Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2483

ตอนที่ 2483 มีเมืองยอดยุทธ์

ริมฝีปากอวิ้นหลิวแค่นเฮอะออกมาคราหนึ่ง

นัยน์ตาที่ปรากฏภาพนองเลือดน่าสะพรึงของเขาพลันเปลี่ยนเป็นมืดสลัวลง

“เกี่ยวโยงถึงผู้สืบทอดคีรีดวงกมลคนนั้น ทุกสิ่ง… ล้วนเต็มไปด้วยตัวแปรหรือ”

อวิ้นหลิวส่งเสียงทอดถอนใจออกมา

สิ่งที่เขาบำเพ็ญคือ ‘คัมภีร์ศากยะอนาคตกาล’ ของอารามเสียงอสนีเล็ก มีความสามารถในการสอดส่องความลับสวรรค์บางส่วน ทำนายอนาคต

คัมภีร์นี้ถูกมองเป็นวิชาพยากรณ์เร้นลับ คนทั่วไปขอเพียงถูกเขาจ้องมองสักครา ก็สามารถสอดส่องทิศทางโชคชะตาตลอดชีวิตของผู้นั้นได้

แม้จะเป็นโชคชะตาของผู้ฝึกปราณทั่วไป ก็ยากจะหลีกหนีคำทำนายจากสายตาของเขาได้

ที่น่าเสียดายคือ มรรคแห่งโชคชะตาสูงส่งเป็นที่สุด เกี่ยวโยงถึงความลับแห่งอมตะนิรันดร

สิ่งที่เขาสามารถพยากรณ์ได้ ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวร่องรอย คลุมเครือไม่ชัดเจน

ก็เหมือนเวลานี้ที่เขาใจกระตุก สอดส่องถึงลางสังหรณ์บางส่วน และระบุเงาของพิบัติเคราะห์ครั้งหนึ่งออกมาได้ว่าจะปรากฏในด่านนภาอมตะที่เก้า

ทว่าพิบัติเคราะห์ครั้งนี้จะเกี่ยวพันถึงบุคคลแห่งยุคคนไหนบ้าง กลับระบุไม่ได้สักนิด

ต่อให้อวิ้นหลิวเค้นมรรควิถีแห่งตนฝืนทำนายก็ไม่สามารถมองเห็นได้

อวิ้นหลิวรู้ดียิ่ง ว่าจุดนี้เกี่ยวข้องกับมรรควิถีของตน แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือในพิบัติเคราะห์ครั้งนี้เกี่ยวโยงถึงคนผู้หนึ่ง!

ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลคนนั้น!

“โชคชะตาผันเปลี่ยน ฟ้าไม่เที่ยง จะสุขจะทุกข์ไม่มีผู้ใดหนีพ้น”

อวิ้นหลิวพึมพำ

ริมฝีปากแห้งแตกของเขามีคราบเลือดไหลนอง แต่เขากลับไม่รู้ตัวสักนิด

ปีที่สามที่เข้าสู่แดนใหญ่พันศึก

หลินสวินบุกฝ่าขวากหนาม ตะลุยเส้นทางเสี่ยงอันตราย ในที่สุดก็มาถึงนอกด่านนภาอมตะที่เก้าแล้ว!

กลางจักรวาลที่ดำมืดเงียบสงัด เมืองเก่าแก่แข็งแกร่งมหึมาแห่งหนึ่งลอยอยู่กลางเวิ้งฟ้า แผ่แสงศักดิ์สิทธิ์มากมาย

และขุดที่ห่างไปไกลโพ้นของเมืองนี้ กลับเป็นม่านราตรีสีดำสายหนึ่ง ดุจดั่งม่านฟ้าร่วงลู่ พาดขวางอยู่ตรงนั้น กลายเป็นฉากหลังให้แก่เมืองแห่งนั้น

หากยืนมองจากฟากฟ้าเหนือเมืองนั้น

จะมองเห็นชัดเจนว่ากลางม่านราตรีสีดำของจักรวาลที่ไกลออกไปนั้น ปรากฏภาพภูผาธาราอันคลุมเครือจำนวนหนึ่ง

ถึงขั้นมีเงาของสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงเทียวผลุบเทียบโผล่ ส่งเสียงคำรามน่าสะพรึงออกมา สั่นสะเทือนจักรวาลเวิ้งว้าง!

ม่านราตรีสีดำนั่นเห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดายิ่ง ดุจดั่งสถานที่ชั่วร้ายพิศวงแห่งหนึ่ง

นี่ก็คือด่านนภาอมตะที่เก้า

เมืองใหญ่มหึมาที่ลอยแขวนกลางจักรวาล มีชื่อเรียกว่า ‘ยอดยุทธ์’

ต่างจากด่านนภาอมตะแปดด่านก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เมืองยอดยุทธ์ไพศาลถึงขีดสุด ตระการตาหาใดเปรียบ ดุจดั่งหัวใจของจักรวาลแถบนี้ พิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เจิดจรัส อาบชโลมกลางละอองแสงมากมาย

“ในที่สุดก็มาถึงแล้ว…”

หลินสวินพ่นลมหายใจขุ่นมัวออกมาเฮือกยาว

ระหว่างที่เร่งรุดมาด่านนภาอมตะที่เก้า เขาผ่านประสบการณ์ต่อสู้นองเลือดทั้งน้อยใหญ่สิบกว่าครั้ง

โดยเฉพาะครั้งหลังๆ นี้ ตอนที่เดินทางผ่านอารามเสื่อมโทรมที่คงอยู่สืบเนื่องมาจากยุคก่อนแห่งหนึ่ง เพราะถูกใจทวนศึกสำริดที่รูปปั้นดินเหนียวแกะสลักถืออยู่ในมือ ขณะที่คว้ามากลับพบเจอการโจมตีถึงชีวิตอย่างไม่คาดฝัน

ทวนศึกสำริดนั่นดูเหมือนผุพัง แต่กลับเผยพลานุภาพน่าสะพรึงไร้ขอบเขตออกมาชัดเจน เพียงแค่การโจมตีเดียวก็สามารถผ่าเวิ้งฟ้าขาดสะบั้น โจมตีแผ่นดินใหญ่แหลกกระจุย กร้าวแกร่งยิ่งยวดอย่างที่สุด

หลินสวินต่อสู้อย่างทุลักทุเลกับมันอยู่หลายวัน บาดเจ็บนับไม่ถ้วน หลายครั้งล้วนเกือบถูกสังหาร แต่สุดท้ายก็ยังอาศัยอภินิหารหยุดเวลา กำราบทวนศึกสำริดอันแปลกพิสดารเล่มนี้ได้ในที่สุด

น่าเสียดาย จังหวะที่ถูกกำราบนั้น ทวนศึกสำริดเล่มนี้ก็ดุจดั่งใช้เรี่ยวแรงจนหมด ระเบิดโครมคราม ทำเอาหลินสวินจนคำพูดไปชั่วขณะ

สู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายถึงตอนท้ายกลับไม่ได้อะไรติดมือมา เหมือนเอาตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ!

อันที่จริงเรื่องเช่นนี้ ในระหว่างที่เขาบุกตะลุยตลอดทางก็มีให้เห็นไม่น้อย ทว่าท้ายที่สุดก็ยังทำให้หลินสวินอัดอั้นใจอย่างเลี่ยงได้ยากอยู่ดี

ประโยชน์หนึ่งเดียว บางทีอาจเป็นการเคี่ยวกรำที่ยากจะได้รับครั้งหนึ่งจากการผ่านประสบการณ์ต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้มรรควิถีของเขามั่นคงถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ

และหลังออกจากอารามทรุดโทรมแห่งนั้น หลินสวินก็มุ่งตรงมาถึงจักรวาลที่ด่านนภาอมตะที่เก้าแห่งนี้ตั้งอยู่

เขาในเวลานี้ทั่วร่างเปื้อนคราบเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดูเหมือนสะบักสะบอม ทว่าไอสังหารจางๆ เป็นสายๆ ที่รายล้อมทั่วร่าง กลับควบรวมกร้าวแกร่งอย่างเห็นได้ชัด

เหมือนเทพมารที่เพิ่งบุกฝ่าออกมาจากกลางภูเขาศพทะเลเลือดดึกดำบรรพ์คนหนึ่ง!

ตอนที่หลินสวินปรากฏตัวอยู่ในฟ้าดาราแถบนี้ ก็เห็นชัดว่าเตะตาอย่างที่สุด

ผู้ฝึกปราณที่ทะยานผ่านข้างกายเขาไม่มีใครไม่เหลียวมอง แต่เมื่อพวกเขาประสานสายตากับหลินสวินก็รู้สึกตกใจหวาดหวั่น สิ้นหวังฉับพลัน ราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง

แววตาที่เจือไอสังหารเย็นยะเยือกนั่น แค่สบตากันครั้งเดียวก็เหมือนสบตากับผนึกเลือดชัดๆ!

“น่าสะพรึงนัก!”

“คนผู้นี้เป็นใครอีก”

“เดินทางตัวคนเดียว ซ้ำยังรอดชีวิตมาถึงด่านนภาอมตะที่เก้า… ยากจะพบยิ่ง…”

เสียงถกเจือแววตกใจแกมสงสัยดังขึ้น

แต่ตอนที่พวกเขามองมาทางหลินสวินอีกหน กลับเผยแววอึ้งค้างออกมา

…เพิ่งเข้าเมืองไม่ทันไรหลินสวินก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกี่ยวกับตนระลอกหนึ่ง

หลังสืบข้อมูลคร่าวๆ เขาจึงรู้ว่าระยะนี้มีคนโหมกระพือข่าว บอกว่าตนจะปรากฏตัวที่ด่านนภาอมตะที่เก้าแห่งนี้

ถึงตอนนั้นกองกำลังของเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเหวิน ตระกูลเหิง ตระกูลลั่ว จะเคลื่อนทัพพร้อมกัน เข้ากำราบตน

หากเป็นเพียงข่าวโคมลอย ย่อมไม่อาจเรียกความโกลาหลใหญ่โตขนาดนี้ได้เป็นแน่

สาเหตุก็เพราะหลังจากข่าวนี้แพร่ออกไป ยังได้รับการเห็นด้วยจากขุมอำนาจตระกูลเหิงและตระกูลเหวินอีกด้วย!

หนำซ้ำยังมีบุคคลแห่งยุคมากมายคุยโว ว่าหากเขาหลินสวินกล้าโผล่มาที่เมืองยอดยุทธ์จริงๆ จะฟันคอผู้ร้ายที่อยู่ในลำดับสามบนกระดานประกาศจับอย่างเขาทิ้งแน่นอน!

เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้จึงยากที่จะไม่โหมกระพือ อย่างน้อยในเมืองยอดยุทธ์ตอนนี้ ใครๆ ล้วนรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว

‘ดังคาด พวกเขาวางกำลังไว้ล่วงหน้าแต่แรกแล้ว…’

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย ก่อนมาเมืองยอดยุทธ์เขาก็คาดเดาไว้แล้ว จึงไม่ได้แปลกใจนัก

สองฝั่งถนนกว้างเก่าแก่มีร้านยา โรงอาวุธ หอลูกกลอนโอสถ และมีหอสุรา หอน้ำชาต่างๆ ผู้คนสัญจรคลาคล่ำ รุ่งเรืองและครึกครื้นหาใดเทียบ

หลินสวินทำเหมือนทุกครั้งที่เข้าสู่ด่านนภาอมตะแต่ละแห่ง

มุ่งหน้าไปยังร้านค้าที่กิจการค่อนข้างใหญ่โตจำนวนหนึ่ง เร่ขายสมบัติที่ตนรวบรวมมาได้ตลอดทาง ขณะเดียวกันก็เสาะหาร้านค้าที่จำหน่ายมุกยมโลก

จนกระทั่งสามชั่วยามต่อมา หลินสวินถึงหาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเพื่อพักผ่อน

‘ยังขาดมุกยมโลกเก้าเม็ด ก็จะสามารถหลอมลายมรรคนรกสามเส้นที่เหลืออยู่นั้นออกมาได้อย่างสมบูรณ์…’

ภายในห้อง หลินสวินโยนมุกยมโลกที่ซื้อมาเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทั้งหมด และมองดูการเปลี่ยนแปลงอัศจรรย์ของลายมรรคนรกสามสายที่เหลืออยู่นั่น พลางลอบพยักหน้าอย่างอดไม่ได้

จากด่านนภาอมตะที่สามจนถึงตอนนี้ ตลอดทางนี้ยามเขาเข้าด่านนภาอมตะแต่ละแห่ง ล้วนต้องซื้อมุกยมโลกจากในเมือง ถึงแม้จะต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อการนี้ แต่ประสิทธิผลที่ได้รับก็เห็นชัดยิ่งเช่นกัน

เขามีสังหรณ์อย่างหนึ่ง

เมื่อลายมรรคนรกเก้าสายควบรวมอย่างสมบูรณ์ จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงสะท้านโลกแน่นอน!

“นกกระจอกเขียว เล่าเรื่องการทดสอบในเมืองยอดยุทธ์นี่ให้ข้าฟังหน่อย” หลินสวินกล่าวง่ายๆ

นกกระจอกเขียวกล่าว “มุ่งหน้าไปโบราณสถานมรรคที่อยู่นอกเมืองนี้แล้วจับวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิสิบตน ไม่ถึงขั้นลำบากนัก เพียงแต่โบราณสถานมรรคนั่นอันตรายยิ่งยวด แม้จะมีวาสนาของยุคก่อนมากมาย แต่คิดอยากรอดชีวิตออกไปก็ต้องระวังสุดกำลัง”

หลินสวินพยักหน้า

ก่อนหน้านี้ตอนที่เร่ขายสมบัติในเมือง เขาก็รู้แล้วว่าทุกๆ หนึ่งเดือนจะมีผู้ฝึกปราณจำนวนหนึ่งลงชื่อเข้าร่วมการทดสอบ และถูกส่งไปยังโบราณสถานมรรคนั่น

และตอนนี้ เหลืออีกแค่สามวันก็จะถึงการทดสอบครั้งถัดไปแล้ว ลงชื่อร่วมตอนนี้ยังทัน

แต่ก่อนจะลงชื่อ หลินสวินตั้งใจจะไปยังจุดที่ศิลาศึกข้ามแดนตั้งอยู่ก่อนสักรอบ!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์