Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2341

สรุปบท ตอนที่ 2341 หลุดพ้นออกมา: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2341 หลุดพ้นออกมา – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 2341 หลุดพ้นออกมา ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 2341 หลุดพ้นออกมา

ฟ้าดินเงียบสงัด

ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนจิตใจปั่นป่วน ต่อให้พวกเขารับไม่ได้ก็ต้องยอมรับ การถกมรรคห้ายก หลินสวินชนะไปแล้วสามยก เท่ากับชนะแล้ว!

ก็พบว่าหลิงเสวียนจื่อยิ้มเอ่ย “แต่การถกมรรคห้ายกยังไม่สิ้นสุดลง”

“ยังจะต่อหรือ” หลินสวินเลิกคิ้ว

หลิงเสวียนจื่อเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าไม่อยากทำให้ข้าเข้าใจว่าอะไรเรียกว่าแพ้ราบคาบในด้านมรรคาหรือ”

เสียงพูดเงียบลง

เงาร่างเขาอบอวลด้วยอานุภาพระดับกึ่งจักรพรรดิ นัยน์ตามีแสงมรรคไหวเคลื่อน ลึกลับไม่อาจหยั่งถึง

“ได้ เช่นนั้นจะให้เจ้าแพ้จนยอมรับทั้งกายใจ!”

หลินสวินกระโจนตัวขึ้น

ตูม!

การชิงชัยระหว่างมกุฎกึ่งจักรพรรดิเปิดฉากขึ้นเช่นนี้

สถานการณ์การต่อสู้ดุเดือดและน่าหวั่นใจกว่าแต่ก่อน ฟ้าดินหน้าซากดวงกมลต่างตกอยู่ในความปั่นป่วนขนานใหญ่ ยุ่งเหยิงโกลาหล

ผู้คนอกสั่นขวันแขวน ตะลึงพรึงเพริดอย่างต่อเนื่อง

ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นต่างก็จิตใจจดจ่อ หว่างคิ้วยากจะปกปิดแววตกตะลึง

พวกเขาไม่ใช่มกุฎจักรพรรดิ ทั้งไม่ใช่มกุฎกึ่งจักรพรรดิ ถึงขั้นที่แต่ก่อนก็ไม่เคยพบเห็นพลังของระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ

ก็ในตอนนี้เองพวกเขาถึงพบว่าปราการสวรรค์ระดับจักรพรรดิที่แต่โบราณถูกมองว่าไม่อาจข้ามได้ ไม่สามารถสร้างความลำบากให้หลิงเสวียนจื่อและหลินสวินสักนิด!

ทั้งสองต่างครอบครองพลังเย้ยฟ้า ไม่อาจใช้สามัญสำนึกมาวัดได้ พลังต่อสู้น่ากลัวหาที่เปรียบไม่ได้ ความแกร่งกล้าของอานุภาพที่สำแดงออกมากดข่มระดับจักรพรรดิทั่วไปได้นานแล้ว!

เรื่องนี้น่ากลัวยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

หากแพร่งพรายออกไป ถึงกับสามารถพลิกความเข้าใจที่มีมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน!

ในการต่อสู้ครั้งนี้หลิงเสวียนจื่อเริ่มได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่ที่ต่างกับก่อนหน้านี้คือเขาไม่ได้ยอมแพ้ กลับยิ่งสู้ยิ่งกล้า จิตต่อสู้ยิ่งถาโถม

ตูม!

ก็พบว่ากลางห้วงอากาศนั้นหลิงเสวียนจื่ออาละวาดกึกก้อง ควบคุมพลังแห่งห้วงอากาศ สำแดงวิชามรรคทั้งปวงประหนึ่งทวยเทพ

เขาสีหน้าสงบนิ่ง น่าเกรงขามยิ่ง ดวงตามีแสงเทพน่ากลัวน่าตกตะลึงผุดวาบ การโจมตีแต่ละครั้งล้วนมีอานุภาพเผาภูเขาต้มสมุทร ขีดแบ่งฟ้าดิน น่ากลัวจนไม่อาจคาดคิด

แต่ไม่ว่าอานุภาพการโจมตีจะแข็งกล้าปานไหน ต่างถูกหลินสวินตีพ่ายทั้งสิ้น วิชายอดเยี่ยมอะไร มหามรรคอะไร ล้วนถูกบดขยี้!

เมื่อเทียบกับหลิงเสวียนจื่อแล้ว ทุกการเคลื่อนไหวของหลินสวินล้วนสำแดงพลังมหามรรคอันเรียบง่าย เรียบง่ายและตรงไปตรงมา ทว่ากลับมีอานุภาพที่หมื่นวิชาไม่อาจกล้ำกราย แข็งแกร่งเกินต้าน

ไม่นานนักหลิงเสวียนจื่อก็ได้รับบาดเจ็บเต็มตัวแล้ว

นี่เป็นเงาร่างที่จำแลงมาจากพลังเจตจำนง ไม่มีการหลั่งเลือด แต่ใครต่างก็มองออกว่าเงาร่างของเขามีเค้าแหว่งวิ่นคลุมเครืออยู่บ้างแล้ว

ผู้คนขวัญหนีดีฝ่อ ท่านจอมมรรคผู้เป็นดั่งนายเหนือหัวสูงสุด… จะถูกเล่นงานจนตกจากแท่นบูชาแล้วหรือ

“เหตุใดถึงไม่ยอมแพ้ เพราะยอมแพ้ไม่ลงหรือ” หลินสวินเอ่ยปาก

แววตาหลิงเสวียนจื่อเต็มไปด้วยจิตต่อสู้คับฟ้า สีหน้ากลับยังคงสงบนิ่งดังเก่า “ยังไม่ทันแพ้ ทำไมข้าต้องยอมแพ้ด้วย”

ตูม!

ถ้อยคำเพิ่งเงียบลง เขาก็ถูกหลินสวินซัดกระเด็น เงาร่างแสงมรรคปั่นป่วนไประลอกหนึ่ง

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้หลิงเสวียนจื่อกลับเหมือนไร้ความรู้สึก ทันทีที่ยืนมั่นก็บุกเข้ามาอีกครั้ง

นี่ทำให้หลินสวินนิ่วหน้า

ตั้งแต่เริ่มประมือกันจนถึงตอนนี้ พลังที่หลิงเสวียนจื่อสำแดงออกมาทำให้เขาต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีจึงจะกำราบอีกฝ่ายได้

นี่ก็พิสูจน์ว่าไม่อาจนำหลิงเสวียนจื่อไปเทียบกับพวกร้ายกาจในความหมายทั่วไปได้เป็นอย่างยิ่ง

ทว่าหลินสวินคิดไม่ออกจริงๆ ว่ามาถึงตอนนี้แล้ว หลิงเสวียนจื่อยังมีเหตุผลอะไรให้ยื้อต่อไป

พร้อมกับเวลาที่ผันผ่าน สถานการณ์การต่อสู้ก็ยิ่งน่าอนาถ

เงาร่างหลิงเสวียนจื่อรางเลือนแหว่งวิ่นไปหมดแล้ว แต่ยังคงยืนหยัดอยู่ ดูดื้อดึงหาใดเทียบ

ไม่ใช่ว่าหลินสวินไม่อยากกำราบเขาในครั้งเดียว แต่ด้วยพลังต่อสู้ทั้งหมดของเขายังไม่อาจเอาชนะหลิงเสวียนจื่อได้อย่างสมบูรณ์

ปีศาจที่เรียกได้ว่าเป็นเอกอุในหมื่นกาลคนหนึ่ง ย่อมไม่มีทางถูกกำราบโดยสมบูรณ์ง่ายดายปานนั้น

“น่าอนาถเกินไปแล้ว…”

ไกลออกไปคนมากมายเป็นกังวล

ในหลายวันนี้หลิงเสวียนจื่อบรรยายนัยเร้นลับมหามรรค ทำให้พวกเขาได้ประโยชน์ไปไม่น้อย ตอนนี้เห็นเขาประสบเคราะห์จึงกังวลแทนเขาอย่างอดไม่ได้

ส่วนพวกเมิ่งเหลียนชิง ตอนนี้มีเพียงความรู้สึกเดียว เจ้าหมอนั่น… คือหลินสวินที่พวกเขารู้จักจริงหรือ

ไม่มีใครรู้ว่าตั้งแต่ตอนอยู่ในโลกวัฏจักรของแดนปรินิพพาน หลินสวินก็เป็น… อันดับหนึ่งในระดับห้าล่าง ระดับอมตะเคราะห์ ระดับอริยะ ระดับกึ่งจักรพรรดิ… ของทั้งทั่วหล้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลิงเสวียนจื่อจะมีโอกาสชนะได้อย่างไร

ในหุบเขาที่อยู่ไกลลิบนั้น

พวกอาหู เจ้าคางคก อาหลู่ต่างใจจดจ่อ รอคอยอย่างตื่นเต้น

พวกเขาต่างรู้ชัดว่าหลิงเสวียนจื่อแพ้แล้ว ไม่อาจพลิกสถาณการณ์ได้อีก

แต่พวกเขากลับกังวลว่าถ้าเกิดหลิงเสวียนจื่อกลับคำพูดขึ้นมาจะทำอย่างไร

ภูเขาเทพรูปดอกบัวมหึมานั้นก็สั่นสะเทือนรุนแรง ยามนี้แสงประกายเต็มฟ้าพวยพุ่ง ไอขุ่นมัวถาโถมซัดสาดดุจกระแสธาร

ความรู้สึกที่มอบให้ผู้คนก็ราวกับใต้มหาคีรีนั้นมีเทพองค์หนึ่งตื่นจากการหลับใหล หมายจะพลิกภูเขาเทพที่กดอยู่บนร่าง ปรากฏตัวขึ้นในโลกอีกครั้งหนึ่ง!

เสียงอุทานตกตะลึงนับไม่ถ้วนดังขึ้นไกลออกไป แตกตื่นอลหม่าน

ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลังจากถกมรรคยกที่สี่ จะถึงกับเกิดความเปลี่ยนแปลงน่าตะลึงเช่นนี้

“ที่แท้เจ้าวางแผนไว้ก่อนแล้ว”

ดวงตาดำของหลินสวินลุ่มลึก จ้องซากดวงกมลที่อยู่ไกลออกไป เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าใต้ภูเขาเทพลูกนั้น มีกลิ่นอายที่น่าหวาดหวั่นไร้สิ้นสุดสายหนึ่งกำลังตื่นขึ้น

“นี่ไม่ใช่การวางแผน ต่อให้ศิษย์น้องเล็กไม่มา ไม่เกินสองเดือนข้าก็จะหลุดพ้นจากการการผนึกในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ได้”

หลิงเสวียนจื่อเอ่ยปากราบเรียบ วาจาง่ายๆ แต่กลับมีน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจอย่างแน่นอน

หลินสวินเอ่ย “เรื่องนี้ข้ากำลังจะถามเจ้าพอดี เพื่อหลุดพ้น เจ้าสามารถบูชายัญผู้ฝึกปราณที่ไม่มีความผิดเหล่านั้นได้เลยหรือ”

หลิงเสวียนจื่อถามกลับว่า “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าฝึกปราณถึงตอนนี้ เกรงว่าคนที่ฆ่ามาตลอดทางคงไม่อาจนับได้กระมัง บางทีอาจเพราะเจ้ามีเหตุผลในการฆ่าคนของเจ้าเอง แต่ข้าก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้เหมือนกันหรือ ฆ่าคนเหมือนกัน เจ้ากับข้า… ไม่ได้ต่างกัน”

หลินสวินโกรธจัดจนยิ้ม “ข้าหลินสวินฝึกปราณจนตอนนี้ ไม่ว่าจะทำการใด ถามใจตนเองล้วนไร้ความละอาย ทั้งยังไม่เคยทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรมหรือกระหายการสังหารอย่างโหดเหี้ยมแต่อย่างใด เจ้าเล่า เอาสรรพชีวิตหลายแสนไปบูชายัญทั้งเป็น!”

ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนที่อยู่ไกลออกไปหน้าเปลี่ยนสี ขนลุกเกรียวเสียวสันหลังวาบ พวกเขาพอจะตระหนักได้กลายๆ แล้วว่าการบูชายัญที่หลินสวินพูดถึงคืออะไร

เมื่อมองดูหลิงเสวียนจื่ออีกครั้ง สายตาต่างเจือแววประหวั่นพรั่นพรึงและทำใจเชื่อได้ยาก คล้ายคิดไม่ถึงว่าท่านจอมมรรคที่ถูกพวกเขายกให้เป็นดั่งทวยเทพ เหตุใดถึงทำเรื่องนองเลือดโหดเหี้ยมเช่นนี้ได้!

โครม…

ไกลออกไปภูเขาเทพสั่นโคลงรุนแรง แสงเทพม้วนตลบเหมือนมีสัญญาณจะพังทลาย

หลิงเสวียนจื่อเหมือนไม่รับรู้ถึงความโกรธที่มาจากหลินสวินกับผู้ฝึกปราณที่อยู่ห่างออกไปนับไม่ถ้วนเหล่านั้น เอ่ยเสียงเรียบว่า

“ศิษย์น้องเล็ก ในสายตาเจ้า พวกเขาเป็นชีวิตที่ดำรงอยู่จริงๆ แต่สำหรับข้า ก็แค่ฝุ่นธุลีบนมหามรรค กระทั่งเจ้ากับข้าตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับฝุ่นธุลี”

“ขอเพียงมีชัยในมหามรรค เข้าถึงร่างอมตะนิจนิรันดร์ จึงจะเป็นนายเหนือหัวแห่งฟากฟ้าอย่างแท้จริง เป็นยอดแห่งทั่วหล้า!”

เมื่อพูดจนถึงตอนท้าย แววตาเขาก็บ้าคลั่ง ทอดถอนใจช้าๆ “นี่ก็คือความขัดแย้งแห่งมหามรรคของข้ากับอาจารย์! ตอนนี้ข้าอาจจะยังสู้อาจารย์ไม่ได้ แต่ไม่ช้าก็เร็ว สักวันหนึ่งข้าจะต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นว่ามหามรรคของใครแกร่งกล้ากว่ากัน!”

จุ่ๆ หลินสวินก็สุขุมลง มองดูเงาร่างที่คลุมเครือจนแทบจะหายลับไปของหลิงเสวียนจื่อนั้นแล้วเอ่ยว่า “ยังต้องรอภายหน้าหรือ อย่าลืมล่ะ เมื่อครู่เจ้าแพ้มาสี่ยกแล้ว และเจ้าเคยพูดว่าจะให้ข้าจัดการได้ตามใจ ตอนนี้เจ้าจะกลับคำหรือ”

หลิงเสวียนจื่อชะงักไป ทันใดนั้นก็ยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ ข้าหลิงเสวียนจื่อไม่เคยคืนคำ ต่อให้ถูกกำราบมาชั่วกาล เจ้าเคยเห็นข้าเสียใจไหม”

เขาหยุดไปแล้วเอ่ยชัดถ้อยชัดคำว่า “ศิษย์น้องเล็กเจ้าอย่ารีบร้อนไป การถกมรรคยกที่ห้า… ยังไม่เริ่มนะ…”

พูดจบเจตจำนงเขาสายนี้ก็สลายกลายเป็นละอองแสง หายลับไปแล้ว

ในขณะเดียวกันภูเขาเทพที่ตั้งตระหง่านอยู่ไกลออกไปลูกนั้น…

ถล่มลงดังสนั่น!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์