ตอนที่ 2454 ปล้นแล้วปล้นอีก – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2454 ปล้นแล้วปล้นอีก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 2454 ปล้นแล้วปล้นอีก
คำพูดประโยคเดียวเผยความเย้ยหยันออกมาอย่างเปิดเผย เหมือนฝ่ามือไร้รูปตบลงบนหน้าของเด็กหนุ่มผมขาวกับนักพรตเฒ่าชุดแดง
ทั้งสองโมโหจนหน้าบวมแดง ไอสังหารพุ่งทะลัก แทบจะเสียสติ
ถูกหลอกแล้ว!
ก่อนหน้านี้ในใจพวกเขายังพอใจด้วยซ้ำที่หลินสวินคำไหนคำนั้น บอกจะไปก็ไปเช่นนั้นอยู่เลย
จะคิดได้อย่างไรว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องโกหก!
ที่คับข้องที่สุดก็คือ สู้กันถึงตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างบาดเจ็บล้มตายแสนสาหัส ฆ่ากันจนเกิดไฟโทสะขึ้นจริงๆ แล้ว
แต่ในตอนนี้เองหลินสวินดันกลับมา…
เห็นใบหน้ายิ้มแฉ่งนั้นของหลินสวิน ทั้งสองแทบอยากชกเขาให้แหลก ถลกเนื้อเถือหนังทั้งเป็น
“นี่ก็ผ่านมาสักพักแล้ว ได้เวลาส่งพวกเจ้าสองคนไปตายแล้ว”
หลินสวินตบมือเอ่ยเรื่อยเฉื่อย
เสียงโครมดังขึ้น เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกวาดโจมตีออกไป ทรงพลังแกร่งกล้า คล้ายจะกำราบทั่วพื้นที่นั้นทั้งหมด
เด็กหนุ่มผมขาวหน้าเปลี่ยนสี ส่งเสียงคำรามยาว แสงเทพสีม่วงสะดุดตาพวยพุ่งไปทั้งตัว โบกกระบองสำริดเล่มหนึ่งกระแทกออกมาอย่างจัง
แต่ในชั่วพริบตานี้นักกพรตเฒ่าชุดแดงผู้นั้นกลับปลีกตัวถอยหลัง คิดจะหนีไป!
เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ไม่ได้เสียสติไป รับรู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว ไม่คิดจะดึงดันสู้ต่อ
แต่หลินสวินจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร ก็พบว่าร่างแยกทั้งห้าพุ่งออกไปล้อมสังหารนักพรตเฒ่าชุดแดงด้วยกัน
การต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ฟ้าดินแถบนี้ถูกระเบิดไปหมด
ที่ต่างกับก่อนหน้านี้คือขุมอำนาจของเด็กหนุ่มผมขาวกับนักพรตเฒ่าชุดแดงบาดเจ็บล้มตายสาหัสไปนานแล้ว ขนาดพวกเขาสองคนเองยังได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัว
ในสถานการณ์เช่นนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้อย่างไร
เพียงครู่สั้นๆ
พร้อมกับเสียงร้องน่าอนาถอันขุ่นเคืองรันทดใจ นักพรตเฒ่าชุดแดงถูกร่างแยกทั้งห้าถล่มสังหารทันที พลังจิตดั้งเดิมยังไม่ทันหนีก็ระเบิดไปด้วยกันกับกายเนื้อ จิตสิ้นวิญญาณสลาย
เด็กหนุ่มผมขาวเห็นท่าไม่ดี หมายจะหนีไปก็ไม่ทันแล้ว ถูกร่างต้นของหลินสวินกับร่างแยกทั้งห้าร่วมกันล้อมโจมตี
อานุภาพการโจมตีเช่นนั้นเหมือนพายุฝนบ้าคลั่ง ปกคลุมไปสี่ทิศแปดด้าน ไม่ให้โอกาสเด็กหนุ่มผมขาวได้พักหายใจสักนิด
ในที่สุดเขาก็ถูกสังหาร ดับสิ้นคาที่!
ส่วนระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ ที่อยู่ที่นั่นยิ่งอ่อนแอกว่า ถูกหลินสวินสังหารเกลี้ยงอย่างไม่เกรงใจสักนิด
ก่อนหน้านี้เขาพบแหล่งดารานี้เป็นคนแรก แต่กลับถูกพวกเด็กหนุ่มผมขาว นักพรตเฒ่าชุดแดงและจักรพรรดิขวงหรูร่วมกันล้อมโจมตี ความชิงชังอัดอั้นอยู่ในใจมานานแล้ว
บัดนี้ความชิงชังนี้ได้ระบายออกมาในที่สุด!
ไม่นานนักหลินสวินก็เก็บแหล่งดาราที่อยู่ตรงนี้ไป เขาไม่ชักช้าร่ำไร เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศหายลับไปทันที
ต่อมาหลินสวินก็เดินทางในเขตที่หกอีกสองวัน
ตอนที่เขาคิดจะจากไป ขณะอยู่ระหว่างทางไปเขตที่เจ็ด กลับได้ยินอย่างผิดคาดว่าเหวินเซ่าเหิงผู้นั้น ดันออกจากแดนลับฝึกหลอมนี้จากเขตที่หกตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว!
เมื่อรู้ข่าวนี้หลินสวินก็นิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้
เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือนกว่าก่อนที่การเคี่ยวกรำจะสิ้นสุด เหวินเซ่าเหิงจะออกไปก่อนได้อย่างไร
‘ต้องเป็นการดูแลเป็นพิเศษจากเจ้าเฒ่าเหิงเทียนซั่วแน่!’ หลินสวินรู้สึกได้กลายๆ ว่าการจากไปของเหวินเซ่าเหิงต้องเกี่ยวข้องกับเหิงเทียนซั่วอย่างแยกไม่ออกแน่
ครู่ใหญ่หลินสวินจึงส่ายหัว ไม่คิดเรื่องนี้อีก
เขาคาดเดาว่าต่อให้เหวินเซ่าเหิงออกไปตอนนี้ ก่อนจะได้ข่าวยืนยันว่าตนตายในเขตที่เก้าแล้ว เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะรั้งอยู่ในเมืองตั้งต้นนั้นตลอด
และตอนนี้ที่ตนต้องทำ ก็คือรอดออกจากเขตที่เก้านั่น
……
วันที่สิบห้านับแต่ที่เข้ามาในแดนลับฝึกหลอม หลินสวินเข้าไปในเขตที่เจ็ด
เขาเริ่มจดจ่อกับการรวบรวมแหล่งดารา
แน่นอนว่าสมบัติเช่นนี้ยิ่งมีมากก็ยิ่งดี เช่นนี้ถึงแลกเอามุกยมโลกมาได้มากพอ และหลอมลายมรรคนรกเก้าลายนั้นออกมาได้สมบูรณ์
เขตที่เจ็ดมีทิวทัศน์อีกแบบหนึ่ง กลิ่นอายเย็นเยียบอย่างบอกไม่ถูกหลั่งไหลอยู่กลางฟ้าดิน ชวนให้หวาดหวั่นใจ อึดอัดและน่ากลัวยิ่งขึ้น
ที่นี่เกิดเภทภัยอย่างต่อเนื่อง มีพายุล้างโลกอาละวาด บดขยี้ให้ห้วงอากาศแหลกกระจุย เกิดเป็นรอยแยกมหึมาเหมือนใยแมงมุม
มีแสงไหวเคลื่อนตระการตาพาดผ่านอยู่ใต้เวิ้งฟ้า แสงประกายอันตรายที่สามารถขู่ขวัญระดับจักรพรรดิได้ไหววูบ
ได้ยินเสียงท่องธรรมอันคลุมเครือ เลื่อนลอยไม่นิ่งเป็นครั้งคราว กลับเปี่ยมด้วยพลังมารอันพิสดาร ปั่นป่วนสภาวะจิตได้อย่างเงียบเชียบ ทำให้จิตมรรคเสียการควบคุม
…ภาพทิวทัศน์อันแปลกประหลาดเหล่านั้น อย่าว่าแต่ระดับจักรพรรดิทั่วไป ต่อให้เป็นตัวหลินสวินเองยังหวาดหวั่นใจไม่หยุด ระแวงระวังมากยิ่งขึ้น
บนทางสายนี้เขาเกือบพบหายนะอยู่หลายครั้ง ต่างเกี่ยวข้องกับเภทภัยอันแปลกประหลาดเหล่านั้น มาเยือนกะทันหัน พิสดารน่าหวาดหวั่น เผยภัยคุกคามถึงชีวิต ป้องกันอย่างไรก็ไม่ได้
ประสบการอันตรายหลายครั้งนี้ยังทำให้หลินสวินตระหนกจนเหงื่อกาฬไหล
นี่เพิ่งเขตที่เจ็ดก็น่ากลัวปานนี้แล้ว เช่นนั้นเขตที่แปดจะเป็นอย่างไรกัน แล้วเขตที่เก้า… จะน่าครั่นคร้ามขนาดไหน
กลิ่นอายบนป้ายยืนยันตัวตนยังชี้ไปข้างหน้า
นี่ทำให้หลินสวินยิ่งแน่ใจว่าสิ่งที่รอตนอยู่ต้องเป็นเขตที่เก้าอย่างไม่ต้องสงสัย!
“เหิงเทียนซั่ว!”
ตั้งแต่เข้ามาในแดนใหญ่พันศึก หลินสวินเพิ่งแค้นใครสักคนขนาดนี้เป็นครั้งแรก
ผลักตนเข้ามาในทางตันที่ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันยังไม่มีใครรอดออกมาแห่งหนึ่งอย่างแนบเนียน อุบายเช่นนี้ต่ำช้าและร้ายกาจอย่างไม่ต้องสงสัย!
“หืม?”
ทันใดนั้นหลินสวินก็สังเกตเห็นว่าเบื้องหน้ามีคลื่นพลังชีวิตระลอกหนึ่งอุบัติขึ้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าสถานที่บางแห่งเบื้องหน้ามีแหล่งดาราฝังอยู่ชิ้นหนึ่ง
สิ่งที่ตอบกลับเขาคือฝ่ามืออันไร้ปรานีของหลินสวิน
ตูม!
มือใหญ่บังฟ้าที่มีแสงมรรคเจิดจ้ามือหนึ่งพาดขวางกลางห้วงอากาศ คล้ายหัตถ์สวรรค์ที่ยื่นออกมา อบอวลไปด้วยอานุภาพน่าสะพรึงไร้สิ้นสุด ทำให้ห้วงอากาศระเบิดออก
กระบี่มรรคใต้เท้าชายชุดดำเคลื่อนออกมาดังชิ้ง เข้าปะทะต้านทาน
เผียะ!
ท่ามกลางเสียงหนักทึบ ชายชุดดำถูกตบกระเด็นออกไปอย่างแรงเหมือนแมลงวัน เลือดกบปากจมูก กระแทกเสียห้วงอากาศยังยุบตัว
ในสมองเขามีเสียงวิ้งๆ ดังขึ้น ตาพร่าไปหมด สับสนงุนงงในทันที ตน… ถึงกับขวางพลังฝ่ามือเดียวไม่ได้หรือ
ก็ไม่แปลกที่ชายชุดดำจะไม่รู้เรื่องรู้ราว หลังจากเข้าสู่แดนลับฝึกหลอม พวกเขาก็ข้ามเขตใหญ่ต่างๆ เข้าสู่เขตที่เจ็ดทันที จึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในหกเขตใหญ่เมื่อหลายวันก่อน
หาไม่แล้วเขาย่อมไม่กล้างัดข้อกับหลินสวินเช่นนั้น
“รนหาที่ตาย เจ้ารู้ผลลัพธ์ของการทำเช่นนี้ไหม”
ชายชุดดำร้องลั่น หน้าเขาบวมแดงเลือดไหล เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว
“ฝ่ามือนี้ยังไม่ปลุกให้เจ้าตื่นอีกหรือ” หลินสวินออกจะประหลาดใจ ชายชุดดำผู้นี้ไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้ยังกำเริบเสิบสานปานนี้
ขณะที่พูด ฝ่ามือเขาก็ตบผ่านอากาศออกไปอีกครั้ง
ในที่สุดชายชุดดำก็เผยสีหน้าลนลาน เลือกหลบหนีทันที
แต่ยังคงถูกพลังฝ่ามืออันน่ากลัวนั้นกวาดโดน พลันเหมือนถูกภูเขาเทพกระแทกร่าง กระเด็นออกไปอย่างรุนแรง ส่งเสียงครวญครางโอดโอย
ก็ในตอนนี้เองห้วงอากาศไกลออกไปปั่นป่วนครู่หนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งกรูกันออกมา ผู้ที่นำหน้าสวมเกี้ยวประดับทองม่วง เอวคาดเข็มขัดหยกขาว มีนัยน์ตาตั้งสีม่วง ยามกะพริบตามีแสงเร้นลับสีม่วงไหวเคลื่อน ประกายมรรคเป็นริ้วๆ พวยพุ่ง
เฟิงจวินหลินนั่นเอง!
บุคคลในตำนานที่มีฉายามกุฎยอดกระบี่ มาจากเขายอดกระบี่ในเขตแดนดาราเทพผงาดซึ่งเป็นอันดับหนึ่งในโลกพันจักรวาล
คนผู้นี้สง่างามดุจหงส์มังกร องอาจมีมาด ยามขยับตัวเสมือนผสานกับฟ้าดิน ยืนสบายๆ ก็ยังดูน่าเกรงขาม อหังการไม่มีใครเทียบได้ ดึงดูดใจคน
ข้างกายเฟิงจวินหลินยังมีคนติดตามอยู่สามคน เมื่อได้เห็นชายชุดดำท่าทางยับเยินน่าอนาถ ดวงตาก็หดรัดลง สีหน้าล้วนอึมครึม สายตาหันมองไปยังหลินสวิน
“นายน้อย! หลิงเสวียนจื่อคนนี้ชิงเอาแหล่งดาราที่ข้าพบเป็นคนแรกไป ข้าให้เขาคืนให้เขายังจะฆ่าข้าอีก!”
ชายชุดดำเหมือนเจอที่พึ่ง จิตใจฮึกเหิม กัดฟันเอ่ยปาก ถ้อยคำที่พูดออกมากล่าวโทษอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด
หลินสวินหลุดขำออกมา สีหน้าเหยียดหยาม “คนอย่างเจ้านี่โกหกได้หน้าซื่อๆ เจ้าไปถามนายน้อยของเจ้าดู ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทั้งหมดเขาเห็นอยู่ก่อนแล้วหรือไม่”
สาเหตุที่ก่อนหน้านี้เขายังไม่ฆ่าชายชุดดำคนนี้ทันที ก็เพราะสังเกตเห็นว่าในมุมมืดมีจิตรับรู้แกร่งกล้าสายหนึ่งจับจ้องฟ้าดินแถบนี้อยู่ตลอด
หลินสวินไม่ต้องเดาสักนิดก็รู้ว่าจะต้องเป็นเฟิงจวินหลินอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมหลินสวินไม่ได้ลงมือรุนแรง ก็เพราะอยากเห็นว่าอีกฝ่ายจะทนซ่อนอยู่ในที่ลับได้ถึงเมื่อไร
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์