ตอนที่ 2384 ขอความช่วยเหลือ – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2384 ขอความช่วยเหลือ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 2384 ขอความช่วยเหลือ
สามปี สำนักยุทธ์ก่อเกิดจัดการทดสอบใหญ่เพื่อคัดเลือกศิษย์ไปแล้วสามครั้ง แต่ละครั้งล้วนดึงดูดความสนใจทั่วหล้า ถูกยกย่องว่าเป็นงานชุมนุมที่ใหญ่อันดับหนึ่งแห่งแดนหมื่นมรรค
ในการทดสอบของทุกปีล้วนมีหนุ่มสาวรูปงามมากพรสวรรค์ปรากฏตัวนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะผู้ที่ติดสิบอันดับแรกยิ่งมีชื่อเสียงไปทั่วหล้า โจษขานไม่เว้นเด็กแก่
สามปี รากฐานของสำนักยุทธ์ก่อเกิดทรงพลังและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทุกการเคลื่อนไหวของสำนักล้วนส่งผลต่อใต้หล้าทั้งสิ้น
สำหรับเรื่องนี้ ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ทอดถอนใจว่า ‘อัจฉริยะทั่วหล้า หวนคืนก่อเกิด’
ขณะเดียวกันช่วงเวลาสามปีนี้ ดินแดนรกร้างโบราณก็ทยอยส่งกำลังพลออกมา หมายจะเข้าสู่แดนหมื่นมรรคอีกครั้ง แต่ล้วนถูกร่างแยกมหามรรคของหลินสวินออกมาต่อกร ตีพ่ายพินาศย่อยยับไม่มีข้อยกเว้น
ต่อให้นำทัพโดยระดับจักรพรรดิก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้
…
ในวันนี้
นครต้องห้าม นอกของภูเขาชำระจิต
“ขอร้องท่านล่ะ ให้ข้าไปคาราวะจอมจักรพรรดิหลินเถอะ!”
แม่นางชุดเขียวที่ฝุ่นเปรอะเปื้อน สีหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนระโหยโรยแรงผู้หนึ่งส่งเสียงอ้อนวอน
“แม่นาง ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้ว ในแดนหมื่นมรรคนี้ไม่รู้ว่ามีคนใหญ่คนโตมากน้อยเท่าไรมาเข้าแถวหมายเข้าพบบรรพจารย์สำนักข้าทุกวัน แต่ก็ล้วนไร้วาสนาโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ใช่ว่าข้าไม่ยอมรายงาน แต่เป็นเพราะสามปีก่อนท่านบรรพจารย์ก็เคยพูดไว้แล้วว่าไม่รับแขก”
ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์ก่อเกิดคนหนึ่งกล่าวโน้มน้าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “แม่นาง ดูออกว่าเจ้าร้อนใจมาก แต่ยังคงขอให้เจ้าอย่าทำข้าลำบากใจเลย รีบจากไปเสียเถอะ”
สีหน้าแม่นางชุดเขียวเปลี่ยนไปทันใด กล่าวอย่างขมขื่น “ข้าหนีภัยจากดินแดนรกร้างโบราณมาตลอดทาง ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาถึงที่นี่… หากครั้งนี้ไม่ได้เจอจอมจักรพรรดิหลิน… ไม่สู้ตายไปยังจะดีกว่า…”
ขณะกล่าวนางพลันชักกระบี่จ่อคอทันที
เคร้ง!
ภายใต้เสียงปะทะ กระบี่ยาวก็ถูกปัดกระเด็น
ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์ก่อเกิดคนนั้นตวาด “แม่นาง นี่เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่”
แววตาแม่นางชุดเขียวเหม่อลอย กล่าวอย่างวิญญาณล่องลอย “ข้าต้องการทำอะไร… ข้าแค่อยากจะพบจอมจักรพรรดิหลินสักครั้ง บอกเขาว่าตอนนี้ลูกศิษย์ของเขากำลังเผชิญความยากลำบากครั้งใหญ่ เขา… เขาจะเห็นคนตายแล้วไม่ช่วยเลยกระนั้นหรือ…”
ลูกศิษย์?
ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์ก่อเกิดที่เฝ้าอยู่ใกล้ประตูภูเขาสำนักต่างอึ้งงัน พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าบรรพจารย์ของสำนักตนเคยรับผู้สืบทอดแต่อย่างใด
ตุบ!
หญิงชุดเขียวยามนี้ประหนึ่งไร้เรี่ยวแรง สลบลงกับพื้น
คนผู้หนึ่งเข้าไปตรวจสอบแล้วอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้ “อาการบาดเจ็บภายในของแม่นางคนนี้สาหัสถึงขั้นใกล้ตายอยู่รอมร่อแล้ว ไม่รู้จริงๆ… ว่านางประคองร่างมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร…”
“นี่จะทำอย่างไร” ผู้สืบทอดคนอื่นๆ ในสำนักยุทธ์ก่อเกิดมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พวกเขาเพิ่งเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก
“รักษาอาการบาดเจ็บก่อนแล้วกัน รอนางฟื้นขึ้นมาค่อยส่งนางออกไป” มีคนตัดสินใจออกมา
“ศิษย์พี่ แต่อาการบาดเจ็บของนางสาหัสนัก ด้วยฝีมือของพวกเราเกรงว่าไม่มีทางทำให้นางฟื้นขึ้นมาได้เลย…” ทุกคนต่างสีหน้าเหยเก เห็นชัดว่าลำบากใจยิ่งนัก
“เกิดอะไรขึ้นหรือ”
ก็เป็นยามนี้เองที่เสียงหนึ่งดังขึ้น ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากประตูภูเขา สวมชุดสีหยกทั้งตัว ใบหน้าหล่อเหลา เป็นสืออวี่นั่นเอง
“คาราวะผู้อาวุโส!”
หนึ่งในผู้สืบทอดสำนักยุทธ์ก่อเกิดเล่าเรื่องแม่นางชุดเขียวผู้นี้ออกมา
ครั้นรู้จุดประสงค์ที่แม่นางชุดเขียวเดินทางมาที่นี่แล้ว สืออวี่เองก็อดตะลึงไม่ได้ แต่เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าหลินสวินเคยรับลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อใด
“อาการสาหัสยิ่ง!”
สืออวี่เดินเข้าไปตรวจสอบครู่หนึ่งแล้วอดเผยสีหน้าสงสัยไม่ได้
เขาอุ้มแม่นางชุดเขียวคนนี้ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วหมุนร่างเดินเข้าประตูภูเขาไปโดยไม่ลังเล
ยอดของภูเขาชำระจิต
กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินกำลังปิดด่านอยู่
ยามสืออวี่พาแม่นางชุดเขียวมาหา เขาก็สังเกตเห็นทันที
“พี่หลิน แม่นางผู้นี้บอกว่ามาเพราะเรื่องลูกศิษย์ของเจ้า แต่ว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัสนัก…” สืออวี่เล่าเรื่องราวออกมา
หลินสวินอึ้งไปก่อนครู่หนึ่ง จากนั้นก็พลันนึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาได้…
ซูไป๋!
ปีนั้นที่ริมฝั่งทะเลหมากดาราในดินแดนรกร้างโบราณ ศิษย์ฝากนามผู้นั้นที่ตนรับไว้ เป็นเด็กหนุ่มรองเท้าฟางที่เกิดมาพร้อมกระดูกกระบี่เหมือนกับอวิ๋นชิ่งไป๋!
“ส่งมาให้ข้า”
หลินสวินลุกขึ้น สังเกตแม่นางชุดเขียวปราดหนึ่งก็รู้สึกหวั่นใจอย่างอดไม่ได้
บาดเจ็บสาหัสยิ่งนัก!
อวัยวะภายในตันห้ากลวงหก เส้นปราณจุดชีพจร ตลอดจนฐานมรรคและจิตวิญญาณล้วนได้รับบาดเจ็บรุนแรง เนื่องจากไม่ได้รักษาอย่างทันท่วงที ในร่างนางจึงมีไอมรณะวนเวียนไม่ขาดสาย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้หญิงคนหนึ่งอย่างนางกลับเดินทางจากดินแดนรกร้างโบราณมาถึงที่นี่ได้… นี้มันปาฏิหาริย์ชัดๆ
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าคงไม่สามารถช่วยชีวิตของแม่นางชุดเขียวคนนี้ได้
แต่สำหรับหลินสวิน กลับไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง
ขณะที่ใคร่ครวญเขายื่นนิ้วออกมากดไปที่หว่างคิ้วของนาง พลังชีวิตที่ยากจับต้องกลุ่มหนึ่งเปลี่ยนเป็นกระแสน้ำอุ่นไหลริน ปานลมวสันต์แปรเปลี่ยนเป็นสายฝนชุ่มช่ำ แทรกซึมทั่วสรรพางค์กายของนาง…
“หลินสวิน” หลินสวินกล่าวลวกๆ “หรือก็คืออาจารย์ของซูไป๋ที่เจ้าต้องการมาหา”
“เป็นท่านจริงๆ!”
นัยน์ตากู้ซีวาวโรจน์ เผยสีหน้าตื่นเต้น “ผู้อาวุโส คุณชายซูไป๋มีภัยมาเยือน หวังว่าท่านจะยื่นมือช่วยเหลือ!”
หลินสวินกล่าว “ซูไป๋เป็นอะไรหรือ”
กู้ซีสูดหายใจลึก เล่าที่มาที่ไปของเรื่องราวออกมาทั้งหมด
ที่แท้ในช่วงหลายปีนี้ที่หลินสวินรับซูไป๋เป็นลูกศิษย์ ซูไป๋ได้กลายเป็นอัจฉริยะหนุ่มอันดับหนึ่งที่ชื่อสะท้านดินแดนรกร้างโบราณไปแล้ว
เขากลายเป็นอันดับหนึ่งในห้าระดับล่างของดินแดนรกร้างโบราณ อันดับหนึ่งในระดับราชันอมตะ อันดับหนึ่งในระดับอริยะ…
กระทั่งสิบปีก่อน ยิ่งใช้ฐานะมกุฎราชันอริยะ เหยียบย่างสู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิได้ในคราวเดียว!
ความเร็วในการฝึกปราณของเขา ความกร้าวแกร่งของพลังต่อสู้ ความแข็งแกร่งของรากฐาน ล้วนเหนือล้ำกว่าคนในระดับเดียวกัน เหมือนกับสุริยันดวงโตหนึ่งเดียวในดินแดนรกร้างโบราณ แผ่รัศมีหมื่นจั้ง
แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานซูไป๋มุ่งหน้าไปเคี่ยวกรำที่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ในการต่อสู้ดุเดือดครั้งนั้นกลับโชคไม่ดีถูกลอบทำร้าย จนถึงตอนนี้ไม่รู้เป็นตาย ไร้ร่องรอยข่าวคราว
“นิสัยของคุณชายซูไป๋เด็ดขาดรักสันโดษ สองสามปีมานี้แม้ชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วหล้า แต่กลับล่วงเกินขุมอำนาจใหญ่ไว้ไม่น้อย พอรู้ข่าวที่เขาประสบเคราะห์ คนส่วนใหญ่ล้วนมองดูอย่างเฉยชา ถึงขั้นยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น”
กู้ซีกล่าว “ยามที่หมดหนทางข้าก็ได้ยินข่าวว่าผู้อาวุโสปรากฏตัวในแดนหมื่นมรรคนี้ จึงหอบความหวังเสี้ยวหนึ่งมาขอความช่วยเหลือจากท่านที่นี่”
เมื่อหลินสวินฟังจบก็กล่าวว่า “พูดเช่นนี้ หลังจากซูไป๋ประสบอันตรายที่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ก็ยังไม่มีข่าวแน่ชัดว่าเขาเป็นหรือตายหรือ”
กู้ซีพยักหน้า
หลินสวินคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้าเล่า ก่อนหน้านี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้นได้อย่างไร”
สีหน้ากู้ซีสลับไปมา ครู่ใหญ่ถึงกล่าวอย่างขมขื่น “นี่ก็ต้องโทษตัวข้าเอง ตอนนั้นหลังจากรู้ข่าวว่าคุณชายซูไป๋ประสบอันตราย ใจก็ร้อนรนเหมือนไฟเผา เคยมุ่งหน้าไปขอความช่วยเหลือจากขุมอำนาจใหญ่บางส่วน แต่กลับเปิดเผยฐานะอาจารย์ของคุณชายซูไป๋โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นมองข้าเป็นตะปูตำตา…”
“โดยเฉพาะตอนที่รู้ว่าข้าต้องการมาขอความช่วยเหลือจากท่านที่แดนหมื่นมรรค ขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นก็ยิ่งขัดขวางสารพัด และส่งกำลังคนจำนวนมากมาไล่ตามฆ่าข้าตลอดทาง…”
นัยน์ตาดำของหลินสวินวาบประกายเย็นเยียบ “ที่แท้แค่เพราะความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ของซูไป๋กับข้า ถึงทำให้แม่นางอย่างเจ้าต้องโดนพวกเขาทำร้ายไปด้วย”
กู้ซีส่ายหน้าไม่หยุด “นี่ไม่โทษผู้อาวุโส โทษก็แต่ข้าที่ตอนนั้นสะเพร่าและโง่งมยิ่งนัก โง่เขลาจนไม่ได้คิดว่าขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นจะมองผู้อาวุโสว่าเป็นศัตรูเช่นนี้…”
หลินสวินโบกมือกล่าว “แม่นางไม่จำเป็นต้องอธิบาย ข้าอยากเดินทางไปดินแดนรกร้างโบราณสักรอบพอดี ไม่ว่าจะเพื่อช่วยซูไป๋กลับมา หรือเพื่อระบายแค้นให้แม่นาง บุญคุณความแค้นตลอดปีมานี้… ก็ถึงเวลาที่ต้องจบลงจริงๆ สักที”
หลินสวินหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “แม่นางพักผ่อนอีกครู่ก่อน สามวันให้หลังข้าจะพาเจ้าไปดินแดนรกร้างโบราณด้วยกัน”
พูดจบหลินสวินก็หมุนร่างจากไป
กู้ซีเอนหลังบนเตียง นิ่งอึ้งเลื่อนลอย ในใจผุดความรู้สึกหลากหลาย
ไม่นานนางก็กล่าวพึมพำในใจ ‘พี่ซูไป๋ ข้าพบอาจารย์ที่ท่านเคารพเลื่อมใสที่สุดแล้ว เขาสัญญาว่าจะไปช่วยท่าน ท่าน… ต้องมีชีวิตรอดให้ได้นะ…’
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์