องรู้ราวไปแล้วกระมัง”

“กบในกะลา ไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดธิดาเทพเมิ่งจึงปฏิบัติต่อคนอย่างเจ้าต่างจากคนอื่น”

…อัจฉริยะหนุ่มเหล่านั้นเก็บกลั้นความไม่พอใจไว้เต็มอก ต่างคว้าโอกาสนี้เย้ยหยันถากถาง คล้ายหมายจะข่มหลินสวิน ทำให้เมิ่งเหลียนชิงผิดหวังกับหลินสวินโดยสิ้นเชิง

แต่ที่ทำให้พวกเขางุนงงก็คือ ถูกค่อนแคะขนาดนี้หลินสวินกลับไม่พูดอะไร ด้านเมิ่งเหลียนชิงนิ่วหน้าเอ่ยว่า “ทุกท่าน ที่นี่เป็นถึงลานมรรคของท่านจอมมรรค พวกเจ้าเอะอะเช่นนี้ ไม่กลัวว่าจะทำให้ท่านจอมมรรคขุ่นเคืองหรือ”

ทุกคนพากันอึกอัก สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ รู้สึกไม่พอใจยิ่งขึ้นไปอีก สายตาที่มองหลินสวินก็ยิ่งไม่เป็นมิตร

พรึบ!

ยามนี้ทั้งที่นั้นต่างสะท้านสะเทือน ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึงอ้าปากค้าง คิดไม่ถึงว่าบนโลกนี้จะยังมีคนกล้าวิจารณ์มหามรรคที่ท่านจอมมรรคบรรยายเช่นนี้

ช่าง… ช่างเสียสติไปแล้ว!

เหยียนจวิ้นที่นั่งอยู่ข้างหลินสวินมาตลอดก็งุนงงโดยสิ้นเชิง ตกใจขวัญแทบหาย ที่นี่เป็นลานมรรคของท่านจอมมรรค สหายเต้ายวนผู้นี้ทำไม… ทำไมถึง…

เขาพลันจับมุมชุดของหลินสวิน พูดติดๆ ขัดๆ ว่า “สหาย เร็ว รีบขอโทษท่านจอมมรรค เร็วเข้า!”

เขาหน้าถอดสี สมองงุนงง

ท่านจอมมรรคที่ผู้คนนับไม่ถ้วนเคารพนับถือ จะถูกดูหมิ่นลบหลู่เช่นนี้ได้หรือ

ในขณะเดียวกันเมิ่งเหลียนชิงก็อึ้งไป คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่ดูราบเรียบยิ่งผู้นี้จะพูดเหลวไหลเช่นนี้ออกมาได้

ด้านชายหนุ่มหล่อเหลาที่อยู่ข้างกายนางเหล่านั้นสีหน้าเหมือนเห็นผีกลางวันแสกๆ กันหมด หรือเจ้าหมอนี่จะบ้าไปแล้ว!

ที่ตามมาติดๆ คือการความวุ่นวายขึ้นมาในที่นั้น ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนนั้นเหมือนถูกยั่วโมโห พากันตะคอกด่า

“โจรชั่วใจกล้า! ถึงกับกล้าเหิมเกริมเช่นนี้ รีบคุกเข่าขอขมาท่านจอมมรรคซะ!”

“เจ้าหมอนี่เป็นใคร เป็นคนเผ่าไหน ช่างกำเริบนัก!”

“ถึงกับกล้ามองว่ามหามรรคที่ท่านจอมมรรคแสดงไร้สาระไม่จัดเจน มารผจญอย่างเจ้านี่สมควรตายจริงๆ!”

…สารพัดเสียงกราดเกรี้ยวดังก้องฟ้าดินเหมือนหม้อระเบิด ทำให้หลินสวินกลายเป็นเป้าให้ทุกคนชี้หน้าด่าทอในทันที

“สหาย! เร็วเข้า! รีบขอโทษสิ! เจ้าไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วหรือ”

ในช่วงเวลาเช่นนี้เหยียนจวิ้นกลับไม่มองตัวเองเป็นคนนอก เกลี้ยกล่อมหลินสวินอย่างร้อนรน ทำให้หลินสวินยังประหลาดใจอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้

ในใจเขาลอบเอ่ยว่ารอหลังจากสะสางเรื่องราวที่นี่แล้ว จะต้องมอบศุภโชคสักชิ้นให้คนผู้นี้ เช่นนี้ถึงไม่ผิดต่อความรู้สึกที่ต้องการปกป้องตน

“เจ้ามารผจญ ยังไม่คุกเข่าขอรับโทษอีก!”

ท่ามกลางความเดือดดาลของฝูงชน จู่ๆ เสียงตะคอกลั่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามา เงื้อมือตบใส่ไหล่หลินสวิน

คนผู้นี้เป็นชายชราชุดแดง มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิ เรียกได้ว่าเป็นคนใหญ่คนโตชั้นหนึ่งในขุมอำนาจหมื่นเผ่าดึกดำบรรพ์เช่นกัน

เห็นเขาลงมืออย่างดุร้ายเช่นนี้ คนอื่นต่างอึ้งไปก่อน จากนั้นก็แจ้งกระจ่าง นี่เป็นการแสดงท่าทีให้ท่านจอมมรรคเห็น อาศัยโอกาสนี้รับความดีความชอบ!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์