ตอนที่ 2484 กระดานเร้นลับ นภา ปฐพี
เรื่องมิอาจล่าช้า หลินสวินออกเดินทางทันที
เพียงแต่เพิ่งเดินออกจากโรงเตี๊ยม
“โฮก!”
ทันใดนั้นเสียงคำรามสนั่นสายหนึ่งก็ดังลอยมาจากฟ้าด้านนอก ทั่วทั้งเมืองยอดยุทธ์ล้วนสั่นไหวรุนแรง กำแพงเมืองส่งเสียงก้องกระหึ่ม
ตูม!
ไม่นานตัวเมืองก็สาดแสงผนึกออกมาสายแล้วสายเล่า ค้ำยันม่านแสงเจิดจรัสชั้นหนึ่งที่แผ่ครอบเมืองเก่าแก่ทั้งเมืองเอาไว้
หลินสวินอดตกใจไม่ได้
เขาสัมผัสได้ทันทีว่าส่วนลึกของเวิ้งฟ้าด้านนอกนั่น ในความมืดมิดมีเงามายาสูงใหญ่มหึมาสายหนึ่งปรากฏขึ้น
ดุจดั่งเทพมารในตำนาน เงาร่างสูงถึงหมื่นจั้งเต็ม เท้าเหยียบดารา แหงนหน้าคำรามสู่ห้วงจักรวาล
เวลานี้เงามายาที่ดุจดั่งเทพมารนี้ร่างกายส่ายไหวราวกับบ้าคลั่ง ดุจดั่งต้องการสลัดพันธนาการอะไรบางอย่าง ทำเอาเวิ้งฟ้าสั่นสะเทือน จักรวาลแถบนั้นล้วนแหวกแยก รอยแตกมหึมาลุกลามไปทุกที่ ก่อเกิดพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึง
กลิ่นอายระดับนี้น่าสะพรึงยิ่งกว่าบรรพจารย์มรรคอย่างแน่นอน!
แต่ในสายตาหลินสวิน เงามายาเทพมารนี้… ความจริงเป็นแค่พลังเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งที่พุ่งโฉบออกมาจากโลกมืดมิดที่ดุจดั่งม่านราตรีแห่งนั้น!
กล่าวง่ายๆ คือ สิ่งที่ปรากฏนอกเวิ้งฟ้ายามนี้ เป็นเพียงเจตจำนงลวงตาสายหนึ่ง
ทว่าอานุภาพระดับนั้น เหนือชั้นกว่าบรรพจารย์จักรพรรดิมากโข!
หลินสวินยังอดสูดหายใจสะท้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ นี่เป็นสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงอะไรกัน เหตุใดถึงแข็งแกร่งขนาดนี้
“เกิดอะไรขึ้นอีก โบราณสถานมหามรรคนั่นนับวันก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นปั่นป่วนแปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆ พักนี้มักเกิดเรื่องแปลกๆ เช่นนี้อยู่เสมอ ยังดีที่ตอนนี้ยังไม่ได้ลามมาถึงเมืองยอดยุทธ์…”
ผู้คนที่สัญจรบนท้องถนนนับว่าค่อนข้างเยือกเย็น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เพิ่งเจอเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรก
“ได้ยินว่าเป็นเพราะในโบราณสถานมหามรรคนั่นมีประทับผนึกที่ลึกลับแห่งหนึ่งคล้ายกำลังคลายตัวอยู่ สิ่งที่ถูกปิดผนึกอยู่ในนั้น เป็นไปได้สูงว่าอาจเป็นสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงในยุคก่อน”
มีคนกล่าวเสียงเบา
“นี่เป็นเพียงคำเล่าลือเท่านั้น ข้ากลับได้ข้อมูลมาว่ากลางโบราณสถานมหามรรคแห่งนั้นจะมีศุภโชคแห่งยุคปรากฏ คาดว่าว่าอาจเกี่ยวข้องกับกระบี่อำมหิตเล่มหนึ่งของยุคก่อน”
มีคนกล่าวอย่างเป็นจังหวะจะโคน
“ไม่ผิด ข้าเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน กระบี่อำมหิตนั่นแม้จะไม่เคยปรากฏ ทว่าเจตกระบี่ที่แผ่คลุ้งออกมาก็กลายเป็นลักษณ์ประหลาดสีเลือดที่ประหนึ่งภูเขาศพทะเลเลือด มีซากศพของเทพมารนับไม่ถ้วนกองพะเนิน แปลกพิสดารและน่ากลัวยิ่ง”
จากการสนทนานี้ หลินสวินถึงได้รู้ว่าระยะนี้ในโบราณสถานมหามรรคเกิดการเคลื่อนไหวแปลกๆ อยู่บ่อยครั้ง มีเสียงกระบี่ครวญดังก้อง แปรสภาพเป็นลักษณ์ประหลาดสีเลือด กลบฝังทวยเทพ
ภาพเหตุการณ์นี้ถูกพวกกร้าวแกร่งมากมายมองเห็น และคิดว่าลักษณ์ประหลาดนี้เป็นไปได้สูงว่าอาจเกี่ยวข้องกับกระบี่อำมหิตเล่มหนึ่งที่อยู่ในโบราณสถานมหามรรค
นอกจากนี้ยังมีเสียงคำรามเหมือนอย่างเมื่อครู่ดังขึ้น มีเจตจำนงของสิ่งน่ากลัวขัดขืนอย่างบ้าคลั่ง สันนิษฐานว่าหมายจะทุบทำลายประทับผนึกและพุ่งออกมาสู่โลก
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้กลายเป็นม่านมืดมิดชั้นหนึ่งปกคลุมเมืองยอดยุทธ์
เพราะเมืองยอดยุทธ์ตั้งอยู่ห่างจากโบราณสถานมหามรรคแห่งนั้นใกล้เกินไป หากเกิดความเคลื่อนไหวรุนแรงอะไร เมืองยอดยุทธ์ต้องถูกลูกหลงเป็นแห่งแรกอย่างแน่นอน
ทว่าสำหรับพวกกร้าวแกร่งบางส่วนแล้ว การเปลี่ยนแปลงของโบราณสถานมหามรรคกลับทำให้พวกเขาตระหนักถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง…
ก็คือมีศุภโชคสะท้านยุคใกล้ปรากฏแล้ว!
ชั่วขณะเดียว เรื่องที่เกี่ยวกับโบราณสถานมหามรรคก็กลายเป็นประเด็นสนทนาที่ร้อนแรงมากที่สุดในเมืองยอดยุทธ์
เมื่อเข้าใจเรื่องเหล่านี้แล้วหลินสวินก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ความผิดปกติทั้งหมดนี้หากเกี่ยวข้องกับยุคก่อนจริงๆ เช่นนั้นเมื่อปะทุออกมา… ย่อมต้องอันตรายสุดหยั่งอย่างแน่นอน!
นอกเวิ้งฟ้าในส่วนลึกของจักรวาล เงามายาเทพมารที่สูงหมื่นจั้งเต็มนั้นดิ้นขลุกขลักอยู่เนิ่นนานก่อนจะส่งเสียงคำรามอย่างขัดใจออกมา จากนั้นถึงค่อยสลายไป อันตรธานหายลับในทันที
“เห็นแล้วกระมัง โบราณสถานมหามรรคอันตรายยิ่งยวด มหาจักรพรรดิทั่วไปไม่กล้าเข้าไปแม้เพียงก้าวเดียว ก็มีแต่พวกร้ายกาจแห่งยุคเหล่านั้นเท่านั้นถึงกล้าบุกเข้าไปแสวงหาศุภโชค”
มีคนทอดถอนใจ ในโบราณสถานมหามรรคแห่งนั้นไม่เพียงเกิดความเปลี่ยนแปลงประหลาด ซ้ำยังมีวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิที่ไม่อาจจินตนาการมากมายกระจายตัวอยู่ เต็มไปด้วยอันตรายน่ากลัว
แน่นอน สำหรับพวกร้ายกาจบางส่วนแล้ว ก็มีโชคลาภที่ยากจะจินตนาการด้วยเช่นกัน
หลินสวินไม่ได้คิดมากความ มุ่งตรงไปยังฝั่งตะวันออกของเมือง
เมืองยอดยุทธ์สูงตระหง่านกว้างใหญ่ กำแพงเมืองราวยอดเขา สูงใหญ่แน่นหนา เจือกลิ่นอายโอ่โถง
แต่บริเวณตะวันออกของเมืองกลับกลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม อนุญาตเพียงระดับจักรพรรดิขึ้นไปเท่านั้นที่เข้าใกล้ได้
หนึ่งใน ‘ศิลาศึกข้ามแดน’ เก้าหลักที่คงอยู่เรื่อยมาจากยุคก่อนก็ตั้งอยู่ในนั้นด้วย
เมื่อหลินสวินมาถึง ก็เห็นว่าในพื้นที่อันกว้างขวางถึงขีดสุดแถบหนึ่ง มีป้ายศิลาที่คละคลุ้งกลิ่นอายแรกกำเนิดตั้งอยู่
มันสูงสามพันจั้งเต็ม ไพศาลมโหฬาร แผ่กลิ่นอายแรกกำเนิด ดุจดั่งเสาที่ค้ำยันเวิ้งฟ้า มีระลอกคลื่นกฎเกณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง
ศิลาศึกข้ามแดน!
ตำนานเล่าว่าศิลานี้มีทั้งหมดเก้าหลัก กระจายอยู่ในด่านนภาอมตะต่างๆ คงอยู่เรื่อยมาท่ามกลางการดับสิ้นของยุคก่อน
ศิลานี้มีคุณสมบัติพิเศษลึกลับอย่างที่สุด สามารถเชื่อมต่อกับพลังที่ปิดครอบทั่วทั้งแดนใหญ่พันศึกได้ เร้นลับยิ่ง
ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา เคยมีระดับอมตะไม่รู้เท่าไหร่ตาลุกวาว พยายามเอาศิลาศึกข้ามแดนออกไป
ทว่าที่อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือ แม้จะเป็นระดับอมตะลงมือเองก็ไม่สามารถเคลื่อนศิลานี้ได้แม้แต่เสี้ยว!
ใกล้ๆ ศิลาศึกข้ามแดนในยามนี้มีคนจำนวนหนึ่งบ้างยืนนิ่งเงียบ บ้างก็นั่งขัดสมาธิ แสงมรรคไหลเวียนทั่วร่าง เห็นชัดว่าล้วนกำลังสัมผัสและหยั่งรู้พลังบนศิลาศึกข้ามแดน
ความจริงแล้วหลินสวินเองก็สัมผัสได้ตั้งแต่จังหวะแรกเช่นกัน ศิลาศึกข้ามแดนแผ่ระลอกคลื่นไร้รูปออกมา ดุจดั่งโซ่คลื่น ปิดครอบพื้นที่แถบนี้เอาไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์