Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2364

กึ่งจักรพรรดิ!

สำหรับฉือฉางเหมยที่ตอนนี้เพิ่งมีพลังปราณระดับมหาอริยะ นี่ถือเป็นตัวตนสูงส่งที่พอจะจินตนาการได้แล้ว

จากการตัดสินเช่นนี้นางจึงตระหนักได้ท่าไม่ดีแล้ว ด้วยตอนนี้ทั้งตระกูลฉือมีกึ่งจักรพรรดิควบคุมดูแลแค่คนเดียว

หรือกล่าวอีกนัยคือ ต่อให้สุดท้ายตระกูลฉือสามารถสลายภัยร้ายได้ แต่ก็ต้องถูกโจมตีอย่างหนัก

ฉือฉางเหมยอ้าปากอยากเอื้อนเอ่ย คิดส่งข่าวให้ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้ ให้พวกเขาส่งสารไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ

หากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณรู้ว่าหลินสวินปรากฏตัวต้องรีบเร่งมาทันทีแน่ เช่นนี้อันตรายที่ตระกูลฉือต้องประสบก็จะลดลงต่ำที่สุด

แต่ฉือฉางเหมยกลับพบอย่างน่าพิศวงว่าตัวเองส่งเสียงใดไม่ได้อย่างสิ้นเชิง แม้แต่จิตรับรู้ยังไม่อาจแผ่ขยายออกไป

เพียงชั่วขณะนางหนาวเยือกในใจอย่างสมบูรณ์

เวลานี้บนยอดเขามรกต

เรือนหลักของตระกูลฉือ

พวกเบื้องบนของตระกูลฉือมากมายมาอยู่รวมกัน กำลังรับรองแขกคนสำคัญผู้หนึ่ง

หลายปีนี้ไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมา ในฐานะที่เป็นขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง ตระกูลฉือก็ช่วงชิงศุภโชคและผลประโยชน์มามากมาย ทั้งอิทธิพลก็ลอยสูงตามไปด้วย เปลี่ยนไปจากเดิมนานแล้ว

อย่างบุคคลสำคัญระดับสูงของตระกูลฉือทั้งหมดที่นั่งอยู่ในเรือนใหญ่ตอนนี้ แต่ละคนกลิ่นอายลึกล้ำดุจเหวดั่งนรก บ้างร้อนแรงดุจอัคคี บ้างเยียบเย็นเสียดกระดูก บ้างมีจิตต่อสู้ร้ายกาจ บ้างเลือดลมล้นปรี่…

ผู้อ่อนแอที่สุดก็มีพลังปราณระดับมหาอริยะ!

แต่คนที่ดึงดูดสายตาที่สุดคือชายวัยกลางคนน่าเกรงขามซึ่งนั่งตรงที่นั่งหลัก เขาสวมชุดพญางูสีเหลืองสว่าง ผมเผ้าหนวดเคราดุจสีหมึก นัยน์ตาเยียบเย็นดุจอสนี

ฉือหลิงเซียว!

ผู้นำตระกูลฉือ กลิ่นอายบนตัวเขาราวกับเหวลึก สิ่งที่แผ่ออกมาเต็มไปด้วยอานุภาพร้ายกาจระดับกึ่งจักรพรรดิ

ยี่สิบปีก่อนฉือหลิงเซียวได้มหาศุภโชคหนึ่งจากแดนลับเกิดใหม่แห่งหนึ่ง พลังปราณจึงแปรสภาพ ทะยานสู่ระดับกึ่งจักรพรรดิด้วยเหตุนี้!

เขาจึงกลายเป็นระดับกึ่งจักรพรรดิเพียงคนเดียวของตระกูลฉือ

แต่เวลานี้ฉือหลิงเซียวกลับยิ้มแย้ม พูดคุยกับชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งที่สวมชุดนักพรต ผิวขาวกระจ่างประหนึ่งหยก

ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนเยาว์วัย ความจริงแล้วนัยน์ตาเจือกลิ่นอายเปี่ยมประสบการณ์ ทุกการเคลื่อนไหวแฝงความสงวนท่าทีและเย่อหยิ่งอันเป็นเอกลักษณ์

ยามเหลียวมองฉือหลิงเซียวและเหล่าบุคคลสำคัญระดับสูงของตระกูลฉือ ลักษณะท่าทางเหมือนก้มมองคนรับใช้

หลันมู่หลี!

ศิษย์สืบทอดแท้จริงของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ

แม้จะมีพลังปราณแค่ระดับมหาอริยะ แต่ด้วยฐานะของเขาย่อมกดดันฉือหลิงเซียวและเหล่าคนใหญ่คนโตจนจำต้องก้มหัว

“ผู้นำตระกูลฉือ สองชั่วยามก่อน ตรงตำแหน่งที่ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตพังทลายมีไอสังหารสะท้านฟ้าสายหนึ่งพุ่งออกมา ไม่รู้ว่าพวกเจ้าสังเกตเห็นหรือไม่”

หลันมู่หลีกล่าวราบเรียบ

“ที่แท้คุณชายหลันก็มาด้วยเรื่องนี้”

ฉือหลิงเซียวพลันกระจ่าง พยักหน้ากล่าว “เรื่องนี้ข้าก็เพิ่งทราบ ได้ยินว่าอานุภาพของไอสังหารนั้นพุ่งทะลวงสะท้านทั่วนครต้องห้าม นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปทำได้ อย่างน้อย… ก็ต้องเป็นกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง”

หลันมู่หลีกล่าวเรียบๆ “แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของข้าก็คิดเช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่ยามส่งคนไปตรวจสอบ ซากปรักหักพังของภูเขาชำระจิตนั้นไม่มีเงาร่างของอีกฝ่ายนานแล้ว แต่พวกเราสงสัยว่า… คนผู้นั้นมีโอกาสว่าจะเป็นหลินสวิน”

หลินสวิน!

พวกฉือหลิงเซียวล้วนอึ้งไป ในใจสั่นสะท้าน

สำหรับคนรุ่นเยาว์สมัยนี้ บางทีอาจไม่รู้ว่าปีนั้นหลินสวินเจิดจรัสระดับใด แต่สำหรับคนแก่อย่างพวกเขา มีหรือจะไม่รู้ว่าหลินสวินสองคำนี้หมายความว่าอะไร

อานุภาพของคนผู้หนึ่ง กำราบหนึ่งจักรวรรดิ!

ปีนั้นสองตระกูลจั่วและฉินที่เป็นขุมอำนาจเจ็ดตระกูลทรงอิทธิพลเหมือนกัน ก็ถูกคนผู้นี้บดขยี้ภายในชั่วข้ามคืน!

ตอนนี้ต่อให้วันเวลาผันผ่าน เรื่องทางโลกไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อนึกถึงหลินสวิน พวกฉือหลิงเซียวมีหรือจะสงบใจได้

แน่นอนว่าหากเปลี่ยนเป็นพวกเขาในตอนนี้ ย่อมไม่หวั่นเกรงหลินสวินแต่แรก

นอกจากเป็นเพราะอิทธิพลของตนแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีนี้แล้ว ยังเป็นเพราะพวกเขามีแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณหนุนหลังด้วย!

“หากเป็นเจ้าหมอนี่จริง จะไม่ได้หมายความว่าเขามีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิแล้วหรือ”

แววตาฉือหลิงเซียวไหววูบ

หลันมู่หลีกล่าว “ไม่ว่าจะใช่เขาหรือไม่ ข้ามาที่นี่ครานี้ด้วยรับคำสั่งของสำนักให้พาคนส่วนหนึ่งไป”

ฉือหลิงเซียวรีบร้อนกล่าว “การทำงานให้แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณถือเป็นเกียรติของพวกเรา ไม่ทราบว่าคุณชายต้องการพาใครไป”

หลันมู่หลีกล่าว “พวกคนที่เกี่ยวข้องกับหลินสวินซึ่งถูกตระกูลฉือของพวกเจ้ากักขังไว้ รีบไปเถอะ เวลากระชั้นแล้ว ข้าไม่อยากเสียเวลาอีก”

ฉือหลิงเซียวพยักหน้ารับคำ แต่ค่อนข้างแปลกใจอยู่บ้าง เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “คุณชาย ต่อให้คนผู้นั้นเป็นหลินสวินจริง ด้วยรากฐานและพลังของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ถ้าอยากกำจัดเขาก็เป็นแค่เรื่องง่ายเพียงพลิกฝ่ามือกระมัง”

หลันมู่หลียิ้มหยันออกมา “พวกเจ้าไม่เข้าใจ คนผู้นี้ไม่ธรรมดาเหมือนที่พวกเจ้าจินตนาการ ปีนั้นยามเขาอยู่ดินแดนรกร้างโบราณ…”

เขาพูดถึงตรงนี้แล้วหยุดไปทันที ด้วยหากพูดต่อไปก็จะเปิดเผยเรื่องบางอย่างที่ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณรู้สึกอับอายและอึดอัดจนถึงตอนนี้ออกมา

เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวเรียบๆ “ภายใต้สภาพยิ่งใหญ่ที่ไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมาตอนนี้ แน่นอนว่าเขาหลินสวินไม่ถือเป็นอะไร หลังจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของข้าเข้ามาในนครต้องห้ามก็ตั้งเป้าสังหารเจ้าเดรัจฉานนี่นานแล้ว น่าเสียดาย… คนผู้นี้หายไปหลายปีแล้ว…”

ปึง!

ประตูเรือนใหญ่ที่ปิดสนิทถูกกระแทกจนเปิดออก เงาร่างหนึ่งพุ่งซวนเซเข้ามาแล้วตะโกนเสียงสั่น “ผู้นำตระกูล แย่แล้ว มีคนบุกเข้ามาในยอดเขามรกตของพวกเรา!”

“อะไรนะ” ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นตกตะลึงพร้อมกัน แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง

มีเพียงฉือหลิงเซียวที่ไม่ตื่นตระหนก เขาขมวดคิ้วพลางโบกมือกล่าว “ผู้เฒ่าสาม ผู้เฒ่าสี่ ผู้เฒ่าห้า พวกเจ้าไปดูพร้อมกัน อย่าให้โจรถ่อยเข้ามารบกวนถึงที่นี่”

“ขอรับ!”

ทันใดนั้นก็มีผู้ยิ่งใหญ่สามคนลุกขึ้นแล้วจากไปทันที

“ทำให้คุณชายขบขันแล้ว” ฉือหลิงเซียวเห็นดังนี้จึงยิ้มพลางกล่าวขอโทษหลันมู่หลี

หลันมู่หลีอดแปลกใจไม่ได้ ปรบมือชื่นชม “ผู้นำตระกูลฉือไม่ตื่นตระหนก ความสามารถในการควบคุมตัวเองเช่นนี้ไม่เลวจริงๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์