Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2479

สรุปบท ตอนที่ 2479 นัยเร้นลับของวัตถุอมตะ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 2479 นัยเร้นลับของวัตถุอมตะ – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2479 นัยเร้นลับของวัตถุอมตะ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 2479 นัยเร้นลับของวัตถุอมตะ

‘ก็ไม่รู้ว่าการเคลื่อนไหวร่วมกันที่เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวพูดถึง ทำไปเพราะเหตุใด…’ หลินสวินใคร่ครวญ

สองคนนี้พลังต่อสู้ล้วนไม่ธรรมดายิ่ง เป็นพวกชั้นนำในหมู่มกุฎมหาจักรพรรดิ

โดยเฉพาะเซี่ยงเสี่ยวหยวน บนตัวมีกลิ่นอายที่ลึกลับคลุมเครือมากมาย ทำเอาหลินสวินก็ยังไม่กล้าดูเบา

ขนาดสองคนยังตั้งใจเชื้อเชิญตนเคลื่อนไหวร่วมกัน แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่วางแผนกันเกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องเล็ก

จากนั้นหลินสวินก็ส่ายหน้า ไม่คิดมากความอีก

ตอนนี้เพิ่งจะอยู่ด่านนภาอมตะที่สอง การจะไปถึงด่านนภาอมตะที่เก้ายังไม่รู้ว่าจะสิ้นเปลืองเวลาแค่ไหน

หลินสวินยื่นมือพลิกขึ้นคราหนึ่ง โคมทองแดงเก่าแก่ที่ประกายแสงพร่าเลือนดวงหนึ่งปรากฏขึ้นมา

นี่คือสมบัติที่ได้มาจากแดนลับฝึกหลอมเขตที่เก้าของเมืองตั้งต้น ถึงแม้พลังวิญญาณจะสึกกร่อนหมดเกลี้ยงนานแล้ว แต่ตัวโคมกลับมีคุณสมบัติของวัตถุอมตะ

สมบัติทำนองนี้ยามอยู่เขตที่เก้า หลินสวินรวบรวมมาได้สิบกว่าชิ้น

“ของพวกนี้ให้เจ้า”

หลินสวินเอาครึ่งหนึ่งของสมบัติเหล่านี้ออกมา ยื่นให้นกกระจอกเขียว

“ให้ข้า?” นกกระจอกเขียวอึ้งไป ดูระวังตัวยิ่งยวด “เจ้า… ตัดใจได้หรือ”

หลินสวินกล่าวไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่เอา?”

“ไม่เอาก็โง่สิ”

นกกระจอกเขียวกล่าวพลางกางปีกกสะบัดพรึ่บ ปลดปล่อยแสงสีเขียวแถบหนึ่งออกมาเก็บสมบัติเหล่านี้ กล่าวปลื้มปริ่มว่า “เจ้านี่ก็พิลึกเกินไปแล้ว ทำไมจู่ๆ ถึงใจดีขนาดนี้ขึ้นมา อย่าบอกนะว่าหาใจเมตตาเจอแล้ว”

“ถึงแม้คุณหนูของเจ้าจะให้เจ้านำทางให้ข้า แต่ข้าจะปล่อยให้เจ้าทำงานเปล่าได้อย่างไรกัน สินน้ำใจพวกนี้ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากข้าแล้วกัน”

หลินสวินกล่าวง่ายๆ แล้วโยนเศษสำริดชิ้นหนึ่งเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

เปรี๊ยะ!

ภายในเศษสำริดนี้มีวัตถุอมตะ เพิ่งร่วงลงเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็แตกระเบิดทันที ถูกเพลิงหงส์ระเบียบสีม่วงที่แวววาวโปร่งแสงสายแล้วสายเล่าหลอมละลาย

สุดท้ายเหลือเพียงประกายแสงสีเทาที่ดุจดั่งเส้นผมสายหนึ่ง ปลดปล่อยกกลิ่นอายไม่เสื่อมสูญอันบริสุทธิ์ออกมา

อย่าเห็นว่าแค่สายเดียว ความรู้สึกที่มอบให้ผู้คนกลับยิ่งใหญ่หนักแน่นปานภูเขาเทพ หนักหน่วงมโหฬาร เสมือนสามารถทับทลายเวิ้งฟ้าได้!

“นี่ก็คือวัตถุอมตะหรือ”

ดวงตาหลินสวินลุ่มลึก สัมผัสโดยละเอียด

ตอนนี้เขารู้แล้ว วัตถุอมตะเป็นเจตวัตถุแห่งยุคที่ถือกำเนิดในต้นกำเนิดมรรคอมตะ มูลค่าล้ำค่าหาใดเปรียบ

มีเพียงบุคคลกร้าวแกร่งยิ่งระดับอมตะเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปในต้นกำเนิดมรรคอมตะ ไปรวบรวมสมบัตินี้ได้

และโดยทั่วไปแล้ว ต่อให้อยู่ในเก้าน่านฟ้าใหญ่ของโลกยอดนิรันดร์ ต้นกำเนิดมรรคอมตะก็พบได้น้อยอย่างที่สุด นี่ก็ทำให้วัตถุอมตะยิ่งล้ำค่าราคาแพงเข้าไปใหญ่

ประโยชน์สูงสุดของวัตถุอมตะก็คือการหลอมศาสตรามรรคอมตะ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้หลอมร่างอมตะได้ด้วย

ศาสตรามรรคอมตะที่สมบูรณ์หนึ่งชิ้น ถึงขั้นสามารถวิวัฒน์เป็นโลกวัฏจักรว่างเปล่าแห่งหนึ่ง ควบคุมพลังแห่ง ‘แดนโลก’ ได้!

อันที่จริงลักษณะและอานุภาพของศาสตรามรรคอมตะ ก็ใช้ ‘พลังโลก’ มาแบ่งเกณฑ์

เล่าลือกันว่าเผ่าจักรพรรดิอมตะแต่ละตระกูลล้วนใช้พลังระเบียบเป็นรากฐานตระกูล ใช้ศาสตรามรรคอมตะเป็นอาวุธหลักพิทักษ์ตระกูล

เผ่าจักรพรรดิอมตะที่รากฐานพลังน่าสะพรึงจำนวนหนึ่ง ยิ่งครอบครองศาสตรามรรคอมตะมากกว่าหนึ่งชิ้น!

อย่างเช่นนกกระจอกเขียวเคยหลุดปากเผยว่า ตระกูลเหวินที่เหวินเซ่าเหิงอาศัยอยู่ ครอบครองศาสตรามรรคอมตะที่มีชื่อเรียกว่า ‘โลงฝังโลก’ หนึ่งชิ้น ภายใต้การโจมตีเดียว ก็สามารถดับทำลายโลกใหญ่แห่งหนึ่งให้สิ้นซาก อานุภาพน่ากลัวถึงขีดสุด

“อย่ามองว่าเป็นแค่วัตถุอมตะน้อยนิด หากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ ต้องขายได้ในราคาสูงลิ่วที่ทำให้เจ้าคิดไม่ถึงอย่างแน่นอน”

นกกระจอกเขียวเอ่ยชี้แนะอยู่ข้างๆ

“ราคาสูงลิ่วคือเท่าไหร่” หลินสวินถาม

“อย่างน้อย… ก็ต้องสิบล้านผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งกระมัง”

นกกระจอกเขียวกล่าว “แต่ในสถานการณ์ทั่วไปก็ไม่มีใครเอาออกมาขายหรอก ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นถึงสมบัติที่แม้แต่ระดับอมตะยังพากันขวนขวายใฝ่หา”

หลินสวินอึ้งไป “กล่าวเช่นนี้ ราคาของสมบัติที่ข้าเพิ่งให้เจ้าเมื่อครู่ถ้ารวมกันก็จะ…”

นกกระจอกเขียวระวังตัวทันควัน กล่าวว่า “เจ้าจะมานึกเสียใจทีหลังไม่ได้เชียว เสียใจไปก็ไร้ประโยชน์!”

มุมปากหลินสวินกระตุกคราหนึ่ง

เขาเงียบไม่เอ่ยคำ ห่วงว่าขืนพูดอะไรอีก อาจข่มใจไม่ไหวแย่งสมบัติที่ยกให้พวกนั้นกลับคืนมา…

และเวลานี้ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็มีการเปลี่ยนแปลง ดึงดูดความสนใจของหลินสวิน

ก็เห็นพลังของวัตถุอมตะสายนั้นกำลังหลอมละลายทีละน้อย ถูกเตากระบี่ดูดซับไม่หยุด เกิดเสียงดังวู้มแปลกประหลาดระลอกหนึ่ง ดุจดั่งโห่ร้องยินดี

หลินสวินสัมผัสได้อย่างว่องไวว่าคุณสมบัติของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเสี้ยวหนึ่ง เสมือนได้รับการหลอมรวมอย่างถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูกอย่างหนึ่ง!

สวบ!

จากนั้นหลินสวินก็ดึงกระบี่บินที่แตกหักเล่มหนึ่งออกมาแล้วโยนเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง เกิดเสียงแตกระเบิดดังเปรี๊ยะๆ ระลอกหนึ่ง ไม่นานกระบี่บินแตกหักนี้ก็ถูกหลอมจนเหลือเพียงวัตถุอมตะเส้นหนึ่ง

เตากระบี่ส่งเสียงอึงอลไม่หยุด เหมือนลูกสัตว์ที่ร้องขอให้ป้อนอาหาร ดูดซับวัตถุอมตะเสี้ยวนั้นอย่างละโมบบ้าคลั่ง

นัยน์ตาดำของหลินสวินทอประกาย

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเตากระบี่ของตนจะถึงกับสามารถดูดซับพลังของวัตถุอมตะได้ นี่เห็นชัดว่าน่าเหลือเชื่อยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!

ในใจเขาเริ่มคิดคำนวณ ภายหน้าหากมีโอกาส ต้องรวบรวมวัตถุอมตะเพิ่มขึ้น บางทีอาจสามารถทำให้ดาบหัก สามพันเคลื่อนคล้อย และเจดีย์ไร้สิ้นสุดฟื้นคืนกลับมาดังเดิมได้ทั้งหมด…

เช้าตรู่วันถัดมา

ฟ้ายังไม่ทันสางหลินสวินก็ออกจากโรงเตี๊ยม มายังนอกประตูบูรพาของเมืองพยัคฆ์ครองแล้ว

ที่นี่มีท่าข้ามมิติแห่งหนึ่ง

ขอเพียงในมือมีป้ายคำสั่งที่ผ่านการทดสอบ ก็สามารถโดยสาร ‘เรือกระสวยสุริยันจันทรา’ ออกจากท่า มุ่งหน้าไปยังท่าปลายทางแห่งหนึ่ง

เรือกระสวยสุริยันจันทราที่เรียกกัน ก็คือสมบัติที่รูปร่างคล้ายกระสวยบิน ประทับรอยสลักผนึกลึกลับอันเป็นเอกลักษณ์ มีประสิทธิภาพในการเคลื่อนย้าย

ขณะเดียวกัน มีเพียงรอยสลักผนึกลับของเรือกระสวยสุริยันจันทรา ที่สามารถสัมผัสถึงทิศทางของเป้าหมายจากที่ไกลๆ ในเส้นทางข้างหน้าได้

เพราะฉะนั้นต่อให้เป็นคนที่แข็งแกร่งแค่ไหน ก็ต้องเลือกโดยสารเรือนี้ออกไป

ตอนที่หลินสวินเร่งมาถึง เรือกระสวยสุริยันจันทราลำหนึ่งจอดที่หน้าท่าข้ามมิติแห่งนั้นแล้ว เมื่อยื่นป้ายคำสั่งที่เผิงเทียนเสียงมอบให้ หลินสวินก็ขึ้นเรือสมบัติที่แปลกพิกลลำนี้ได้อย่างราบรื่น

พื้นที่ในเรือสมบัติกว้างใหญ่สุดขีด ตอนที่หลินสวินมาถึงก็มีระดับจักรพรรดิหลายสิบคนอยู่ในนั้นแล้ว ล้วนไม่คุ้นหน้า

เมื่อหาที่ว่างตำแหน่งหนึ่งได้แล้วหลินสวินก็หลับตาพักผ่อน

ออกจากเมืองพยัคฆ์ครอง จำต้องผ่านสนามรบที่เสี่ยงอันตรายนองเลือดหลายสิบแห่งถึงจะสามารถไปยังด่านนภาอมตะที่สามได้

มีนกกระจอกเขียวชี้แนะตลอดทาง ทำให้หลินสวินไม่ต้องกังวลอะไร

‘ด้วยมรรควิถีในปัจจุบันของข้า สามารถต่อสู้กับบรรพจารย์มรรคอย่างเหิงเทียนซั่วได้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าหากปราณบรรลุขั้นผสานมรรค จะสามารถอาศัยมรรควิถีแห่งตนเหยียบบรรพจารย์มรรคอย่างเหิงเทียนซั่วไว้ใต้เท้าอย่างแท้จริงได้หรือไม่…’

หลินสวินขบคิด

ขั้นผสานมรรค ก็คือระดับจักรพรรดิขั้นแปด

แต่ว่าปราณของหลินสวินเพิ่งจะอยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดชั้นต้น คิดอยากก้าวสู่ขั้นผสานมรรค ยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน

‘แดนใหญ่พันศึกแม้จะอันตราย แต่กลับเป็นสถานที่ฝึกฝนที่คุ้มค่า ก่อนไปถึงโลกยอดนิรันดร์ ไม่ต้องพะวงว่าจะไม่สามารถทะลวงขั้นผสานมรรค…’

หลินสวินมั่นใจในจุดนี้ยิ่ง

ตั้งแต่เข้าสู่แดนใหญ่พันศึกจนบัดนี้ เวลาเพิ่งจะครึ่งปีเท่านั้น แต่เขาได้รับการเคี่ยวกรำและโชควาสนามากมาย ขนาดมรรควิถีก็ยังเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด

ภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ ขอเพียงหนทางข้างหน้าไม่เกิดเหตุสุดวิสัยที่คาดไม่ถึง การทะลวงเข้าสู่ระดับจักรพรรดิขั้นแปดก็เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

“เอ๋ บังเอิญนัก สหายยุทธ์จินก็ตั้งใจจะจากไปวันนี้ด้วยหรือ”

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะที่เสนาะหูราวเสียงสวรรค์สายหนึ่งก็ดังขึ้น เจือกลิ่นชื่นบาน ลอยเข้าหูหลินสวิน

ร่างของหลินสวินแข็งทื่ออย่างไม่อาจสังเกต ปวดหัวขึ้นมาทันที

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์