อ่านสรุป ตอนที่ 2338 การถกมรรคระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้อง! จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 2338 การถกมรรคระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้อง! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 2338 การถกมรรคระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้อง!
ความขัดแย้งแห่งมหามรรค!
คำพูดนี้ของหลิงเสวียนจื่อดูโอหังหาใดเทียบ กระทั่งเรียกได้ว่าเหิมเกริมไม่หวั่นเกรง
ตอนนั้นเขามีฐานะเป็นเพียงศิษย์คนหนึ่ง แต่กล้าโวยวายว่าเพราะตนขัดแย้งกับมหามรรคของอาจารย์
เหิมเกริมปานไหน!
แค่คำพูดนี้ก็ทำให้หลินสวินตัดสินใจได้ว่า ในช่วงเวลาอันไร้ที่สิ้นสุดที่ถูกกำราบนี้ หลิงเสวียนจื่อไม่รู้สึกเสียใจอะไรสักนิด และไม่มีทางกลับเนื้อกลับตัวเด็ดขาด
หลินสวินเสียงเย็นชา “หลิงเสวียนจื่อ ข้าขอถามเจ้าเพียงว่า มรดกมหามรรคของศิษย์พี่รอง เป็นเจ้าแพร่งพรายให้จักรพรรดิสวรรค์ดำรงใช่หรือไม่”
หลิงเสวียนจื่อยิ้มขึ้นมา เอ่ยว่า “ศิษย์น้องเล็ก เจ้ามีอคติอยู่ เกรงว่าเจ้าจะไม่รู้เรื่องในอดีตสักนิด เจ้าไม่ถามล่ะว่าใครทำให้เจ้าเฒ่าอย่างลั่วอวิ๋นซื่อบาดเจ็บสาหัส”
หลินสวินนิ่วหน้า ลั่วอวิ๋นซื่อ คิดแล้วคงเป็นชื่อจริงของจักรพรรดิสวรรค์ดำรง ว่ากันตามจริงเขาก็ไม่รู้ว่าจักรพรรดิสวรรค์ดำรงได้รับบาดเจ็บสาหัสได้อย่างไรจริงๆ
เห็นดังนี้หลิงเสวียนจื่อถอนใจยาวเอ่ยว่า “ศิษย์น้องเล็ก พบกันครั้งแรก ข้าหวังว่าเจ้าจะปล่อยวางอคติ ผู้ใดจริงผู้ใดเท็จ ผู้ใดผิดผู้ใดถูก อย่าลวงใจตนเพราะอคติเป็นอันขาด”
ดวงตาดำของหลินสวินไหววูบ เอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าข้ามาพูดเรื่องผิดถูก แบ่งขาวแบ่งดำหรือ”
“แต่อย่างน้อยเจ้าก็รู้เรื่องในอดีตน้อยนิดนัก”
หลิงเสวียนจื่อเอ่ย “และข้าเชื่อว่าในใจเจ้าก็ต้องมีความกังขามากมาย ต่อให้อยากฆ่าข้า ก็ไม่ต้องรีบฆ่าทันทีก็ได้”
หลินสวินพูด “เจ้าคิดจะทำอะไร”
หลิงเสวียนจื่อยิ้มเรียบๆ ทันใดนั้นก็ส่งเสียงมรรคยิ่งใหญ่ออกมา
“วันนี้ข้าหลิงเสวียนจื่อจะถกมรรคกับศิษย์น้องที่นี่ ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ก็จะให้พวกเจ้าได้เห็นสักหน่อย ว่ามหามรรคของใครแกร่งกล้ากว่ากัน”
ทุกคำทุกประโยคราวกับเสียงสัทครรลองมหามรรคดังก้องฟ้าดินรอบทิศ
“อะไรนะ!?”
ทั้งที่นั้นตกตะลึงเหมือนยากจะเชื่อ ต่างตื่นเต้นขึ้นมาพลัน
ในใจพวกเขา ท่านจอมมรรคประหนึ่งนายเหนือหัวผู้อยู่สูงสุด ทำได้เพียงเคารพยำเกรง
และก่อนหน้านี้หลินสวินได้พิสูจน์ความน่ากลัวในความสามารถของตนไปแล้ว กอปรกับ ‘ศิษย์น้องเล็ก’ ที่ท่านจอมมรรคยอมรับกับปากตัวเองคำนี้ ทำให้ทุกคนตระหนักได้ว่า การได้สังเกตการถกมรรคอันเรียกได้ว่าหายากเช่นนี้ จะต้องได้รับการขนานนามว่าเป็นเรื่องดีและศุภโชคใหญ่เท่าฟ้าอย่างแน่นอน!
ส่วนจะได้ประโยชน์อะไรกลับไปหรือไม่ ถูกคนอื่นเมินไปนานแล้ว
ล้อเล่นอะไรกัน การประลองหายากที่ไม่เคยมีในหน้าประวัติศาสตร์ สามารถประจักษ์กับสายตาตัวเอง ก็เป็นบุญที่ผู้ฝึกปราณในโลกไม่อาจวาดหวังได้แล้ว
จิตใจระดับจักรพรรดิเหล่านั้นต่างถาโถมไปด้วยความรู้สึกต่างๆ เปี่ยมไปด้วยความตั้งตาคอย
พวกเมิ่งเหลียนชิง เหยียนจวิ้นต่างอึ้งไปอย่างอดไม่ได้ จิตใจลอยล่อง ในเมื่อท่านจอมมรรคพูดเช่นนี้ ไม่ใช่เท่ากับเห็นว่าหลินสวินมีคุณสมบัติในการถกมรรคกับตนแล้วหรือ!
พอคิดว่าไม่ได้เจอกันไม่กี่สิบปี หลินสวินถึงกับบรรลุมรรควิถีมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาต่างตกตะลึงอย่างกับฝันไป
“ถกมรรคหรือ”
ในขณะเดียวกันหลินสวินก็เลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้
“ไม่ผิด ข้าได้รู้จากปากลั่วอวิ๋นซื่อมาก่อนว่าเจ้ามีพรสวรรค์เย้ยฟ้า ถูกมองว่าเป็น ‘หนึ่งรอดพ้น’ คนนั้นในหมู่ผู้สืบทอดคีรีดวงกมล ขนาดอาจารย์ยังต้องรอมาหมื่นกาลกว่าจะได้ผู้สืบทอดอย่างเจ้ามา นี่ก็พิสูจน์แล้วว่าในสายตาอาจารย์ มหามรรคของศิษย์น้องเล็กจึงจะเป็นมหามรรคที่เขาวาดหวังจะได้เห็นที่สุด”
หลิงเสวียนจื่อหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “แต่ข้าไม่ได้คิดเช่นนี้ ตอนนั้นเรื่องเพราะความขัดแย้งในมหามรรค ทำให้ข้าถูกกำราบอยู่ที่นี่มาชั่วกาล และตอนนี้ ถ้าเอาชนะเจ้าในการถกมรรคได้ ก็จะพิสูจน์เรื่องหนึ่งได้”
“นั่นก็คือ อาจารย์ในตอนนั้น… ผิดไปแล้ว! และมรรคที่ข้าหลิงเสวียนจื่อเสาะหา จึงจะเป็นมรรคสูงสุดอย่างแท้จริง!”
เมื่อพูดถึงตอนท้าย ถ้อยคำของเขาก็เผยให้เห็นความโอหัง เชื่อมั่นในตนเอง และอวดดีเป็นที่สุดอย่างหมดจด
นี่เป็นเสียงในใจเขา
ผ่านมาไม่รู้นานเท่าไรแล้ว แม้จะถูกกำราบ แต่เขาไม่เคยคิดวามรรคที่ตนเสาะหานั้นผิด ทั้งยังไม่คิดว่าตนเกิดมารในใจ หลงเดินทางผิด!
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความขัดแย้งแห่งมหามรรคเท่านั้น!
สักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็วเขาจะไปหาอาจารย์ด้วยตัวเอง ใช้มหามรรคของตนพิสูจน์ให้อาจารย์เห็น ทำให้อีกฝ่ายยอมรับด้วยตัวเองว่าความคิดของตนในตอนนั้นผิดพลาดปานไหน!
และตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องพิชิตเป็นอย่างแรกก็คือศิษย์น้องเล็กที่ ‘อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า รอดพ้นเพียงหนึ่ง’ คนนี้
ทั้งที่นั้นเงียบสงัด
เมื่อหลิงเสวียนจื่อพูดเช่นนี้จบก็สะบัดแขนเสื้อ ผู้ฝึกปราณทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงซากดวงกมล ไม่ว่าพลังปราณสูงต่ำต่างถูกเคลื่อนย้ายออกไปไกลลิบ
กลางฟ้าดินอันเวิ้งว้างเหลือเพียงหลินสวินที่ยังยืนอยู่หน้าภูเขา และหลิงเสวียนจื่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนชั้นฟ้า
ศิษย์พี่ศิษย์น้องเผชิญหน้ากันเช่นนี้
ฟ้าดินกดดัน
……
ในขณะเดียวกัน
ณ หุบเขาลึกลับที่ห่างจากซากดวงกมลไกลลิบแห่งหนึ่ง
เจ้าคางคกที่ชุดทองทั้งชุดกระโดดโลดเต้นอย่างลิงโลด “เป็นพี่ใหญ่ ต้องเป็นพี่ใหญ่มาช่วยพวกเราแน่ๆ ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ…”
“แม่งเอ๊ย ในที่สุดจะได้ออกจากที่ซังกะบ๊วยนี่แล้วหรือ” อาหลู่ก็ร้องลั่นขึ้นมา ฉีกยิ้มไม่หยุด
“ต้องเป็นนายท่านแน่!”
หลินสวินฟังจบก็เอ่ยว่า “อยากให้ข้าทิ้งมรดกไว้หรือ”
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหลิงเสวียนจื่อจะเสนอเงื่อนไขเช่นนี้
“วางใจได้ ศิษย์พี่ไม่ได้โลภอยากได้มรดกของเจ้า”
หลิงเสวียนจื่อเอ่ยเสียงเรียบ “แต่ต้องการรอเมื่อได้พบอาจารย์ในภายหน้า ใช้สิ่งนี้พิสูจน์ว่าหนึ่งบัวเบ่งบานดอกนั้นที่เขารอคอยมาหมื่นกาล… ก็ไม่เท่าไร!”
หลินสวินตระหนักได้ว่า ถึงที่สุดแล้วในใจหลิงเสวียนจื่อก็เต็มไปด้วยความคิดแค้นอันยึดติดต่ออาจารย์ เป็นความแค้นที่ไม่อาจสะสางได้แม้ว่าจะถูกกำราบมาไม่รู้นานเท่าไรแล้วก็ตาม!
หลินสวินคิดแล้วเอ่ยว่า “เจ้าแน่ใจว่าจะทำเช่นนี้หรือ”
ทุกคนงุนงงไปครู่หนึ่ง ในความเห็นพวกเขา น้ำเสียงนี้ของหลินสวินคล้ายกลัวท่านจอมมรรคจะผิดคำพูด นี่บ้าคลั่งเกินไปหน่อยแล้ว!
ควรรู้ว่ากฎของการถกมรรค เดิมก็เป็นสิ่งที่ท่านจอมมรรคกล่าวขึ้นมา จะกลัวได้อย่างไร
“แน่ใจ”
หลิงเสวียนจื่อสีหน้าราบเรียบ เยือกเย็นเป็นที่สุด
“ไม่ผิดคำพูดใช่ไหม” หลินสวินคล้ายยังไม่เชื่อ
หลิงเสวียนจื่อยิ้มอย่างอดไม่ได้ ชี้หลินสวินผ่านอากาศ “ศิษย์น้องเล็ก ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลไม่เคยมีคนต่ำช้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาสักคน และข้าหลิงเสวียนจื่อ ว่ากันด้านจิตใจ ความห้าวหาญ และความกล้าแล้ว… เกรงว่าในคีรีดวงกมลจะมีไม่กี่คนที่เหนือกว่าข้า ต่อให้อาจารย์หรือศิษย์พี่ใหญ่อยู่ที่นี่ก็ไม่อาจกล่าวหา”
หวนนึกไปถึงตอนนั้น ในอดีตกาลยามที่เขาอายุสิบเก้ากำลังจะบรรลุมกุฎจักรพรรดิ เคยพูดต่อหน้าเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ของตนว่า ตั้งแต่วันนี้ไปมหามรรคของข้าจะเหนือล้ำกว่าอาจารย์!
ตอนนั้นทั้งคีรีดวงกมล ใครจะมั่นใจและใจกล้าพูดเช่นนี้กับอาจารย์ได้
เขาหลิงเสวียนจื่อกล้า!
กล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้า ไม่ได้ละเมอเพ้อพก แต่มีรากฐานพลังอันเด็ดขาด!
แม้จ้งชิวจะมั่นใจและหยิ่งผยอง แต่เขาในตอนนั้น… จะเทียบตนได้อย่างไร
แต่ตอนนี้ศิษย์น้องเล็กที่เพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรกคนนี้ กลับสงสัยว่าตนจะกลับคำในการถกมรรค…
นี่นอกจากทำให้หลิงเสวียนจื่อรู้สึกขบขัน ยังออกจะโกรธเคืองอย่างอดไม่ได้ แววตาลุ่มลึก “ดูออกว่าหลายปีนี้ศิษย์พี่ศิษย์น้องพวกนั้นต้องไม่เคยพูดถึงข้าหลิงเสวียนจื่อในแง่ดีแน่”
กลับพบว่าหลินสวินเอ่ยเสียงเรียบ “คราวนี้เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ศิษย์พี่พวกนั้น… คร้านจะพูดถึงเจ้าแม้สักคำเดียว ถ้าไม่ใช่ว่าคราวนี้ศิษย์พี่รองพูดกับข้าขึ้นมา ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าศิษย์พี่สี่ที่ว่า ที่แท้ถึงกับเป็นคนทรยศ”
หลิงเสวียนจื่ออึ้งไป ก้มหน้าเงียบงัน
พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าก็มีแต่ความเรียบเฉย สุขุมและเรื่อยเฉื่อย เอ่ยว่า “ศิษย์น้องเล็ก อคติต่อข้าในใจเจ้าหยั่งรากลึกนัก ไม่อาจเปลี่ยนได้ แต่ข้าเชื่อว่ารอเจ้าแพ้การถกมรรค ก็จะละอายที่เอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกมาเมื่อครู่”
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์