Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2340

ตอนที่ 2340 ชนะขาดลอย

หลิงเสวียนจื่อเหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากความพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้

เพียงแต่ยามมองหลินสวินอีกครั้ง สายตาเขาก็มีความจริงจังที่ไม่มีอยู่ก่อนหน้านี้

ราวกับตั้งแต่บัดนี้ไป เขาถึงมอง ‘ศิษย์น้องเล็ก’ ผู้นี้เป็นคู่ต่อสู้ที่สามารถประมือได้คนหนึ่ง

ตัวเขาก่อนหน้านี้แม้แย้มยิ้มสงบเยือกเย็น แต่ท่าทีกลับมีแต่ความโอหังเหยียดหยันอย่างหนึ่ง

ทว่าตอนนี้ท่าทีเช่นนี้เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยแล้ว

“มรดกของศิษย์พี่รอง เป็นเจ้าแพร่งพรายให้จักรพรรดิสวรรค์ดำรงรู้ใช่หรือไม่” นี่เป็นคำถามที่หลินสวินต้องการแน่ใจมากที่สุด

“เป็นเช่นนี้จริงๆ”

หลิงเสวียนจื่อยิ้ม แววตาราบเรียบ เอ่ยตรงๆ ว่า “ไม่ผิด ข้าใช้มรดกของศิษย์พี่รองมาแลกกับโอกาสที่ทำให้ข้าหลุดออกมาได้ครั้งหนึ่ง คุ้มนักล่ะ”

ดวงตาหลินสวินเปลี่ยนเป็นเย็นชาหาใดเทียบทันที “ทำเรื่องทรยศเช่นนี้ เจ้ากลับพูดอย่างสมเหตุสมผลปานนั้น ต้องไร้ยางอายปานไหนกัน! เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าเกือบฆ่าศิษย์พี่รองเพราะทำแบบนี้”

“เจ้าพูดผิดแล้ว”

หลิงเสวียนจื่อสีหน้าเรียบเฉย “ข้าทำแบบนี้ เป็นวิธียิงธนูดอกเดียวได้นกหลายตัว”

“อย่างแรก ช่วยให้ข้าหลุดพ้นจากความยากลำบาก”

“อย่างที่สอง ข้ารู้จักมรรควิถีของศิษย์พี่รองดีกว่าเจ้า อย่างเจ้าเฒ่าลั่วอวิ๋นซื่อ ต่อให้ได้มรดกของศิษย์พี่รองไปก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้เขา”

“อย่างที่สาม ถ้าศิษย์พี่รองได้รับชัยชนะในการประลองกับลั่วอวิ๋นซื่อ เขาจะต้องขอบคุณข้า ไม่ใช่มาแค้นข้า”

เขาวาจาราบเรียบ มีหลักมีการ มีท่าทางเหมือนเป็นผู้วางแผนในกระโจม “ศิษย์น้องเล็ก ที่เจ้ามายังแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่าศิษย์พี่รองกำราบลั่วอวิ๋นซื่อไปแล้ว หาไม่เกรงว่าเจ้าคงไม่มาหาข้าที่นี่โดยไม่สนใจสวัสดิภาพของเขา”

“แต่เห็นได้ชัดว่าศิษย์พี่รองยังไม่ได้ฆ่าลั่วอวิ๋นซื่อ เขาแค้นข้า… ก็อยู่ในความคาดหมายของข้าอยู่ก่อนแล้ว แต่ภายหน้ามุมมองที่เขามีต่อข้าจะต้องเปลี่ยนไป”

หลินสวินฟังจบก็หัวเราะหยันอย่างอดไม่ได้ “พูดแบบนี้ เจ้าหวังดีกับศิษย์พี่รองหรือ”

เสียงเผยแววถากถางและเย็นชา

หลิงเสวียนจื่อไม่สนใจ พยักหน้าเอ่ยว่า “ต่อให้ในใจข้าเคียดแค้นเพราะถูกกำราบมาไม่รู้นานเท่าไร แต่ตั้งแต่เริ่มจนจบ ข้าไม่มีเจตนาจะชักนำเภทภัยใดๆ ให้คนร่วมสำนักเลย”

“แพร่งพรายมรดกของศิษย์พี่รองไม่ถือเป็นการทำร้ายกันหรือ” เสียงหลินสวินยิ่งเย็นชา

หลิงเสวียนจื่อถามกลับ “เช่นนั้นเจ้ารู้ไหมว่าใครทำให้เจ้าเฒ่าลั่วอวิ๋นซื่อนั่นบาดเจ็บสาหัส”

ไม่รอหลินสวินเอ่ยปาก เขาก็ตอบเองว่า “แน่นอนว่าเป็นข้า ในซากดวงกมลแห่งนี้ ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมามีแค่ข้าคนเดียว นอกจากข้า ใครจะยังกล้าไปขวางไม่ให้เจ้าเฒ่าลั่วอวิ๋นซื่อนั่นทำลายสำนักคีรีดวงกมลของพวกเรา”

พูดถึงตรงนี้เขาก็ยิ้มแฝงนัย “ถ้าไม่ใช่ว่าข้าทำให้เจ้าเฒ่านี่บาดเจ็บสาหัส ศิษย์พี่รองคิดจะกำราบเขา เกรงว่าจะไม่ราบรื่นปานนี้”

ฟังจบหลินสวินสีหน้าไร้อารมณ์ เอ่ยว่า “ไม่ว่าจะโต้เถียงอย่างไร ก็ไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่ว่าเจ้าแพร่งพรายมรดกศิษย์พี่รอง”

หลิงเสวียนจื่ออึ้งไป คล้ายกระจ่างใจ “ศิษย์น้องเล็ก ข้าบรรลุอริยะตอนเก้าขวบ บรรลุจักรพรรดิตอนอายุสิบเก้า ถ้าไม่ใช่เพราะถูกกำราบ ด้วยรากฐานพลังของข้า ไม่เกินร้อยปีก็จะก้าวล้ำเหนือบรรพจารย์จักรพรรดิทั่วหล้า ต่อให้ช่วงชิงพลังอมตะก็ไม่ใช่เรื่องยาก…”

เสียงอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก

เขาเป็นยอดอัจฉริยะซึ่งยากจะพบในหมื่นกาล ไม่ว่าใครก็ไม่อาจปฏิเสธข้อนี้ได้

แต่ตั้งแต่ชั่วขณะที่บรรลุเป็นจักรพรรดิก็ถูกกำราบอยู่ที่นี่มาเนิ่นนาน ไม่มีใครล่วงรู้ สำหรับปีศาจที่ไม่อาจใช้นำปุถุชนคนธรรมดาบนโลกมาเทียบได้โดยสิ้นเชิงอย่างเขา เรื่องนี้จะหมายความว่าอย่างไร

“ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว ต่อไหม”

หลิงเสวียนจื่อมองหลินสวิน อานุภาพทั้งร่างเปลี่ยนเป็นกลิ่นอายของราชันอมตะแล้ว

“แค่ถกมรรคเท่านั้น แต่กลับถูกเจ้าตั้งกฎมากมายปานนี้ เกรงว่าในใจคงไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะข้าได้อย่างแน่นอน” หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบว่า “ถ้าเจ้ายังดื้อดึงเช่นนี้ ข้าจะทำให้เจ้าเข้าใจว่าอย่างไรเรียกชนะขาด!”

ครืน!

อานุภาพทั้งร่างเขาเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ดวงตาดำเย็นชา ผมยาวปลิวไสว มีความสง่างามไร้ศัตรูอยู่รางๆ

“ชนะขาด…” หลิงเสวียนจื่อพึมพำเบาๆ ประกายเจิดจ้าวาบขึ้นในดวงตา “เกรงว่าศิษย์น้องเล็กจะไม่ไหวนะ”

เขากระโจนมาข้างหน้า อานุภาพก็เพิ่มสูงเรื่อยๆ เมื่อฟาดมือออกมา ทันใดนั้นห้วงอากาศพลันมีสายฟ้าฟาดดั่งพายุฝนตกลงมาซัดใส่ผู้คน

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ ปราณกระบี่เต็มฟ้าทะยานออกมาห้อมล้อมรอบกาย และจู่โจมขึ้นไป

ตูม โครม!

ศึกใหญ่ปะทุขึ้นอีกครั้ง ฟ้าดินปั่นป่วน แสงเทพอึงอล

ก็พบว่าทั้งสองบ้างสู้กันอย่างดุเดือดเหนือชั้นฟ้า บ้างชิงชัยเคลื่อนกวาดเหนือผืนดิน สิ่งที่สำแดงออกมายามขยับตัวมีแต่พลังที่เรียกได้ว่าเย้ยฟ้า

ในหมู่ผู้ชมที่อยู่ไกลออกไป มากกว่าครึ่งเริ่มรู้สึกกินแรงแล้ว ไม่อาจมองทะลุนัยเร้นลับละเอียดอ่อนของการต่อสู้เช่นนี้ได้

มีเพียงผู้ฝึกปราณที่อยู่ระดับอมตะเคราะห์ขึ้นไปที่ดูจนใจวูบไหว ทั้งร่างกายสั่นระริก ไหวหวั่นไม่ว่างเว้น

ชั่วขณะหนึ่งหน้าซากดวงกมลแห่งนี้เหมือนกำลังเกิดศึกมกุฎราชันครั้งหนึ่ง ปลดปล่อยนัยเร้นลับของระดับอมตะเคราะห์ทั้งเก้าขั้นออกมาจนหมดสิ้น

ต่อให้เป็นหลินสวินยังต้องยอมรับว่าศิษย์พี่สี่ผู้นี้ไม่ใช่เย้ยฟ้าธรรมดา สภาวะจิต เจตจำนง วิชามรรค อานุภาพ… ต่างเรียกได้ว่าน่าตื่นตะลึง เย้ยฟ้าถึงขีดสุด

แต่สำหรับหลินสวินแล้ว ทั้งหมดนี้ก็ไม่พออยู่ดี

ตูม!

ครึ่งเค่อผ่านไป เมื่อหลินสวินโจมตีด้วยพลังสูงสุด หลิงเสวียนจื่อก็ถูกซัดกระเด็นออกไปทันที ห้วงอากาศแถบนั้นยุบตัว กระแสยุ่งเหยิงสาดซัด

“เป็นไปได้อย่างไร”

“การถกมรรคยกที่สอง… ท่านจอมมรรคแพ้อีกแล้วหรือ”

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร…”

เสียงฮือฮานับไม่ถ้วนดังขึ้นไกลออกไป แต่ละคนสีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง ไม่อาจเชื่อได้ สถานะของหลิงเสวียนจื่อในใจพวกเขาก็เริ่มสั่นคลอนแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์