ตอนที่ 2395 สิบสามปีต่อมา
ในท้ายที่สุด กายมรรควารีดำก็อยู่ดูแลที่ยอดเขาชำระจิต
ส่วนร่างแยกทั้งสี่อย่างไม้เขียว ทองขาว ดินเหลือง เพลิงแดงกับร่างต้นของหลินสวิน นับตั้งแต่นี้ไปได้เข้ามาปิดด่านในแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค
ดอกไม้บาน วันเวลาผันผ่านรวดเร็ว
เมื่อเวลาผ่านไป ไอวิญญาณของโลกชั้นล่างก็เปลี่ยนเป็นหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ ต้นหญ้าต้นไม้ทุกต้นล้วนมีลักษณะใหม่ภายใต้การบำรุงเลี้ยงของไอวิญญาณ
ไม่รู้ว่ามีแดนลับเกิดใหม่และถ้ำสวรรค์แดนมงคงปรากฏออกมามากน้อยเท่าไร ชักนำให้ผู้ฝึกปราณเข้าแย่งชิง และทำให้เกิดพายุฝนนองเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า
ถึงขั้นที่พื้นที่แร้นแค้นที่ประหนึ่งอยู่ห่างไกลชายขอบบางส่วน จนถึงตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นสถานที่วิเศษศักดิ์สิทธิ์!
ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดคือ อาณาเขตที่อยู่ภายใต้แดนหมื่นมรรคยังคงแผ่ขยายไม่หยุด ยืดขยายไม่สิ้น…
ในนี้สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด ย่อมเป็นนครต้องห้ามอย่างไม่ต้องสงสัย
‘แดนศักดิ์สิทธิ์หมื่นมรรค’ แห่งนี้ ถูกมองว่าเป็นแกนกลางของไอวิญญาณฟื้นคืน แทบจะทุกช่วงระยะหนึ่งจะเกิดวาสนามรรคสะท้านโลกหนึ่งครา ทำให้โลกหล้าฮือฮา
น่าเสียดาย ไม่ต้องเอ่ยถึงผู้ฝึกปราณทั่วไป แม้แต่ขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นในนครต้องห้ามก็ทำได้เพียงมองดูตาปริบๆ ต่อให้พวกเขาจะอิจฉาและน้ำลายหกแค่ไหนก็ไม่กล้าเข้าไปแย่งชิง
เหตุผลนั้นง่ายมาก วาสนามรรคสะท้านโลกเหล่านี้ล้วนถูกมองว่าเป็นของหวงแหนของสำนักยุทธ์ก่อเกิด! ใครที่คิดไปแย่งชิงก็ต้องล่วงเกินสำนักยุทธ์ก่อเกิด!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ใครยังจะกินดีหมีหัวใจเสือกล้าสอดมือเข้าไป
ต้องเป็นการรนหาที่ตายแน่นอน!
ควรรู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไป ผลงานการต่อสู้ทั้งหมดของหลินสวินในดินแดนรกร้างโบราณ กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ และแปดดินแดน ล้วนถูกส่งกลับมายังโลกชั้นล่างนานแล้ว และสร้างความสะท้านสะเทือนไปทั้งโลก
ถึงขั้นที่ทำให้หลินสวินครองฉายา ‘จักรพรรดิอันดับหนึ่งแห่งดินแดนรกร้างโบราณ’ เพราะเหตุนี้!
และสำนักยุทธ์ก่อเกิดที่มีหลินสวินควบคุมดูแล ย่อมไม่มีใครกล้าท้าทายแน่นอน
อันที่จริงต่อให้ไม่มีหลินสวินลงมือ ด้วยรากฐานของสำนักยุทธ์ก่อเกิดในตอนนี้ กวาดมองดูทั่วหล้าก็เรียกได้ว่าเป็นขุมอำนาจชั้นเลิศที่สุดแล้ว
โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ผู้สืบทอดที่สำนักยุทธ์ก่อเกิดรับเข้ามามีมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังปรากฏอัจฉริยะมากความสามารถที่สะดุดตายิ่งยวดอีกกลุ่ม โดดเด่นเป็นผู้นำ ยากจะเทียบได้
เหมือนดังคำกล่าวประโยคนั้น อัจฉริยะบุคคลทั่วหล้า หวนคืนสู่ก่อเกิด!
และพร้อมๆ กับวันเวลาที่ผ่านไป พลังปราณของผู้สืบทอดสำนักยุทธ์ก่อเกิดก็พัฒนาขึ้นไม่หยุด สร้างบันทึกหน้าใหม่แห่งโลกไม่หยุดหย่อน
สามารถพูดได้ว่าการผงาดของสำนักยุทธ์ก่อเกิดนั้นเป็นอานุภาพที่ไม่อาจต้านได้ไปนานแล้ว ไม่ช้าก็เร็วจะกลายเป็นนายเหนือหัวที่แท้จริงของโลกชั้นล่าง!
สิ่งเดียวที่ทำให้สรรพชีวิตในโลกชั้นล่างรู้สึกโชคดีคือ สำนักยุทธ์ก่อเกิดเพียงยึดครองอาณาเขตในนครต้องห้ามเท่านั้น จะไม่สอดมือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนอกนครต้องห้ามเด็ดขาด
นี่ก็ทำให้ขุมอำนาจใหญ่อื่นๆ มีโอกาสขยายอาณาเขตของตนและเติบใหญ่ขึ้นได้
ถึงอย่างไรแดนหมื่นมรรคในยามนี้ก็มีอาณาเขตกว้างใหญ่ เทียบได้กับโลกใหญ่แห่งหนึ่งนานแล้ว
นอกจากนครต้องห้ามแล้ว โลกหล้านี้ยังมีถ้ำสวรรค์แดนมงคลและแดนลับเกิดใหม่อีกมากมาย วาสนาที่บังเกิดในนั้นก็นับไม่ถ้วน เพียงพอให้ขุมอำนาจใหญ่ใดๆ เข้าค้นหาและแย่งชิงแล้ว
สำหรับการเปลี่ยนแปลงในโลกภายนอก หลินสวินไม่ใส่ในนานแล้ว
ต่อให้เป็นกายมรรควารีดำที่ดูแลอยู่บนยอดเขาชำระจิต ก็ปรากฏตัวออกมาเฉพาะยามเป็นเรื่องสำคัญมากเท่านั้น
เวลาอื่นๆ ล้วนเก็บตัว ไม่สนใจเรื่องราวในโลก
แต่ระหว่างที่ร่างต้นของหลินสวินและร่างแยกอื่นๆ กำลังปิดด่าน กายมรรควารีดำก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ อนุมานสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเช่นกัน
กล่องสำริดที่ถูกผนึกเป็นชั้นๆ ใบหนึ่ง
นี่เป็นกล่องที่เสวียนซั่งเฉินหัวหน้าตระกูลเสวียนได้มาจากท่านลู่ และส่งมอบให้หลินสวิน
ตามที่ท่านลู่กล่าว ในกล่องนี้มีสิ่งที่เหมือนกับสมบัติที่ลั่วชิงสวินมารดาของหลินสวินทิ้งเอาไว้ ภายในหนึ่งร้อยปี ถ้าหลินสวินสามารถเปิดกล่องสำริดนี้ได้ ก็สามารถไปหาลั่วชิงสวินได้
หากเปิดไม่ได้ในหนึ่งร้อยปี จะต้องทำลายกล่องนี้ให้สิ้นซาก!
ยามนั้นที่เขารับกล่องสำริดนี้มา หลินสวินเคยคาดเดาว่านี่น่าจะเป็นการทดสอบที่สำคัญยิ่งครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ท่านลู่จงใจกลั่นแกล้งตนเด็ดขาด
และยามนี้ผ่านไปสิบกว่าปีแล้วนับจากที่หลินสวินได้รับกล่องสำริดมา แต่การหยั่งรู้พลังผนึกบนกล่องสำริดนี้ของเขา ยังห่างจากหนึ่งส่วนอีกไกล
อันที่จริงพลังผนึกนี้ประกอบด้วยกระบวนผนึกมากกว่าหมื่นชั้น รัดพันไปมา เห็นได้ชัดว่าเป็นท่านลู่วางกระบวนด้วยตัวเอง ด้วยความเชี่ยวชาญด้านลายมรรคของหลินสวิน ยามอนุมานก็ยังรู้สึกกินแรงยิ่ง
ทว่าจากที่เขาคาดเดา ภายในร้อยปีน่าจะเพียงพอให้ตนแก้พลังผนึกบนกล่องสำริดนี้อย่างสมบูรณ์
ในเวลาเดียวกับที่กายมรรควารีดำกำลังอนุมานกล่องสำริดที่ท่านลู่ทิ้งไว้ให้
แดนลับบัวเขียว
ร่างต้นของหลินสวินและร่างแยกทั้งสี่กำลังเร่งทำเวลาหยั่งรู้นัยเร้นลับของแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค
หนึ่งปี
สามปี
ห้าปี
…บนเขาไร้ซึ่งประวัติศาสตร์ ในความหนาวเหน็บไม่รู้เดือนปี[1] สำหรับผู้ฝึกปราณ ยามปิดด่านเวลาผันผ่านรวดเร็วเหมือนชั่วดีดนิ้ว
จนกระทั่งปีที่เก้านับตั้งแต่กายมรรควารีดำและกายมรรคเพลิงแดงของหลินสวินกลับมาจากดินแดนรกร้างโบราณ และห็เป็นปีที่สิบสามที่ร่างต้นของหลินสวินปิดด่านหยั่งรู้
ในวันนี้
แดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค หลินสวินกับร่างแยกทั้งสี่ล้วนทยอยตื่นจากการหยั่งรู้ ต่างฝ่ายต่างสบตากัน และเผยสีหน้าผิดหวังออกมา
เดิมทีจากการคาดเดาของเขาเมื่อปีนั้น อย่างน้อยยังสามารถหยั่งรู้ได้อีกสิบปี แต่ใครเลยจะคาดว่าในเก้าปีที่ผ่านมานี้ ในพลังแกนกลางของแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค ไม่มีนัยเร้นลับต้นกำเนิดมหามรรคที่สมบูรณ์อีกแล้ว ที่เหลืออยู่แทบทั้งหมดล้วนเป็นมหามรรคที่บกพร่อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์